โลกหมุนเร็ว /เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง /ความฝันหลังเลือกตั้ง

โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง

ความฝันหลังเลือกตั้ง

 

ขณะที่เขียนคอลัมน์นี้อยู่เป็นเวลา 21.45 น.ของคืนวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม และพลังประชารัฐกับเพื่อไทยกำลังหายใจรดต้นคอกันอยู่ด้วยคะแนนสูสี โดยมีอนาคตใหม่มาเป็นอันดับสาม

ในใจลึกๆ ของคนไทยที่ไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายก็นึกอยากให้คะแนนของพลังประชารัฐมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นพรรคที่ไม่ได้เลือก

ผู้เขียนเลือกอนาคตใหม่ค่ะ

และจะไม่รู้สึกผิดหวังอะไรเลยถ้าอนาคตใหม่ได้เป็นพรรคฝ่ายค้าน

อยากให้พลังประชารัฐมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะยอมรับในความเป็นผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับในความตั้งใจดี ยอมรับในความเป็นสุภาพบุรุษ พูดโดยสรุปคือ character ของ พล.อ.ประยุทธ์นั้นหาได้ยากยิ่งในหมู่นักการเมืองไทย

พล.อ.ประยุทธ์เป็นทหารที่มีความเป็นเผด็จการน้อยที่สุดภายใต้ท่าทีขึงขัง เป็นผู้นำที่พร้อมประสานทุกฝ่ายโดยไม่มีอัตตา

คนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐเพราะอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนทุกระดับชั้นในสังคมไทย

เมืองไทยนั้นประชาธิปไตยไม่ได้เป็นใหญ่ แต่ชนชั้นยังเป็นใหญ่ เพราะฉะนั้น ถ้าคนที่ชนชั้นผู้นำพอใจได้บริหารประเทศ ประเทศก็จะสงบเรียบร้อย ไม่มีการแทรกแซงจากมือที่มองไม่เห็น

ถ้าเกิดเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาก็จะยุ่งกันใหญ่ เพราะผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังพรรคเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของชนชั้นผู้นำ และเขาก็ได้แสดงตัวตนเด่นชัดแล้วว่าเป็นคนชอบเอาชนะโดยไม่กลัวประเทศจะพัง

เป็นคนอันตราย

ปัจจุบัน

 

ความฝันหลังเลือกตั้งของผู้เขียนคืออยากให้ พล.อ.ประยุทธ์จัดตั้งรัฐบาลโดยมีเพื่อไทยและอนาคตใหม่เป็นฝ่ายค้าน ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะเอาใครมาเป็นพรรคร่วมก็แล้วแต่

สำหรับต่างประเทศ ประเทศไทยจะได้เอ่ยอ้างได้ว่า เรามีรัฐบาลที่เลือกกันมาด้วยวิถีทางประชาธิปไตยแล้ว แม้กฎเกณฑ์การเลือกตั้งจะพิลึกกึกกือไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกนี้ก็ตาม

กฎเกณฑ์การเลือกตั้งที่บ่งบอกว่าคนไทยยังไม่มีวุฒิภาวะพอจะเป็นประชาธิปไตยหรอก ต้องให้ ส.ว. 250 คนที่ชนชั้นนำเลือกมาเป็นคนชี้นิ้วเลือกนายกฯ ให้

ก่อนการเลือกตั้งเล็กน้อย อดีตนายกรัฐมนตรีที่คนไทยทั่วไปไม่ว่าเหลือง ไม่ว่าแดงยอมรับ ซึ่งหากยังจำกันได้ก็เข้ามาเป็นนายกฯ ไม่ใช่ด้วยวิธีการเลือกตั้ง แต่แต่งตั้ง คือ นายอานันท์ ปันยารชุน ได้ออกมาให้ข้อคิดที่น่าฟังว่า เมืองไทยนั้นคนที่คิดต่างไม่สามารถพูดคุยถกเถียงกันได้อย่างชนิดที่ทำให้ความคิดแตกฉานงอกงาม มีแต่การแบ่งฝ่ายและไม่คุยกัน

สิ่งที่ให้ข้อคิดอีกอย่างก็คือ การเลือกตั้งเป็นเพียงหนึ่งเสาหลักของประชาธิปไตยเท่านั้น ยังมีอีก 6 เสาที่เป็นเรื่องของขันติธรรมทางการเมือง การปกครองโดยหลักนิติธรรม เสรีภาพในการแสดงออก ความรับผิดชอบต่อประชาชนและความโปร่งใส การกระจายอำนาจ และภาคประชาสังคม ซึ่งแต่ละสังคมย่อมมีวิวัฒนาการในเรื่องเหล่านี้เป็นของตัวเอง

เช่น ที่อังกฤษ สตรีเพิ่งจะเลือกตั้งได้เมื่อปี 1928 เป็นต้น

 

สําหรับเมืองไทย การให้คนที่คนไทยไว้ใจคือ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนเลือก ส.ว. 250 คน แล้วให้ ส.ว. มาเลือกตนเองกลับไปเป็นนายกฯ อีกหน ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็เป็นได้

เป็นวิวัฒนาการของประเทศที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยได้แค่ 87 ปี

ไทยเป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์สุดชีวิต

พูดว่า พล.อ.ประยุทธ์คือคนที่คนไทย “ไว้ใจ” ไม่น่าจะผิด เพราะเขาคือผู้ที่จงรักภักดี เทิดทูนสถาบัน และคนไทยฝากความปลอดภัยของสถาบันไว้ที่เขา

ในประเทศไทย เสรีภาพในการแสดงออกซึ่งเป็นอีก 1 เสาหลักประชาธิปไตย ไม่อาจใช้ได้กับการแสดงออกเรื่องสถาบันกษัตริย์ ด้วยมีมาตรา 112 ในรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

ส่วนขันติธรรมทางการเมืองก็ยังมีน้อยมาก เห็นได้จากการที่คนคิดต่างทางการเมืองโดนเหยียบย่ำและโดนกระทำด้วย hate speech ตลอดเวลา ถึงขั้นเลยจากฟังแล้วขมขื่นกลายเป็นความขบขันระคนปลงสังเวช

หัวหน้าพรรคโดนเรียกไอ้ตี๋ เพื่อ discredit ทำนองเตือนว่าเป็นเจ๊กอย่าเผยอ

ความฝันเรื่องอยากให้คนไทยมีขันติธรรมทางการเมืองไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้ไหม เพราะคนมีการศึกษาสูงเป็นเสียเอง ไม่อดทนกับความคิดต่าง และใช้ hate speech ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว คิดแต่ว่าทำเพราะรักชาติ รักสถาบัน

อนาคต

 

ความฝันหลังเลือกตั้งของผู้เขียนเป็นจริงอย่างเหนือความคาดฝัน เพราะพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงสูงมากกว่าที่คิด ในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้ ได้ ส.ส.เขตมาถึง 9 คน ขณะที่ พปชร. ได้ 11 คน ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์เรียกว่าหวาดเสียวทีเดียว

ความฝันของผู้เขียนคือการมีพรรคใหม่ๆ ที่ไม่ได้พูดจาแบบเดิมมาให้เลือก หนึ่งปีมาแล้วที่ดีใจว่ามีคนกล้าเข้ามาเล่นการเมืองแบบใหม่ ไม่ใช่ดีแต่ไม่พอใจแล้วบ่นไปวันๆ

คุณธนาธรเอาชีวิตเป็นเดิมพัน สละตำแหน่ง สละการงาน สละฐานะการเงิน เข้ามาทำงานการเมือง แกเอาจริง หวังว่าแกจะไม่มีคำว่าถอยหลัง ผู้เขียนฝันว่าแกจะใช้เวลาคลุกคลีกับชาวบ้านและทำงานให้นโยบายเป็นจริง สิ่งที่แกวางไว้เป็น mission ใหญ่หลวงมหึมา เช่น เรื่องทลายทุนผูกขาด ซึ่งเป็นเสาหลักนโยบายเสาแรกของพรรคอนาคตใหม่

Mission แบบนี้พวกที่ชอบคิดแบบเดิมๆ จะบอกว่า โอ๊ะ ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่คุณธนาธรแกพิชิตขั้วโลกมาแล้วด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ มีชีวิตรอดปลอดภัยโดยสวัสดิภาพ แกก็เป็นคนจริงคนหนึ่ง

แกอาจจะเล็งเข้าไปผลักดันความคิดเรื่องนี้ในสภาอุตสาหกรรมก็เป็นได้ และแกอาจอภิปรายให้กระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งท่าจะออกกฎหมายทลายทุนผูกขาดแต่ไปไม่ถึงไหนซักทีให้เอาออกมาปัดฝุ่นก็เป็นได้

ถ้าทำสำเร็จจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่เลื่องลือไปทั่วโลกเหมือนนโยบายสาธารณสุข 30 บาททีเดียว

นักวิชาการเอย นักคิดเอย ที่เข้ามาช่วยคุณธนาธร คงมีแยะ คนเหล่านี้ไม่ชอบความไม่เป็นธรรมในสังคมอยู่แล้ว

หลายคนที่ไม่ได้ติดตามคุณธนาธรมาแต่แรกอาจไม่รู้ว่าเขาเคยเป็น NGO มาก่อน และ passion ของ NGO คือประชาชน

คุณธนาธรเข้ามาดูแลธุรกิจเพราะบิดาเสียชีวิต ตอนนี้กิจการก็ไม่มีอะไรน่าห่วง คุณธนาธรก็กลับคืนสู่ passion ดั้งเดิม

แค่ Mission แรกก็หนักหน่วงแล้วนะคะ ขอเอาใจช่วยให้ก้าวไม่พลาด ทลายทุนผูกขาดให้ได้ ประเทศไทยจะเรืองรองสู่อนาคต

 

 

 

กรุณาจัดภาพ พลเอก ประยุทธ์ กับ ธนาธร

ใต้ภาพพลเอกประยุทธ์ มี caption “ปัจจุบัน”

ใต้ภาพธนาธร มี caption “อนาคต”

ขอบคุณค่ะ