ในประเทศ : ถอดรหัสความเหลือเชื่อ! “อนาคตใหม่” พรรค 1 ขวบ กวาด 80 เสียง

“อนาคตใหม่จะมี ส.ส.เขตแน่นอน จะได้เห็นเซียนปากกาหัก ไม่เกี่ยวกับเขตที่ไม่มีไทยรักษาชาติและเพื่อไทยด้วย สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวน ส.ส. คือการให้สังคมกลับมาเชื่อในระบอบรัฐสภา สร้างพรรคการเมืองที่ดี ถ้าถามว่าอยากได้ ส.ส.เท่าไร ผมขอยักไหล่ เพราะต้องการมากที่สุดอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่บอกว่าได้ 5 คน ได้ 10 คนแล้วทำงานต่อไม่ได้ ไม่ใช่ ใครจะไปรู้ อาจจะได้ 100 คนก็ได้”

จะว่าไปแล้ว ใครจะทำนายอนาคตได้ แต่ดูเหมือนคำพูดนี้ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จะทำนายได้จริง จำนวน ส.ส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ 88 เสียงอย่างไม่เป็นทางการหลังปิดหีบนับคะแนนจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ดูจะเป็นปรากฏการณ์ที่เกินความคาดของหลายๆ พรรค รวมไปถึงพรรคอายุเพียงขวบเดียวอย่างพรรคอนาคตใหม่

นอกจากเขย่าวงการการเมืองไทยแล้วพรรคอนาคตใหม่ยังทำเอาเจ้าของถิ่นหลายตระกูลแทบดับสูญในพื้นที่

อย่างในพื้นที่ปราบเซียน ชลบุรี เขต 6 ผู้สมัครหน้าใหม่ นายจรัส คุ้มไข่น้ำ เอาชนะนายอิทธิพล คุณปลื้ม จากค่ายพลังชล ที่ย้ายมาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐได้อย่างเหนือความคาดหมาย

หรืออย่าง จ.พิษณุโลก เขต 1 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หักปากกาเซียนหลายสำนัก ปาดหน้าเค้กเจ้าถิ่นอย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.หลายสมัยจากพรรคประชาธิปัตย์ไปได้สำเร็จ

ยังไม่นับ นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ จากพรรคอนาคตใหม่ เชียงราย เขต 1 ล้มช้างเจ้าถิ่น นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.หลายสมัยจากพรรคเพื่อไทยไปอย่างพลิกล็อก

แถมยังตบหน้าพรรคคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชารัฐ นางรัตนา จงสุทธานามณี ด้วยคะแนนเพียงหลักพัน

สิ่งเหล่านี้ทำให้มองได้ว่าประชาชนส่วนหนึ่งอยากเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้น ทำไมต้องเป็นพรรคอนาคตใหม่

นักวิชาการหลายคนก็วิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน เช่น ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า เพราะการทำการบ้านในการปราศรัย การเสนอนโยบายที่แหลมคมในทุกครั้งที่พูด รวมไปถึงการย้ำจุดยืนและอุดมการณ์ความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ นโยบายไทยสองเท่า “คนเท่าเทียมกัน ไทยเท่าทันโลก”

ซึ่งปรากฏเป็นรูปธรรมจากความหลากหลายของผู้สมัคร ส.ส. รวมถึงภาพความสำเร็จของแกนนำอย่างนายธนาธรในการบริหารบริษัทอุตสาหกรรมไทยที่ส่งออกรายใหญ่ของประเทศ ความแข็งแกร่งในการเอาชนะความยากลำบากของธรรมชาติผ่านโซเชียลมีเดีย สามารถเข้าถึงฐานคนรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการจุดประเด็นเสรีภาพทางความคิด การทวงคืนอำนาจจากรัฐประหาร ที่ไม่มีพรรคการเมืองไหนกล้าทำ

จึงเป็นเสมือนสิ่งที่มาปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากวังวนเดิมๆ การเมืองเดิมๆ

 

เช่นเดียวกับ รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ที่ย้ำว่า การเมืองของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ในการต่อต้านทหาร เป็นภาพที่คงเส้นคงวาในสายตาของคนรุ่นใหม่ นำพาให้พรรคสีส้มเดินทางมาได้ถึงจุดนี้ แม้จะดูดุดัน ฮาร์ดคอร์ไปบ้าง แต่ในทางการตลาด ความแตกต่างอย่างชัดเจนจึงเป็นจุดขายที่สำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าใช่ รู้สึกว่าเป็นสินค้าที่พอใจจะซื้อ แล้วคนรุ่นใหม่ไม่อยู่เฉย ซื้อแล้วยังบอกต่อ แชร์ต่อจนกลายเป็นไวรัลขึ้นมา

สอดคล้องกับความเห็นของนายรังสิมันต์ โรม ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ว่าที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 16 ที่เปิดเผยว่า เพราะวิกฤตทางการเมืองและพรรคการเมือง การเลือกตั้งที่เว้นมานาน กลุ่มคนที่มีสิทธิในการเลือกตั้งซึ่งเกิดขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้คนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการพรรคการเมืองใหม่ๆ

ขณะเดียวกันการใช้เครื่องมือในการสื่อสารของพรรคอนาคตใหม่ ภาษาจากคนรุ่นเดียวกัน ความใหม่ทั้งในการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค การทำ Blind Trust ความกล้าพูดในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำแม้บางคนจะบอกว่าน่าเบื่อ แต่เพราะความสม่ำเสมอตั้งแต่ต้นจนทำให้การประกาศล้มรัฐประหาร นำประชาธิปไตยคืนกลับมากลายเป็นกระแสที่จุดติดและถูกนำมาเป็นกระแสหลักในการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายนี้

“เราไม่คิดว่าการที่คนเลือกพรรคอนาคตใหม่คือการเสี่ยงดวงกับอนาคตของประเทศ แต่หากเลือกแบบเดิมก็จะเจอวิกฤตแบบเดิม เหมือนในบางพื้นที่ที่ชนะแชมป์เก่าส่วนใหญ่เป็นเขตเมือง เขตอุตสาหกรรม เช่น ปทุมธานี เชียงราย ระยอง เพราะโซเชียล ซึ่งต่างจากเขตชนบทที่รับรู้ความเป็นอนาคตใหม่ผ่านโทรทัศน์ แม้คุณธนาธรจะเป็นคนสร้างกระแส แต่คะแนนของผู้สมัครที่ไม่ได้แย่กว่าแชมป์เก่า ทำให้คนจำนวนมากมั่นใจว่าแม้ไม่มีประสบการณ์ แต่วันที่เข้าสภา คนเหล่านี้ก็มีความพร้อม ไม่เกี่ยวกับเรื่องการสืบทอดอำนาจของลุง แต่เพราะความคิดของเราที่ชัด และประชาชนที่มี 1 สิทธิ 1 เสียงที่เชื่อว่าอนาคตใหม่คือความหวัง เป็นกระแสที่เกิดขึ้นก่อนการยุบพรรคไทยรักษาชาติ

คนก็มีความหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะสร้างปรากฏการณ์บางอย่างให้ดีกว่าเดิม หากมีการใช้อำนาจมาเอาผิดกับเราโดยที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีความผิดอะไรเลย ผมเชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอมรับอันตรายที่จะทำ เพราะเห็นแล้วว่าคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่มากขนาดไหน แล้วองค์กรที่มีอำนาจแล้วต้องอยู่โดยที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนเรื่อยๆ จะอยู่ได้นาน และคนก็หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเปลี่ยนประเทศไทยบางอย่างให้ดีกว่าเดิม และต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับนายธนาธร ไม่ใช่ว่าอนาคตใหม่ไปต่อไม่ได้ ผมคิดว่าวันนี้สังคมเลือกเรา ก็รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับอะไร เพราะที่เขาเลือกเรามาเพราะเขาก็เชื่อว่าเราพร้อมที่จะเผชิญหน้า พร้อมที่จะสู้ไปข้างหน้าจริงๆ”

นายรังสิมันต์ระบุ

 

ขณะที่นักการเมืองพรรคต่างขั้วอย่าง “ทยา ทีปสุวรรณ” อดีตแกนนำ กปปส. ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาระบุเช่นกันว่า แม้จะไม่ยินดีกับกระแสอนาคตใหม่ฟีเวอร์ แต่ก็พร้อมน้อมรับการตัดสินใจของประชาชน

แต่ก็เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนที่นักการเมืองรุ่นเก่าต้องเรียนรู้ว่าคนรุ่นใหม่เติบโตมากับอะไร แล้วพวกเขาต้องการอะไร เพื่อทำให้สามารถครองใจคนเหล่านี้ได้

จากนี้ก็ต้องดูไปยาวๆ ว่า การได้มาซึ่ง ส.ส. 80 ที่นั่ง (แบบแบ่งเขต 30 และบัญชีรายชื่อ 50) ในครั้งนี้ จะเป็นการการันตีถึงความสม่ำเสมอของพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องการทำการเมืองระยะยาว จะสามารถเพิ่มคะแนนความนิยมออกไปเป็นพรรคการเมืองกระแสหลัก

พร้อมจุดประกายความหวัง ความต้องการเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ดีขนาดไหน