หนุ่มเมืองจันท์ | คาถาสู้ “ความทุกข์”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

เป็นการสัมภาษณ์ที่มีความสุขมากครับ

ทั้งที่เป็นเรื่องที่เรา “ไม่รู้”

ผมไปหลุดปากรับคำ “ชีวามิตร วิสาหกิจเพื่อสังคม” เป็นพิธีกรรับเชิญรายการ “วิชาชีวิต”

พยายามบอกเขาว่าผมไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้เท่าไรนัก

ตามปกติจะคุยเรื่องธุรกิจหรือการเมืองมากกว่า

แต่เขาก็บอกว่า “ไม่รู้” ยิ่งดี

เพราะเหมือนเป็นตัวแทนของคนทั่วไป

บังเอิญเรื่องที่จะคุยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเผชิญความตายระยะสุดท้าย

ประเด็นน่าสนใจ

ชื่อหัวข้อยิ่งน่าสนใจ

“เตรียมนับวัน”

ถ้าถึงขั้น “นับวัน” ก็คงจะ “สุดท้าย” จริงๆ

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทั้งที่ไม่มีพื้นความรู้

ผมก็ตัดสินใจรับปาก

ไม่รู้ว่าโดน “ป้ายยา” หรือเปล่า

แต่ถือเป็นเรื่องโชคดีมากที่ได้เป็นพิธีกรเรื่องนี้

ได้คุยกับ “พี่แอ้” พรวรินทร์ นุตราวงศ์ นางฟ้าพยาบาลของคนไข้ระยะสุดท้าย

ตอนนี้ “พี่แอ้” เกษียณแล้ว

แต่ยังช่วยดูแลคนไข้ และเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องนี้อยู่ตลอด

“พี่แอ้” เป็นคนคุยสนุกมาก

ตอนแรก “พี่แอ้” เป็นพยาบาลประจำห้องคลอด

รับหน้าที่บอก “ข่าวดี” ให้คุณพ่อและญาติๆ

“ผู้ชายค่ะ”

“ผู้หญิงค่ะ”

แต่พอมาดูแลคนไข้ที่เป็นมะเร็ง

หน้าที่ก็เปลี่ยนไป

ต้องคอยบอก “ข่าวร้าย” แก่ “คนไข้”

วิธีการบอก “ข่าวร้าย” ถือเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง

“พี่แอ้” จะดูก่อนว่า “คนไข้” พร้อมรับข่าวร้ายแล้วหรือยัง

ถ้าทำใจไม่ได้ ประมาณถ้าเป็นต้องตายแน่ๆ

แบบนี้ยังไม่บอก

แต่ถ้ามีท่าทีแบบว่า “สู้เว้ย”

แบบนี้ค่อยบอก “ข่าวร้าย”

และทุกครั้งที่บอกจะมีคำพูดต่อท้ายเสมอ

“…แต่”

เป็นมะเร็ง แต่…

ตอนนี้โรคมะเร็งรักษาได้ มียาให้เลือกเยอะมาก

โชคดีกว่าสมัยก่อนมาก

มะเร็งก็เหมือนกับเบาหวาน หรือโรคไต

ดีกว่าโรคไต เพราะเป็นโรคไตต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆ

ยิ่งหนัก ยิ่งต้องมาทุกวัน

“พี่แอ้” พยายามหา “มุมดี” ซึ่งเป็น “เรื่องจริง” มาบอกคนไข้

พร้อมตัวอย่างคนที่เป็นแล้วหาย

ยิ่งคุยไปเรื่อยๆ

ผมยิ่งเห็นรังสี “นักบุญ” ของ “พี่แอ้”

เพราะงานของเธอ เหมือนได้ทำบุญทุกวัน

เป้าหมายการดูแลคนไข้ระยะสุดท้ายของ “พี่แอ้” คือ ทำอย่างไรให้คนไข้มีความสุขมากที่สุดในช่วงท้ายของชีวิต

คุณแม่คนหนึ่งเป็นมะเร็งปอดระยะท้าย

ตามปกติจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน

เธอบอก “พี่แอ้” ว่าอยากอยู่ให้ถึงเดือนมกราคม

ถามว่าทำไม

เธออยากอยู่จนถึงวันที่ลูกรับปริญญา

ดูระยะเวลาแล้วไม่แน่ว่าจะอยู่ถึงหรือไม่

“พี่แอ้” โทรศัพท์ไปบอกลูกชายว่าให้ไปขอใบปริญญาจากคณบดี

และพรุ่งนี้เอาชุดครุยมา

แม่ตัดชุดผ้าไหมสีฟ้าเอาไว้ ให้เอามาโรงพยาบาลด้วย

วันรุ่งขึ้น ลูกชายมาโรงพยาบาลพร้อมชุดครุยและชุดผ้าไหมของแม่

แต่ไม่มีใบปริญญา

มีแต่ทรานสคริปต์

ลูกชายบอกว่าคณบดีไม่ให้ใบปริญญา บอกว่าต้องรับในงานพระราชทานปริญญาเท่านั้น

“พี่แอ้” โทร.ไปหาคณบดีเองเลย

เล่าเรื่องคุณแม่ที่ป่วยในระยะสุดท้าย และความหวังที่อยากถ่ายรูปกับลูกและใบปริญญาให้ฟัง

“ถ้าท่านไม่ให้ใบปริญญามา แล้วคุณแม่เสียไปก่อนวันรับจริง ท่านทำบาปมากเลยนะคะ”

แค่บอกเล่า

ไม่ได้ขู่

แต่คณบดีก็ให้ใบปริญญามา

วันนั้น คุณแม่ใส่ชุดผ้าไหมสีฟ้า ถ่ายรูปกับลูกในชุดครุย

ถ่ายในห้องคนไข้

ถ่ายที่สนามหน้าโรงพยาบาล

เธอมีความสุขมาก

คุณแม่ขอบคุณ “พี่แอ้” มากที่ทำให้ “ความฝัน” ของเธอเป็นจริง

เอารูปมาวนเวียนดูทุกวัน

จนวันสุดท้าย คุณแม่เอารูปวางที่อก

แล้วหลับไปด้วย “รอยยิ้ม”

อีกคนหนึ่ง เป็นคุณพ่อหมดอาลัยตายอยากในชีวิต

เมื่อรู้ว่าเป็น “มะเร็ง” ระยะสุดท้าย

นอนดูนาฬิกา แล้วบ่นว่าอยากตาย

“พี่แอ้” เข้าไปคุย

ตอนแรกก็ถามคำ ตอบคำ

ถามว่าอยากทำอะไร

“ไม่อยาก”

อยู่บ้านทำอะไร

“เล่นไพ่กับแม่”

เล่นอะไร

“ดัมมี่”

“พี่แอ้” ให้น้องไปซื้อไพ่มาสำรับหนึ่ง ให้ผู้ช่วยพยาบาลที่เล่นไพ่เป็นมาเล่นเป็นเพื่อน

พอเริ่มต้นสับไพ่ คุณพ่อที่นอนอยู่ดึงไพ่มาสับเอง

มืออาชีพมาก

ทั้งสับ ทั้งกรีดไพ่

ตาเริ่มเป็นประกาย

พอเริ่มเล่น คุณพ่อก็กระเถิบตัวจากนอนมาเป็นนั่ง

45 นาทีผ่านไป

คุณพ่อนั่งเล่นไพ่อย่างสนุกสนาน

ไม่เจ็บ ไม่ปวดอะไร

“พี่แอ้” บอกกับลูกว่าให้พาคุณพ่อกลับบ้านไปเล่นไพ่เถอะ

เป็นการเผชิญ “ความตาย” อย่างมีความสุขจริงๆ

ถาม “พี่แอ้” ว่าเจอกับคนมีความทุกข์มาเยอะ มีคาถาอะไรช่วยคนที่มีความทุกข์ได้บ้าง

“ทุกข์ของใคร ยิ่งใหญ่เสมอสำหรับคนนั้น”

คนมีความทุกข์ต้องการการรับฟัง กำลังใจ

อยากร้องไห้ ร้องเลย

แต่ต้องลุกให้เร็วที่สุด

ทุกข์ของเมื่อวาน ไม่ใช่ทุกข์ของวันนี้

“เวลา” จะช่วยรักษาทุกอย่างได้

แต่ที่ผมชอบที่สุด “พี่แอ้” บอกว่า สุดท้ายถ้าทำอะไรไม่ได้จริงๆ ให้ท่องคาถานี้

“ช่างแม่ง”

ครับ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป