ภาพยนตร์ /นพมาส แววหงส์ / GRETA

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

GRETA

‘อับเฉาเหงาหงอย’

 

กำกับการแสดง Neil Jordan

นำแสดง Isabelle Huppart  Chloe Grace Moretz  Maika Monroe  Colm Feore  Stephen Rea

 

เป็นธรรมดาที่คนทำหนังผู้มีฝีมือขนาดนีล จอร์แดน เมื่อทำหนังใหม่ออกสู่ตลาด ย่อมเป็นที่จับตาและคาดหวังสูงพอควรของบรรดาแฟนหนัง

หนังฝีมือนีล จอร์แดน ผู้กำกับฯ ชาวไอริช ที่ผู้เขียนยังจำได้ดี มีอาทิ

The Crying Game (1992) ซึ่งนักวิจารณ์ได้รับการขอร้องไม่ให้เขียนเปิดเผยจุดสำคัญในเรื่องในข้อเขียนทุกชนิด สมัยนั้นคำว่าสปอยเลอร์ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายเหมือนสมัยนี้เลย และมีฟอร์เรสต์ วิตเทกเกอร์ เล่นในยุคก่อนที่จะได้รับออสการ์นักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก The Last King of Scotland ในบทจอมเผด็จการอีดี้ อามิน แห่งประเทศยูกันดา

Interview With the Vampire (1994) ที่มีคริสเตียน สเลเตอร์ เป็นนักเขียนผู้สัมภาษณ์ทอม ครูส เกี่ยวกับชีวิตอันทุกข์ทรมานจากอมตภาพอันไม่มีวันสิ้นสุดของผีดูดเลือด

Michael Collins (1996) ที่มีเลียม นีสัน แสดงเป็นนักปฏิวัติชาวไอริชผู้มีเลือดรักชาติอันร้อนแรง

และอีกเรื่องที่ยังประทับใจไม่รู้ลืมคือ The End of the Affair (1999) ที่สร้างจากนิยายรักแกมเศร้าระหว่างสงคราม ซึ่งมีเรฟ ไฟน์ส และจูเลียนนา มัวร์ นำแสดง

 

พอได้ดูหนังเรื่องใหม่ล่าสุดของนีล จอร์แดน ที่มีอิซาเบลล์ ฮัพพาร์ด (นักแสดงชาวฝรั่งเศสผู้เปรียบได้กับเมอริล สตรีป ของฮอลลีวู้ด) แสดงนำ ก็ออกจะผิดหวังกับฝีมือที่ดาษดื่นแสนธรรมดาในแบบฉบับของหนังประเภทธริลเลอร์ระทึกใจแกมหวาดผวา

ตัวละครหลักเป็นหญิงสาวหน้าใสสวยบริสุทธิ์ ชื่อฟรานซิส (โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์) ผู้เป็นคนหน้าใหม่ในมหานครนิวยอร์ก โดยอาศัยอยู่กับเพื่อนรักชื่อเอริกา (ไมกา มอนโร) ผู้เพิ่งได้รับมรดกเป็นอพาร์ตเมนต์สวยงามใจกลางเมือง

วันหนึ่งฟรานซิสผู้ใสซื่อไปเจอกระเป๋าถือแบรนด์เนมวางทิ้งไว้บนที่นั่งรถใต้ดิน เธอหยิบติดมือมาด้วย เพื่อค้นหาเจ้าของกระเป๋า และเมื่อเจอชื่อและที่อยู่ในกระเป๋า เธอก็นำไปคืนด้วยตัวเอง มิไยจะโดนค่อนขอดและคัดค้านจากเพื่อนสาวผู้เจนโลกในเมืองใหญ่ ซึ่งบอกว่าเวลาที่ชาวนิวยอร์กเจอกระเป๋าที่ไม่มีเจ้าของวางทิ้งอยู่ สิ่งแรกที่ควรทำคือแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจดูระเบิดเสียก่อน ไม่ใช่เปิดดูกระเป๋าค้นหาเจ้าของเพื่อนำไปคืน

แต่ฟรานซิสผู้มีจิตใจดีงามก็ไม่เชื่อเพื่อน และดั้นด้นเอากระเป๋าไปคืนเจ้าของถึงบ้าน

เธอได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเกรต้า ไฮเดก (อิซาเบลล์ ฮัพพาร์ด) ในบ้านที่มีเปียโนตั้งอยู่ แถมเกรต้ายังเล่นเปียโนให้เธอฟัง โดยพูดถึงลูกสาวที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะกำลังเรียนดนตรีอยู่ในปารีส

ฟรานซิสเองก็เล่าว่าเธอเพิ่งเสียแม่ไปไม่นาน

ต่างฝ่ายต่างเติมช่องว่างในชีวิตให้แก่กันและกัน

ฝ่ายหนึ่งโหยหาลูกสาว อีกฝ่ายโหยหาแม่

 

การพบปะด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดีนั้นปูทางไปสู่การเชื่อมสัมพันธไมตรีขั้นต่อไป คือฟราสซิสเสนอจะช่วยพาเกรต้าไปหาสุนัขมาเลี้ยงไว้แก้เหงา

แต่ไม่ทันไร ในการมาเยือนบ้านของเกรต้าครั้งหนึ่ง ฟรานซิสก็ไปเจอเข้ากับหลักฐานบางชิ้นที่ทำให้เธอประหวั่นพรั่นพรึงกับพฤติกรรมของเกรต้า และรีบผลุนผลันลากลับโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

มิไยเกรต้าจะเพียรโทร.หาเพื่อถามไถ่อย่างไม่ยอมหยุด ทิ้งข้อความไว้นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งในมือถือและโทรศัพท์บ้าน

แถมยังตามไปขอพบตัวที่ร้านอาหาร ซึ่งฟรานซิสทำงานเป็นสาวเสิร์ฟอยู่

ยืนเฝ้าจ้องมองแบบไม่กะพริบตาอีกฝั่งถนนเหมือนจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหน และจองโต๊ะสั่งอาหารมาให้เธอเป็นคนเสิร์ฟแบบน่าหวาดผวา

โดยสรุปคือ เกรต้าไม่ยอมรับคำปฏิเสธตัดความสัมพันธ์แบบแม่ลูกที่เพิ่งจะผลิใบแต่ยังไม่ทันจะได้งอกงามครั้งนี้

 

ฟรานซิสหมดหนทางโดยหันหน้าไปพึ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งก็จัดการในด้านสิทธิพลเมืองได้เพียงในระดับหนึ่ง โดยกำจัดคนตามตื๊อที่คุกคามความปลอดภัยไปได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม

แปลว่ากฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้ในกรณีแบบนี้

ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

ยิ่งไล่ก็ยิ่งถูกไล่ตาม

ยิ่งหนีก็ยิ่งถูกตามจับตามองจนชวนขวัญหนีดีฝ่อ

มาตรการขั้นสุดท้ายที่ฟรานซิสทำได้คือ หนีไปให้พ้นจากนิวยอร์ก

แต่เกรต้าก็ยังรู้ทัน และจัดการตลบหลังแผนการหนีของฟรานซิสได้อีก

 

หนังเดินเรื่องตามแบบฉบับของหนังธริลเลอร์ประเภทเดียวกันนี้ โดยใช้ตัวละครอีกตัวที่พ่อของฟรานซิสจ้างมาสืบการหายตัวไปของลูกสาว

สตีเฟน เรีย เป็นนักแสดงคู่ขวัญที่ปรากฏหน้าค่าตาในหนังของนีล จอร์แดน อยู่บ่อยๆ แม้จะมีบทบาทไม่มาก แต่เราในฐานะคนดูก็แทบจะคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าบทบาทของนักสืบเซ่อซ่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่ในหนังแบบนี้จะไปลงเอยที่ไหน

หนังดูไม่ค่อยลงตัว และทิ้งช่องโหว่ที่ไม่ได้เติมเต็มด้วยเหตุด้วยผลไว้เต็มไปหมด

โดยมากเพียงเพื่อเอฟเฟ็กต์ของการหลอกให้คนดูสะดุ้งผวา อย่างที่เรียกว่า jump scare ซึ่งเป็นเทคนิคประจำของหนังสยองขวัญ หาไม่ก็จะไม่เข้าข่ายหนังธริลเลอร์

อย่างเช่น การที่ตัวละครตัวหนึ่งพยายามหลบหนีการไล่ตาม โดยใช้มือถือพูดอยู่ตลอดเวลากับตัวละครอีกตัว และได้รู้ว่าตัวเองโดนติดตามไล่หลังอยู่ทุกขณะ โดยมีภาพถ่ายตัวเธอจากกล้องมือถือของผู้ไล่ล่าที่ส่งมาให้เป็นระยะๆ

หนังช่วงนี้ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเกรต้ามีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ เหมือนจะเป็นภูตผีปีศาจ หรืออะไรสักอย่างที่เหนือมนุษย์ ทว่าจุดนี้ก็ไม่ได้รับการขยายต่อแต่อย่างใด

หนังประเภทนี้เคยเป็นที่นิยมอยู่หลายเรื่อง อย่างเช่น Fatal Attraction หรือ Cape Fear ซึ่งทำได้ดีและสร้างความหวาดผวาแก่คนดูได้จริงๆ

อย่างใน Fatal Attraction (เกลน โคลส, ไมเคิล ดักลาส) ซึ่งว่ากันว่าทำให้บรรดาผู้ชายเจ้าชู้นึกสยองจนต้องหันมาพิจารณาความประพฤตินอกลู่นอกรอยนอกใจภรรยาของตัวเอง อย่างน้อยเรื่องราวของหนังก็เป็นข้อเตือนใจสำหรับพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของผู้ชาย หรือแม้แต่ผู้หญิงก็ตาม

และใน Cape Fear (โรเบิร์ต เดอนีโร, นิก นอลเต, เจสซิกา แลงก์) พฤติกรรมของตัวละครที่ส่งผลอันชวนสยองขวัญต่อมาคือความรู้สึกโดนกระทำอย่างอยุติธรรมจากทนายความต่อลูกความ

 

แต่ใน Greta นี้ ตัวละครหลักที่โดนตามล่า มีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์ ถึงพร้อมด้วยจิตใจดีงาม และต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิ่งนี้กลับกลายเป็นจุดอ่อนของเธอที่เปิดช่องให้เธอโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส

ตรงนี้ดูไม่สร้างสรรค์เอาเลยค่ะ เหมือนกับหนังต้องการจะบอกว่า โลกนี้น่ากลัวเกินกว่าที่เราจะแสดงน้ำใจไมตรีและความหวังดีแก่คนแปลกหน้า

เพราะงั้น นิทานเรื่องนี้จึงสอนว่าในโลกสมัยใหม่ที่ดูหน้าไม่รู้ใจกันนี้ เราต่างคนต่างอยู่ไปจะดีกว่า ไม่ต้องไปหยิบยื่นไมตรีให้ใครเลย

…เหมือนเรื่องชาวนากับงูเห่ายังไงยังงั้นเลย