พิศณุ นิลกลัด : ทำไมอังกฤษไม่เคยได้แชมป์ยูโร

พิศณุ นิลกลัด
(LtoR) England's forward Daniel Sturridge, England's forward Marcus Rashford, England's forward Wayne Rooney, England's defender Gary Cahill, England's forward Jamie Vardy and England's midfielder Dele Alli celebrate after the Euro 2016 group B football match between England and Wales at the Bollaert-Delelis stadium in Lens on June 16, 2016. England won the match 2-1. / AFP PHOTO / MARTIN BUREAU

การแข่งฟุตบอลยูโรผ่านมาแล้วหนึ่งสัปดาห์ หวังว่าแฟนบอลชาวไทยยังสดชื่น แข็งแรง พร้อมจะอยู่เชียร์ตลอดรอดฝั่งจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม

ทีมอังกฤษยังคงเป็นหนึ่งในดวงใจของแฟนบอลชาวไทยส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกหรือยูโร

แต่อังกฤษเป็นทีมเดียวในยุโรปที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก แต่ไม่เคยเป็นแชมป์ยูโร

เยอรมนี, สเปน, ฝรั่งเศส และอิตาลี ต่างได้ทั้งแชมป์ยูโรและแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้ว

ฟุตบอลยูโรหนนี้จะตกรอบหรือเข้ารอบ ทีมอังกฤษต้องรอลุ้นถึงนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ในขณะที่ “ทีมคุณภาพ” เตะ 2 นัดเข้ารอบแน่

ถามว่าทำไมทีมชาติอังกฤษถึงไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับโลก ทั้งๆ ที่ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก เป็นลีกฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกทั้งในด้านจำนวนผู้ชมและผลกำไร

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติเพราะอังกฤษขาดแคลนนักเตะอังกฤษแท้ฝีเท้าเยี่ยม ที่เรียกว่านักเตะโฮมโกรน (Home Grown) แปลว่านักเตะที่เติบโตในบ้าน ซึ่งเป็นนักเตะที่หัดฟุตบอลในทีมสโมสรของอังกฤษตั้งแต่ระดับเยาวชน

ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรแห่งทวีปยุโรปที่เรียกแชมเปี้ยน ลีก ฤดูกาลล่าสุด มีทีมจากอังกฤษเข้าแข่งขันทั้งหมด 4 ทีม

แต่มีนักเตะอังกฤษเข้าร่วมแข่งขันเพียง 12 คน ที่เหลือเป็นนักเตะต่างชาติที่สโมสรของอังกฤษซื้อตัวมาอยู่ในสังกัด

ในขณะที่ฟุตบอลรายการนี้มีนักเตะสเปนมากถึง 59 คน, นักเตะฝรั่งเศส 42 คน, นักเตะเยอรมัน 38 คน และนักเตะอิตาลี 19 คน

จากการเก็บสถิติของ ออพท่า (Opta) บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลกีฬาด้านต่างๆ ชั้นนำของโลก พบสถิติที่น่าเป็นห่วงสำหรับอนาคตของนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ดังนี้

ในอิงลิช พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2013-2014 นักฟุตบอลชาวอังกฤษแท้ๆ มีจำนวนเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเวลาได้ลงเตะในสนามแข่งขันจริงๆ 32.26% ซึ่งคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของเวลาการแข่งขันทั้งหมด

ส่วนเวลาลงเตะที่เหลืออีกเกือบ 70% เป็นของนักเตะต่างชาติ

โดยจำนวนเวลาที่นักเตะชาวอังกฤษแท้ๆ ได้ลงเตะนั้นลดลงจากสถิติพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2007-2008 ที่ลงเตะ 35.43%

เมื่อเอาไปเทียบกับ ลา ลีกา ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของสเปน นักเตะชาวสเปนมีจำนวนเวลาที่ลงแข่งขันในสนาม 59%

บุนเดส ลีกา ของเยอรมนี จำนวนเวลาที่นักเตะเยอรมันได้ลงแข่งคือ 50%

นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมชาติสเปน และทีมชาติเยอรมนีประสบความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลโลกและยูโร

อลัน เชียร์เรอร์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษกล่าวว่า จากสถิตินี้แสดงให้เห็นว่าชั่วโมงนี้ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษตกอยู่ในสถานะลำบาก คงจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นฟู

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า สถิตินี้น่าเป็นห่วง แต่ก็สามารถมองให้เป็นบวก ว่านี่เป็นโอกาสที่พรีเมียร์ ลีก มีนักเตะชั้นยอดจากทั่วโลกมารวมตัวกัน ทำให้นักเตะอังกฤษแท้ๆ ได้เห็นว่าพวกเทพเขาเล่นกันยังไง ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างนักเตะอังกฤษให้มีฝีเท้าสุดยอดทัดเทียมนักเตะต่างชาติ

สำหรับผู้ชมชาวไทยที่เป็นแฟนทีมชาติอังกฤษก็ต้องติดตามชมและส่งแรงเชียร์ให้ทีมอังกฤษเข้ารอบลึกๆ ใน Euro 2016

แต่อย่าตั้งความหวังสูงเกินไป เพราะฟุตบอลรายการนี้ทีมอังกฤษไปได้ไกลที่สุดคือรอบ 4 ทีมสุดท้าย ทำไว้เมื่อปี 1996 ซึ่งคราวนั้นประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพ