จับตา “2 ป. ป้อม-ป๊อก” ในโผ ครม.บิ๊กตู่ แอบดู “บิ๊กเจี๊ยบ” จัดทัพหลังบ้าน “ไม่ออฟไซด์ ไม่ยุ่งการเมือง” เจาะใจแม่ทัพฟ้าซากูระ “จอมซุนวู”

ทุกครั้งที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี ก็มักจะมีการจับตามองไปที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ เสมอ ว่าจะถอดใจโบกมือลาไปพักผ่อน หรือไม่

หรือว่า น้องรักอย่าง บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ผู้ถืออำนาจ ม.44 จะจำใจให้พี่ใหญ่วัย 72 ไปพักผ่อน หลังจากที่ร่วม ครม. เหนื่อยด้วยกันมานานกว่า 2 ปี

อีกทั้งก่อนหน้านี้ มีข่าวหนาหูว่า มีทั้ง “ใบสั่ง” และเสียงเรียกร้อง และแรงกดดันจากหลายทิศทาง ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ส่ง พล.อ.ประวิตร ไปพักผ่อน หรืออาจจะเหลือแค่เก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เก้าอี้เดียว

แม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะยืนยันว่า จะไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงความมั่นคง และกลาโหม ก็ตาม

แต่ทว่า คนจัดโผ ครม. คือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ก็ดูจะเครียดๆ ในระหว่างที่ “รอเวลาที่เหมาะสม”

“ไม่ว่าใครเป็นรัฐมนตรี ก็มีค่าเท่ากัน เพราะเป็นการบริหารราชการแผ่นดิน แบบรัฐบาล คสช. ที่ควบคุมดูแลทุกกระทรวง ไม่ใช่เป็นแบบนักการเมือง ที่มาจากคนละพรรค คุมคนละกระทรวง และต้องทำตามนโยบายพรรค” บิ๊กตู่ เปรย

โดยคราวนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะมีชื่อ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รองแห่งบูรพาพยัคฆ์ เป็นแคนดิเดตในหลายเก้าอี้

thumbnail_img_6720

ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสที่จะเป็นองคมนตรี แต่มาตอนนี้ มีชื่อมาเป็น รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ประวิตร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ มองว่า พอจะมีบารมีเพียงพอ เพราะเป็นพี่น้องทหารเสือราชินี และบูรพาพยัคฆ์ ก๊วนเดียวกันมายาวนาน

อีกทั้ง ผบ.หน่วยคุมกำลังในกองทัพที่ พล.อ.ประวิตร ตั้งเอาไว้ ก็ล้วนเป็นลูกน้องของ พล.อ.อนุพงษ์ ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้เพราะมีข่าวสะพัดถึง “ใบสั่งพิเศษ” ที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จัดทัพ ครม.ใหม่

พร้อมๆ กับข่าวนายตำรวจผู้ใกล้ชิดของ พล.อ.ประวิตร บางคนถูกวิพากษ์วิจารณ์ และจับตามอง จนต้องลดบทบาท

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประวิตร จะออกตัวว่า “เหนื่อย” แต่ไม่พูดว่า ไหวหรือไม่

ที่สำคัญคือ ทุกครั้งที่มีการปรับ ครม. พล.อ.ประวิตร ก็จะออกตัวเช่นนี้เสมอ เพราะรู้ดีว่า มีความพยายามในการที่จะแซะเก้าอี้ของตนเอง รวมทั้งมีความพยายามที่จะทำให้พี่น้อง 3 ป. หวาดระแวงและขัดแย้งกันเอง

“เกิดมารับราชการมากว่า 40 ปี ไม่เคยเหนื่อยเท่านี้มาก่อน” บิ๊กป้อม ย้ำเสมอ

img_4675

แต่ก็เชื่อกันว่า เมื่อใดที่ พล.อ.ประวิตร พ้น ครม.บิ๊กตู่ นั่นย่อมหมายถึง เกิดรอยร้าว ขึ้น

ดังนั้น ทั้ง 3 ป.พี่น้อง ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ จึงต้องเกาะกันให้แน่น…แต่ทว่าคราวนี้ มีแรงพิเศษแซะเก้าอี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง

โดยที่ พล.อ.อนุพงษ์ เองนั้น ไม่ได้ต้องการที่จะข้ามจาก มท.1 มาเป็น รมว.กลาโหม เลย ยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์ จำเป็นต้องปรับ ครม.กลาโหมใหม่ และมองว่า บารมีของ บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ยังไม่ถึงขั้น

หรือไม่เช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจต้องควบเก้าอี้สนามชัย 1 นั่งเป็น รมว.กลาโหม เสียเอง เพื่อไม่ให้เกิดการเสียขวัญหรือหวั่นไหวในกองทัพ

เพราะจากการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็เปรียบเสมือนเป็น รมว.กลาโหม เสียเองแล้ว เพราะเป็นคนตัดสินใจหลักในการเลือก ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 1 แม้แต่ ผบ.ทอ.คนใหม่

ที่ทำให้ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กลายเป็น ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. คู่บุญคู่ใจ พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้ว และดูว่าสไตล์การทำงานและผลงานจะเข้าตากรรมการไม่น้อย

แต่ในขณะที่บิ๊กเจี๊ยบเป็นที่จับตามอง ถึงสไตล์ในการทำงานแบบรบพิเศษ และตัวตนที่เรียบง่าย ติดดิน สบายๆ ไม่ต้องพิธีรีตองแล้ว

ก็ถูกมองเลย เจาะลึกไปถึงหลังบ้าน อย่าง คุณนายเบิร์ด เบญจวรรณ สิทธิสาท ภริยาสุดเก๋ ที่รั้งตำแหน่งนายกสมาคมแม่บ้านทหารบก

โดยเฉพาะเมื่อมีการจัดประชุมใหญ่สมาคมแม่บ้าน ทบ. เพื่อมอบนโยบายในการทำงาน ตามนโยบาย 9 ข้อ และข้อบังคับ 9 ข้อ ที่มุ่งเน้นการเทิดทูนสถาบัน สนองงานโครงการพระราชดำริ การดูแลสวัสดิการ สวัสดิภาพ ขวัญกำลังใจกำลังพล งานการกุศล ตรวจเยี่ยมหน่วย และรักใคร่สามัคคี และไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง

โดยม็อตโต้ของบิ๊กเจี๊ยบ คือ “งานได้ผล คนเป็นสุข” ส่วนของคุณนายเบิร์ด ก็มีม็อตโต้ว่า “ครอบครัวเข้มแข็ง เป็นแรงใจทหารกล้า”

ที่ฮือฮาคือ พล.อ.เฉลิมชัย มาร่วมประชุม พร้อมมอบหลักคิด จากพ่อบ้าน ที่เป็นหน้าบ้าน ให้กับบรรดาหลังบ้าน ที่มาจากทุกกองทัพภาคและทุกหน่วยทั่วประเทศ

โดยบิ๊กเจี๊ยบขอให้ภริยาทหารทุกคน ตระหนักถึงหน้าที่อันสำคัญของหลังบ้าน ในการดูแลครอบครัวให้เข้มแข็ง และเป็นกำลังใจอันสำคัญให้แก่หัวหน้าครอบครัว ไปทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะมั่นใจว่าภริยาจะดูแลครอบครัวได้

ที่สำคัญคือให้ทำงานในขอบข่าย อย่าออฟไซด์ ให้รู้ว่าสามีกำลังทำอะไรอยู่ ให้กำลังใจ และไม่สร้างภาระให้หน่วย รวมทั้งให้ความเคารพและให้เกียรติกันด้วยใจ เนื่องจากสมาคมแม่บ้าน ทบ. ไม่ได้มีตำแหน่ง ไม่ได้มีการแบ่งสายแบบใน ทบ. จึงต้องยึดหลักการให้เกียรติและเคารพกัน ตามตำแหน่ง สร้างความปรองดองสมานฉันท์ และติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ

เบญจวรรณ สิทธิสาท
เบญจวรรณ สิทธิสาท

คุณนายเบิร์ด เบญจวรรณ ได้จัดทัพกรรมการสมาคมแม่บ้าน ทบ. ทั้ง 43 คนใหม่ ที่มีภริยาระดับแม่ทัพภาค เจ้ากรมสำคัญๆ และให้ภริยาห้าเสือ ทบ. เป็นอุปนายก ถึง 5 คน คือทั้ง คุณแขก จันทร์ฉาย สิทธิสาร ภริยาบิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รอง ผบ.ทบ. คุณจุติพร วรเจริญ ภริยา พล.อ.สิริศักดิ วรเจริญ ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. คุณเอื้อย นริศรา ทิพยจันทร์ ภริยาบิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ. คุณจุรีภรณ์ นิลบรรเจิดกุล ภริยาบิ๊กเปี๊ยก พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผช.ผบ.ทบ. และ คุณจิยาพร ทองภักดี ภริยาบิ๊กต้อ พล.อ.สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ.

โดยมี คุณอภิญญา เก่งถนอมม้า ภริยาบิ๊กหน่อย พล.อ.ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า เพื่อนรักรบพิเศษ ตท.16 ของบิ๊กเจี๊ยบ เป็นเหรัญญิก คุมการเงิน และหัวหน้าฝ่ายโครงการ และมี พันเอกหญิง ชกามาศ ศุกระเศรณี เป็นเลขานุการ

และให้ คุณศิริลักษณ์ เรียนพืชน์ ภริยาบิ๊กจุ๋ม พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ ผอ.ททบ.5 เพื่อนรัก ตท.16 สายรบพิเศษ เป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ และมี ดร.อ้อ กฤติกา คงสมพงษ์ ภริยาบิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นกรรมการสมาคม และหัวหน้าฝ่ายวิชาการ

การที่บิ๊กเจี๊ยบมาร่วมประชุมสมาคมแม่บ้าน ทบ. ก็ถือเป็นการให้ความสำคัญกับบรรดาหลังบ้าน ทบ. และเป็นการให้เกียรติกับคุณนายเบิร์ด ภริยาที่เป็นทั้งคู่ชีวิตและเพื่อน เพราะทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนประถมศึกษาด้วยกันที่แปดริ้ว ฉะเชิงเทรา บ้านเกิด

อีกทั้งที่ผ่านมา คุณนายเบิร์ด ก็วางตัวได้ดี ไม่มีข่าวการออฟไซด์ใดๆ แม้ว่าบิ๊กเจี๊ยบจะเป็นนายทหารที่เรียบง่าย เงียบๆ และดูจะรักและเกรงใจภริยาเอามากๆ ก็ตาม

เรียกได้ว่า นอกจากบริหารจัดการกำลังพลในหน่วย ใน ทบ. ได้ดีแล้ว ยังบริหารจัดการหลังบ้าน ได้ดีเลิศอีกด้วย

พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง
พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง

ในยุคนี้ นอกจากมี ผบ.ทบ.รบพิเศษ ที่สุขุม ลุ่มลึก เงียบ เรียบง่ายแล้ว ยังมี ผบ.ทอ.ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทั้งมุมมอง แนวคิด ที่เป็นตัวของตัวเอง แต่อ่อนน้อมถ่อมตนยิ่ง

บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง แม่ทัพฟ้าคนนี้ เรียกได้ว่า เป็นสายบู๊ เพราะเป็นนักรบ เป็นนักบิน F5 แต่โดยเส้นทางชีวิตรับราชการทหาร ทำให้เขาต้องเดินในเส้นทางนักวิชาการ สายบุ๋น เป็นครูสอนหนังสือ

จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ซุนวูแห่งทัพฟ้าไทย” ด้วยเหตุที่ พล.อ.อ.จอม ศึกษาปรัชญาของซุนวู ถึงขั้นที่แปล “ตำราพิชัยสงคราม 13 บทไม้ตายของซุนวู” เป็นภาษาไทย ด้วยความเข้าใจลึกซึ้ง ถ่องแท้

ทั้งบท แผนศึก เตรียมศึก นโยบายศึก ศักย์สงคราม จลน์สงคราม หลอกล่อ การแข่งขัน เก้าเหตุการณ์ เคลื่อนกำลัง ภูมิประเทศ เก้าสนามรบ ไฟ สายลับ

ทั้งนี้ เป็นเพราะ พล.อ.อ.จอม นั้น เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 16 แล้วเรียนนายเรืออากาศ ชั้นปีที่ 3 ก็ได้ไปเรียนที่โรงเรียนนายร้อยรวมเหล่าญี่ปุ่น National Defense Academy of Japan (B?ei Daigakk?) หรือที่รู้จักกันดีว่า นายร้อย Bodai

แถมไปเรียนหลักสูตรโรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศ ญี่ปุ่น และวิทยาลัยการทัพอากาศ ญี่ปุ่น อีกด้วย รวมเวลา 6 ปี จึงทำให้ พล.อ.อ.จอม สนใจในปรัชญาแบบตะวันออก

“รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ยังมิใช่ยอด สยบข้าศึกได้ โดยไม่ต้องรบ เป็นยอดนักรบ”

“เมื่อมีกำลัง 10 เท่า เข้าโอบเข้าล้อม เมื่อมีกำลัง 5 เท่า เปิดเกมรุก เมื่อเท่ากันให้สู้ ถ้าน้อยกว่าให้ถอย ถ้ากำลังปะทะกันไม่ได้ ให้หลบซ่อน”

“เมื่อไรควรรบ เมื่อใดไม่ควรรบ” … “แม่ทัพนายกอง มีความสามารถ ผู้นำประเทศ ไม่แทรกแซงกิจการภายในกองทัพ…ชนะ”

พล.อ.อ.จอม จึงสามารถพูด อ่าน เขียน ภาษาญี่ปุ่นได้ ด้วยเพราะเรียนญี่ปุ่นหลายปี ทำให้มีเพื่อนสนิทเป็นคนญี่ปุ่น และมีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “โยจิ”

จนเป็นที่มาของความสงสัยว่า ทำไมบิ๊กจอมจึงเดินหลังงอ ที่เจ้าตัวเผยว่า เป็นการแสดงออกถึงการเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เบ่ง และออกแนวสไตล์คนญี่ปุ่น ที่ชอบก้ม โค้งคำนับ นั่นเอง

pjimage-2

เพราะโดยลักษณะนิสัยนั้น แม้วันนี้จะเป็น “นภา 1” นั่งเก้าอี้ ผบ.ทอ. แล้วก็ตาม แต่บิ๊กจอม ก็ยังเป็นคนที่นอบน้อมเช่นเดิม

“ในบรรดาเหล่าทัพ ผมไม่มีพิษ ไม่มีภัย ผมเป็นเด็กดีที่สุด” บิ๊กจอม กล่าวอย่างอารมณ์ดี

เพราะในบรรดา ผบ.เหล่าทัพนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อน ตท.16 ด้วยกัน ทั้ง บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. จึงทำให้การทำงานกันด้วยเป็นไปอย่างราบรื่น

“ในหมู่เพื่อนฝูง ผมจะเป็นเหมือนคนที่คอยสร้างบรรยากาศที่ครึกครื้น สร้างเสียงหัวเราะ เพราะเป็นคนอารมณ์ดี สบายๆ” บิ๊กจอม นิยามตัวเอง

ขณะที่ใน ทอ. เอง ก็อยู่กันแบบพี่ๆ น้องๆ โดยเน้นการทำงานที่ใกล้ชิดถึงขั้นที่บิ๊กจอมขอให้ห้าเสืออากาศ ทอ. มาอยู่บ้านพักใน ทอ. แทนการไปอยู่บ้านส่วนตัว เพราะเวลามีอะไร ก็จะได้เดินมาคุยกันได้เลย

“บางทีก็เปิดหน้าต่างตะโกนคุยกันได้เลย” บิ๊กจอม กล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน

บิ๊กจอม เป็น ผบ.ทอ. ที่ไม่นอนดึก ปกติราว 3-4 ทุ่มก็นอนแล้ว โดยตื่นตอนตี 4

“ตื่นมาแล้วไม่ทำอะไรเลย นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น พักผ่อนร่างกาย เพราะเป็นการพักผ่อนที่แตกต่างจากการนอนหลับ พอ 6 โมงเช้า ก็จะเริ่มทำงานทันที แล้วก็ทำแบบไม่หยุดเลย จนถึงเวลาเข้านอน” บิ๊กจอม เล่า

000

แต่ที่สำคัญ คือการมีคุณไก่ น.อ.หญิงกรนันท์ เป็นศรีภริยา ที่ป็นแม่บ้านที่ดี สุขุม นุ่ม นิ่ง เรียบร้อย คอยเป็นกำลังใจ บิ๊กจอม ก็ยิ่งลุยทำงานเต็มที่

หลักในการทำงานของ พล.อ.อ.จอม นอกจากยึดหลัก 3 ส. คือ “สานงานเดิม-เสริมส่วนขาด-สร้างสิ่งใหม่” และนโยบาย Smart People ทหารฉลาด Smart Weapon System อาวุธฉลาด และ Smart Tactics กลยุทธ์ฉลาด และ ระบบควบคุมบังคับบัญชาที่ทันสมัย

ภายใต้ปรัชญาที่ว่า “…มหาสมุทรยิ่งใหญ่ เพราะ ต่ำ ลึก จึงมีน้ำมาก ท้องฟ้ายิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะไม่เคยเอาเปรียบใคร”

แต่หลักการทำงานที่สำคัญคือ การทำงานด้วย “หัวใจ” ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

“อย่าทำเพราะเป็นหน้าที่ แต่ให้ทำด้วยหัวใจและจิตวิญญาณ” บิ๊กจอม กล่าว

โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในทุกสถานการณ์ ทุกวิกฤต จนถึงการช่วยเหลือชาวนา ในช่วงราคาข้าวตกต่ำ ที่บิ๊กจอมยืนยันว่า ทอ. จะไม่ช่วยตามกระแสเท่านั้น แต่จะช่วยอย่างต่อเนื่อง

00

“ไม่ใช่ช่วยตามกระแส หรือไปสร้างภาพ แต่ช่วยด้วยใจ ถ้าเป็นฤดูทำนา เกี่ยวข้าว ทหารอากาศก็ออกไปช่วย แต่เน้นว่า การออกไปช่วย อย่าไปเพราะเป็นหน้าที่ หรือเพราะนายสั่ง แต่ต้องมีหัวใจที่อยากจะช่วยชาวนา” ผบ.ทอ. ระบุ

จึงทำให้ บิ๊กจอม ยืนยันว่า ทอ. ยังช่วยเหลือชาวนาอย่างต่อเนื่อง หนทางหนึ่งคือ ได้สั่งการให้โรงเลี้ยง และหน่วยทหารอากาศทั่วประเทศ กองบินต่างๆ ให้กำลังพลทานข้าว 3 มื้อ

โดยเฉพาะอาหารเช้า อย่าทาน “อเมริกัน เบรกฟาสต์” แต่ให้กินข้าว อย่ากินขนมปัง หรือก๋วยเตี๋ยว แม้ทำจากข้าวก็ตาม แต่ให้กินข้าว หรืออย่างน้อยก็ทานข้าวต้มเป็นมื้อเช้า อีกทั้งการกินข้าวก็ทำให้อิ่มนาน อยู่ท้องมากกว่าทานขนมปัง หรือก๋วยเตี๋ยวด้วย และเชื่อว่า ไม่มีใครเบื่อข้าว เพราะคนไทยทานข้าวมาตั้งแต่เด็กๆ แต่มันอยู่ที่กับข้าว และอาหาร มากกว่า

“หากคนไทยกินข้าววันละ 3 มื้อ ชาวนาไม่มียากจน ชาวนาเป็นผู้มีพระคุณ ปลูกข้าวลำบาก ให้เรามีข้าวทาน เราต้องดูแลชาวนา” บิ๊กจอม กล่าว

ดังนั้น ทอ. จะยังคงจัดตลาดขายข้าวให้ชาวนาทุกเดือน มาขายข้าวที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ กรุงเทพฯ โดย ทอ. จัดรถรับ-ส่งชาวนาและข้าวมาให้แบบฟรีๆ เลย เพื่อช่วยชาวนา

“ทอ. เราเป็นเหล่าทัพเล็กๆ แต่ให้ไปช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าเรื่องอะไร เราไปหมด แล้วไปด้วยใจ และเต็มเหนี่ยว” บิ๊กจอม ระบุ

บุคลิกลักษณะตัวตนของผู้นำกองทัพ ย่อมมีส่วนสำคัญในการบ่งบอกทิศทางของกองทัพ ในยุคเปลี่ยนผ่าน และเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่ง…