อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ครึ่งหนึ่งของชีวิต (36) “คำขอบคุณ”

รัก/หลง/เมือง (16)

หญิงสาวผู้อ้างตนว่าเป็นภรรยาของเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง

“บ่ายมากแล้ว เราควรกลับกันเสียที หรือหากคุณยังไม่อยากกลับที่พักของเรา มีร้านที่น่านั่งจำนวนมากในเมืองแห่งนี้ ปายในฤดูที่การท่องเที่ยวไม่ทำงานมีความสงบอย่างที่คุณนึกไม่ถึง”

เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง เดินตามเธอไปที่ลานจอดรถ เขานึกทบทวนชื่อเมือง ปาย ชื่อเมืองเล็กๆ ที่เขาเลือกมา เขาเป็นคนกรุงเทพฯ พบรักเธอที่วัดอุโมงค์ที่เชียงใหม่ แต่งงานหลังจากนั้น

ถ้าเช่นนั้นตัวตนของเขาที่เป็นเพียงพนักงานบริษัทเล็กๆ ในกรุงเทพฯ ผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศหายไปไหน เขาผู้พลาดหวังในรัก ผู้หลีกหนีความเจ็บปวดมาที่เมืองแห่งนี้ ปายหายไปไหน

เขาผู้เคยมีชีวิตในความทุกข์ตรม ความเศร้าหมองหายไปไหนกันแน่

เขาตัดสินใจในตอนนั้นเองว่าเขาจะเดินทางกลับในวันพรุ่ง หลังจากวันนี้ผ่านไป เขาจะชวนเธอเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การได้มีใครสักคนเคียงข้างเป็นเรื่องที่ดี

เขาเหงามิใช่หรือ

เขาว้าเหว่มิใช่หรือ

ก็ตอนนี้เองที่เขามีใครสักคนเคียงข้าง หญิงสาวผู้ที่ยอมรับว่าเธอพร้อมจะอยู่เคียงข้าง ความพิกลพิการพิสดารใดๆ ก็ตามของเรื่องราวนี้เขาไม่แยแสอีกต่อไปแล้ว ทิ้งมันไว้ให้ผู้อื่นสะสางเถิด ทิ้งมันไว้ให้คนอื่นค้นหาเถิด

เขาได้รับในสิ่งที่เขาแสวงหาแล้วคือการมีคู่รัก เขาจะทุกข์ตรมต่อไปทำไมอีก เขาควรจากเมืองนี้ไป จากหญิงสาวที่เขาหลงรัก จากหญิงสาวที่เธอเดินทางมาที่นี่พร้อมคนรักของเธอ และไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับสิ่งที่เขาได้รับมา ปริศนามีไว้ให้เราค้นหาในยามที่เราไม่พอใจคำตอบของมัน

แต่เมื่อเราพึงใจกับคำตอบของมันเสียแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็ทอดทิ้งเสียได้ ทอดทิ้งเสียอย่างจบสิ้นและหมดจดในคราเดียวกัน

 

เขาพาเธอซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในเมือง

จอดรถลงตรงหน้าร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง ไม่มีลูกค้าในร้านแห่งนั้นนอกจากความเงียบ

เธอร้องขอลาเต้ร้อนในขณะที่เขาขอเพียงน้ำโซดาเย็นๆ หนึ่งขวด ทั้งคู่นั่งตรงข้ามกันแต่ไม่มีบทสนทนา

สิ่งที่เขาสงสัยเกี่ยวกับตัวเธอ สิ่งที่เขาสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอได้รับการเฉลยหมดแล้ว ตอนนี้มีเพียงแต่อนาคตระหว่างเขาและเธอ ไม่มีอดีตอีกต่อไป เธอจะเป็นใครมาจากไหน สิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญเลย

เขามีเธอและเธอมีเขา นั่นคือความรักที่ควรจะเป็น นั่นคือความรักที่เขาต้องการจะให้เป็น

จนดวงอาทิตย์ตกดิน เขาและเธอจึงออกจากร้านกาแฟแห่งนั้น ทั้งคู่ตรงไปยังร้านอาหารตะวันตกที่บริเวณนอกเมือง อาหารเรียบง่ายเพียงซุป สปาเกตตีและสเต๊กขนาดย่อม

ไม่มีบทสนทนาอีกเช่นเคย ราวกับว่าเมื่อเขาไม่มีคำถามอีกแล้ว

คำตอบก็ไม่มีอีก หญิงสาวผู้นั้นดูเหมือนจะพอใจที่จะอยู่กับเขา เดินทางเคียงคู่กับเขาโดยไม่มีคำถาม ตลอดเวลา เธอนั่งเงียบ มองเขาเป็นบางครั้ง ยิ้มให้ในบางครา เพียงเท่านี้ก็พอ เขาพูดกับตนเอง เพียงความอบอุ่นเท่านี้ก็พอแล้ว

เขาพาเธอออกจากร้านอาหารเมื่อทุกอย่างภายนอกมืดมิดลงหมดแล้ว รอบข้างมีแต่ดวงดาวระยิบระยับ เธอขึ้นซ้อนท้ายบนอานมอเตอร์ไซค์

และเมื่อรถเคลื่อนตัวออก มือของเธอก็กระชับเข้ากับเอวของเขา

เธอเอาหน้าลงสัมผัสแผ่นหลังของเขา รถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนผ่านความมืด

เขารู้สึกได้ถึงความสุขที่พองโตในหัวใจ เขารู้สึกได้ถึงความสุขที่ท่วมท้นแน่นในอก

ความมืดไม่ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น ในใจของเขาสว่างไสว

สว่างไสวกว่าที่เคยเป็นมา

 

รถของพวกเขาแล่นออกจากเมืองมุ่งหน้ากลับที่พัก

เขารู้สึกได้ว่าหญิงสาวผู้นั้นกำลังหลับอยู่บนแผ่นหลังของเขา รถมอเตอร์ไซค์คันน้อยแล่นไปตามถนนที่มืดมิดในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาเร่งเครื่องเพื่อจะกลับที่พักให้เร็วขึ้น

เขาอยากให้เธอได้พักผ่อน เขาคิดถึงเตียงนอนอันอ่อนนุ่ม เขาคิดถึงความรักที่พวกเขาแสดงต่อกันในยามเช้า

เขาอยากทำสิ่งนั้นซ้ำอีกครั้ง เขาอยากกอดเธอ เขาอยากจูบเธอ เขาอยากสัมผัสเธอ

เขาอยากรุกล้ำเข้าไปในตัวเธอ เขาเร่งเครื่องอีกครั้งเพื่อเลี้ยวโค้งก่อนจะพบว่าเบื้องหน้ามีรถยนต์คันหนึ่งจอดขวางถนนอยู่

เขารู้สึกตัวอีกทีในสภาวะที่ปวดร้าว ร่างของเขาแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ เขานอนสงบนิ่งอยู่กับที่ชั่วครู่ ก่อนจะพยายามดึงตัวขึ้นจากพื้นดิน รถมอเตอร์ไซค์ของเขานอนนิ่งอยู่ที่พื้น สภาพยับเยิน กระจกหน้าแตกกระจัดกระจาย แฮนด์หน้ารถบิดเบี้ยว รถมอเตอร์ไซค์ของเขาพุ่งเข้าชนกับรถที่จอดนิ่งอยู่กับที่อย่างแรง

รถคันนั้นคงจอดเสียอยู่ ผู้เป็นเจ้าของไม่อยู่ที่รถ เขาอาจไปตามช่างซ่อมหรือเขาอาจกลับบ้านไปเพื่อพักผ่อนก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามมันทำให้รถมอเตอร์ไซค์ของเขามีสภาพที่ไม่ต่างจากเศษเหล็กในยามนี้

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือหญิงสาวผู้อ้างว่าเป็นภรรยาของเขาไม่ได้อยู่บนพื้นถนน เขาลุกขึ้นโดยทันทีเมื่อพบความจริงเช่นนั้น มองไปรอบๆ ไม่มีเธออยู่บริเวณรอบๆ มีเพียงกองเลือดกองหนึ่งเท่านั้น

 

จากกองเลือดกองนั้นมีหยดเลือดเป็นทางตามท้องถนน เขาสะบัดหัวอย่างแรงพยายามเรียกสติคืนมา ก้าวเท้าตามหยดเลือดเหล่านั้นไป ราวสิบนาที เขาก็พบหญิงสาวผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยาของเขากำลังเดินอยู่บนท้องถนนที่มืดมิดเพียงลำพัง

หญิงสาวผู้นั้นดุ่มเดินอย่างไร้สติ เมื่อเขาเข้าไปใกล้เธอ เขาจึงพบว่าเธอไร้สติอย่างแท้จริง ดวงตาของเธอเหม่อลอย ไร้แวว เขาจับแขนของเธอเบาๆ แต่เธอยังไม่หยุดเดิน เธอเหมือนหุ่นขี้ผึ้งที่ไร้วิญญาณที่เดินไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย

เขาพยายามหยุดเธอแต่ไม่เป็นผล โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาถูกหยิบขึ้นมาก่อนจะพบว่ามันพังยับเยินจนใช้การไม่ได้

ความต้องการที่จะติดต่อผู้ช่วยเหลือเป็นอันล้มเหลว เขาเดินตามเธอต่อไปและต่อไป ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องไม่ละสายตาจากเธอ

เธอเดินต่อไปและต่อไป กลับเข้าไปในเมือง หยดเลือดจากแขนและขาของเธอยังไหลริน มันทิ้งร่องรอยจางๆ ไว้บนพื้น

จากหนึ่งเมตรเป็นสิบเมตรร้อยเมตรยืดยาวไป

จากหนึ่งนาทีเป็นสิบนาทีเป็นชั่วโมงเนิ่นนานไป ดวงดาวยังระยิบระยับ ดวงจันทร์ยังส่องสว่าง แต่กาลเวลาผ่านไปดวงดาวก็หลุบแสง ดวงจันทร์ก็ทอแสงอ่อน นานนับชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง เธอก็เดินถึงจุดหมาย เธอเดินตรงมายังโรงพยาบาลประจำเมือง

โรงพยาบาลที่เขาเคยมาที่นี่เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้

 

หญิงสาวผู้นั้นตรงไปที่ห้องฉุกเฉิน เธอแจ้งว่าประสบอุบัติเหตุ

เจ้าหน้าที่พยาบาลดูบาดแผลของเธอ ก่อนจะหันมาถามเขาว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น

เขาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในความรู้สึกของเขา แต่ดูเหมือนหญิงสาวผู้นั้นจะไม่ใส่ใจ เธอพูดเพียงว่า เธอตื่นขึ้นกลางท้องถนน จำอะไรไม่ได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะเหตุใดเธอจึงมาที่นี่

เธอมองเขา แต่ไม่มีความหมายใดๆ ราวกับเขาเป็นเพียงอากาศที่ว่างเปล่า เขาจับแขนของเธอ มันเย็นเฉียบ ในที่สุดเจ้าหน้าที่พยาบาลก็นำเธอเข้าไปในห้องฉุกเฉิน โปรดรออยู่ที่นี่ ไม่นานนักเราจะแจ้งว่าคุณควรทำอะไร

เขานั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน เก้าอี้ตัวเดิมที่เขานั่งรอหญิงสาวที่เขารักเมื่อหลายวันก่อน เขาเอนกายลงกับพนักเก้าอี้ มองไปรอบๆ และแล้วเขาก็แลเห็นชายหนุ่มที่เป็นคนรักของหญิงสาวผู้ที่เขารักนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา ตรงเก้าอี้ตัวเดิม เก้าอี้ตัวที่เขาเคยนั่งเมื่อหลายวันก่อน ภาพเหตุการณ์ซ้ำเกิดขึ้น ทุกอย่างเหมือนดังเหตุการณ์เดิมเมื่อหลายวันก่อน

เปลี่ยนเพียงจากกลางวันมาสู่กลางคืน เปลี่ยนจากที่เขามานั่งเฝ้าหญิงสาวผู้ที่เขารัก เป็นการเฝ้ารอหญิงสาวที่อ้างตนว่าเป็นภรรยาของเขา แต่พ้นจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเดิม เขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลย

ราวสองชั่วโมง หญิงสาวผู้ที่เขารักถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน เธอนอนสงบอยู่บนรถพยาบาล เมื่อแลเห็นเขา เธอเรียกชื่อเขา ยิ้มให้เขา และพูดกับเขาว่า

“ขอบคุณที่ยังรอฉันอยู่เสมอ ขอบคุณที่คุณไม่เคยทอดทิ้งฉันเลย”