กาละแมร์ พัชรศรี : แสงเหนือปรากฏทุกที่ แม้ในยามเปลือยกาย

การเดินทางครั้งที่ 3 สู่ประเทศนอร์เวย์ เริ่มขึ้น เพราะฉันและเพื่อนๆ คิดถึงแสงเหนือและต้องการสัมผัสอากาศหนาว และที่สำคัญ ภูมิประเทศของนอร์เวย์ งดงามและดึงดูดพวกเราเสมอ

เมื่อเดินทางถึงในวันแรก คืนนั้น ด้วยความฟิตจัด พวกเราแยกย้ายกันนอนและนัดกันตอนตี 2 เพื่อตื่นไปดูแสงเหนือในบริเวณใกล้ๆ ที่พัก

เรานอนกันตั้งแต่หัวค่ำ ตั้งนาฬิกาปลุก เมื่อตื่นมาแล้ว บางคนก็อิดออด ทั้งๆ ที่ใส่ชุดเตรียมพร้อมไว้แล้ว

เพื่อนผู้ทำหน้าที่คอยเช็กค่าความเข้มของแสงเหนือ หรือเรียกว่า KP ก็รายงานว่า คืนนี้เมฆเยอะ อาจไม่ค่อยเห็น

แต่ฉันผู้ซึ่งตื่นขึ้นมาแล้วแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็บอกกับเพื่อนว่า ไหนๆ ตื่นแล้วก็ลุกไปกันเถอะ

เราเดินไปตามทางห่างจากที่พักไปประมาณ 800 เมตรตามคำบอกเล่าของเจ้าของรีสอร์ต ว่าจุดตรงนั้นเป็นจุดที่ดูแสงเหนือ

เราไปรอดูสักพัก เกือบ 1 ชั่วโมง ยังไม่ค่อยมีวี่แววเท่าไหร่ เพื่อนบางคนหนาวมากเตรียมตัวมาไม่พร้อม ก็อยากจะกลับบ้านพักแล้ว

แต่ฉันเชื่อว่าคืนนี้ต้องมี เลยบอกให้เพื่อนรออีกสักหน่อย

และสุดท้าย เขาก็มาจริงๆ

 

แสงเหนือเริ่มปรากฏตัว เหมือนทุกครั้ง นั่นคือเป็นฝ้าขาวๆ จางๆ คล้ายทางช้างเผือก เราผู้มีประสบการณ์จึงรู้ได้ทันทีว่า แสงเหนือมาแล้วแน่นอน กล้องมือถือบางยี่ห้อสามารถถ่ายติด ยิ่งพวกเราดีใจกรีดร้อง เปิดเพลงเต้นกันอย่างสนุกสนาน แสงเหนือจากที่เห็นเป็นแค่สีขาวก็ปรากฏสีเขียวชัดเจนขึ้น เข้มขึ้นเรื่อยๆ

คราวนี้ขึ้นมาเต็มท้องฟ้า ไม่ใช่แค่ด้านเดียว แต่ขึ้นพร้อมกันหลายด้านทำให้ไม่รู้ว่าเราจะหันไปถ่ายรูปทางไหนก่อนดีจากสีเขียวเข้มก็มีสีชมพูและม่วงขึ้นมาแซม มันเป็นความมหัศจรรย์ ที่ต้องเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งจะเข้าใจ

เมื่อเราเดินกลับบ้านในเวลาใกล้ตี 4 ปรากฏว่าแสงเหนือสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นตรงบ้านพักของเราทันที สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

นำมาซึ่งความฟินของพวกเราทุกคน ที่ตั้งใจตื่นมาดูในค่ำคืนแรกนี้

 

ในคืนที่ 3 เราย้ายที่นอน ไปยังเมืองที่เราเคยเห็นแสงเหนือ แต่คราวนี้เราย้ายจุดดูเพราะในบริเวณเดิมมีแสงไฟจากตัวเมืองรบกวนสายตาอยู่เยอะ

เราเช็กความเข้ม หรือ KP ของแสงเหนือผ่าน Application ปรากฏว่า คืนนี้สามารถเห็นได้ตั้งแต่ 20.00 น.เป็นต้นไป เราเลยออกตั้งแต่หัววัน และเป็นอย่างที่ว่า แสงเหนือปรากฏให้เราเห็นได้ในช่วงเวลา 20.00 น.จริงๆ

คราวนี้มาชัดกว่าเดิม ยิ่งใหญ่กว่าเดิม มีรูปแบบหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม พุ่งขึ้นพาดผ่านบนหัวเราทำให้เราได้ถ่ายรูปเดี่ยวกันคนละหลายรูป รูปหมู่อีกหลายรูป

เราไม่ลืมที่จะขอบคุณปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าเรา พร้อมอธิษฐานให้สิ่งดีงามที่อยู่เหนือเรา คุ้มครองเรา ให้มีชีวิตที่ดีงามในทุกๆ ด้าน

เราจากลาแสงเหนือในคืนวันที่ 3 แบบที่หัวใจพองฟูและเต็มอิ่ม ขอบคุณที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นแบบง่ายๆ ไม่ต้องรอนาน และยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี

ที่ไหนได้ คืนนั้นยังไม่จบง่ายๆ เพราะเรากำลังเดินจะเข้าบ้านพัก แสงเหนือก็ปรากฏขึ้นบนหัวเราตรงบ้านพักเราพอดี และในตลอดค่ำคืนนั้น ก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเราสามารถดูได้จากบ้านพักของเราเลย

มันเป็นความมหัศจรรย์อย่างที่สุด

 

ในวันถัดๆ มา เราย้ายที่นอน แต่ก็ไม่ได้จะออกตามล่าแสงเหนือเหมือนวันแรกๆ คงเพราะเหนื่อยเพลียมาหลายวัน ในคืนสุดท้ายที่เราอยู่นอกเมือง ในแอพพลิเคชั่นบอกว่า ถ้า KP ในคืนนี้เข้มมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา เราเลยตัดสินใจจะรอดูแสงเหนือเป็นการส่งท้าย ทุกคนจึงมานอนกองรวมกันที่บ้านหลังเดียว

เพื่อนบางคนก็นอนหลับไปเลยจริงๆ แล้วบอกให้เพื่อนคนอื่นคอยปลุกด้วยถ้าแสงเหนือมา ซึ่งคนที่ทำหน้าที่นั้นคือฉันเอง

ฉันนอนหลับๆ ตื่นๆ และคอยเปิดประตูไปดูข้างนอก หันซ้ายขวาทั่วทั้งท้องฟ้า เมฆค่อนข้างเยอะ ทำให้เราไม่สามารถเห็นแสงเหนือได้ เราก็คิดว่าทริปนี้คงจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว

แต่ที่ไหนได้…

เมื่อเรามานอน คืนสุดท้ายในเมืองทรอมโซ ที่เราจะต้องขึ้นเครื่องบินต่อเพื่อเดินทางกลับบ้าน แสงเหนือก็ปรากฏขึ้นให้เราเห็นอย่างง่ายดาย แบบไม่ตั้งตัวและไม่ได้คาดหวังมาก่อน

ฉันอยู่ในห้องเซาน่า เพื่อนบางคนเล่นฟิตเนสอยู่ห้องข้างๆ เห็นแสงเหนือปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแบบเป็นสีเขียวเข้ม ชัดเจนและขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง แถมเปลี่ยนรูปทรงมาแบบหลากหลาย

ฉันผู้ซึ่งเปลือยกายอยู่ในห้องเซาน่ารีบคว้าโทรศัพท์มาแทบไม่ทัน ไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นแสงเหนือตอนเราไร้เสื้อผ้าแบบนี้ จะวิ่งไปบอกเพื่อนก็เก้ๆ กังๆ แต่เรื่องแบบนี้เราต้องบอกต่อให้ได้ ฉันเอาผ้าขนหนูพันตัวแล้วแง้มประตูตะโกนเรียกเพื่อนให้มาดูแสงเหนือจากห้องฟิตเนสที่เขาเล่นอยู่

สรุปว่าเราได้เห็นแสงเหนือเป็นการส่งท้าย เป็นการจากลาอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ…

จนกว่าจะได้พบกันใหม่นะแสงเหนือ…