นพมาส แววหงส์ : THE LIGHT BETWEEN OCEANS “เดือนมกราคมมีสองหน้า”

นพมาส แววหงส์

 

เทพเจ้าโรมันชื่อ “เจนัส” เชื่อกันว่าเป็นที่มาของคำว่า January หรือเดือนมกราคม

แม้ว่าบางคนจะบอกว่าชื่อเดือนนี้ได้มาจากชื่อของเทพกัญญาจูโน มเหสีของมหาเทพจูปีเตอร์ ซึ่งมีตำนานดั้งเดิมสืบทอดมาจากตำนานกรีกของมหาเทพซุสและมเหสีเฮรา ขณะที่เจนัสไม่ได้มีต้นกำเนิดจากปกรณัมปรำปราของกรีก มีอยู่แต่ในตำนานโรมันล้วนๆ

อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานที่ว่าชื่อเดือนมกราคมได้มาจากเทพเจ้าเจนัสนั้น ดูแฝงนัยความหมายที่โดนใจเรามากกว่าและให้ความหมายมากกว่า เนื่องด้วยเจนัสเป็นเทพผู้เฝ้าประตูระหว่างโลกกับสวรรค์ มีรูปลักษณ์เป็นคนที่มีสองหน้าหันไปในทิศตรงข้ามกัน

จึงเป็นสัญลักษณ์ของรอยต่อระหว่างจุดจบและจุดเริ่มต้น

เป็นทางผ่านจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง

เป็นการสิ้นสุดของอดีตและความหวังของอนาคต

 

ใน ค.ศ.1918 เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลง ทอม เชอร์บอร์น (ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ทหารผู้ใช้ชีวิตกลางสนามรบ เห็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน และอาจจะหลายครั้งที่ความตายนั้นเกิดจากน้ำมือของเขาเอง เขารอดชีวิตจากสงครามด้วยความรู้สึกผิดของผู้รอดชีวิต ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกัดกินอยู่ในตัวอย่างยากจะเยียวยา

ทอมจึงรับงานชิ้นหนึ่งซึ่งหาคนยินดีไปทำได้ยากเย็น นั่นคือเป็นผู้ดูแลประภาคาร (ที่ส่องทางให้แก่คนเดินเรือในทะเล และช่วยให้รอดไปจากคลื่นลมที่จะซัดเรือเข้าฝั่งจนอับปาง) ในจุดไกลปืนเที่ยง

นั่นคือบนเกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่า “เจนัส” ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของออสเตรเลีย ระหว่างสองมหาสมุทร คือมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้และมหาสมุทรอินเดีย

งานดูแลประภาคารที่เจนัส จึงเป็นรอยต่อระหว่างจุดจบกับจุดเริ่มต้นของทอม

 

ในตอนแรกเขาได้รับเสนองานนี้เป็นเพียงตำแหน่งชั่วคราว ระหว่างที่ผู้ดูแลคนก่อนไปพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ไม่นานทอมก็ได้รับข้อเสนอเป็นการถาวร เนื่องด้วยอดีตผู้ดูแลประภาคารคนก่อนเสียชีวิตไป

แม้ว่าหน้าที่อย่างเดียวคือการดูแลให้มีไฟจุดสว่างอยู่ในประภาคารตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนกลางคืนและเวลามีพายุ รวมทั้งบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นลงในปูมเพื่อรายงานให้แก่ผู้มีอำนาจเบื้องบน แต่นี่ก็ไม่ใช่งานสำหรับคนหนุ่มคนแก่โดยทั่วๆ ไป ที่สำคัญคือเพราะนี่เป็นเกาะร้างผู้คนโดยสิ้นเชิง

การมาอยู่ที่เจนัสย่อมหมายความว่าจะต้องเผชิญหน้ากับชีวิตโดดเดี่ยวที่นานทีปีหนจึงจะได้เห็นหน้าเพื่อนมนุษย์อื่นๆ ในรอบปีจะมีเรือขนเสบียงกรังมาส่งเพียงสี่หน

แต่สำหรับทอมแล้ว นี่คือชีวิตที่เขาพร้อมจะยอมรับอย่างสันโดษ เพื่อจะได้เผชิญหน้าอยู่แต่กับตัวเอง

 

ไม่นานเท่าไร ทอมก็ได้เจอหญิงสาวที่ยินดีจะมาใช้ชีวิตร่วมกับเขาบนเกาะเจนัส

อิซาเบล (อลิเซีย วิกานดาร์) เป็นสาวในหมู่บ้าน ซึ่งประสบความสูญเสียจากสงครามเหมือนกัน พี่ชายสองคนของเธอไปรบในสงครามและไม่เคยได้กลับมา

ชีวิตบนเกาะร้าง อันมีหน้าที่ส่องทางให้แก่คนเดินเรือผ่านไปมา ณ จุดกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่สองแห่ง เริ่มมีความหมายขึ้นเมื่อเต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นของครอบครัวที่เพิ่งสร้างใหม่

ชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางความงดงามของท้องฟ้าและทะเลสีครามเริ่มก้าวไปสู่อนาคตด้วยการที่อิซาเบลตั้งท้อง แต่พายุก็ยังกระหน่ำพัดเข้ามาในชีวิต ทำให้เธอเสียลูกในท้องไป

และการแท้งลูกก็ตามมาอีกครั้งติดๆ

ยังเพิ่งฝังศพลูกในท้องไปไม่ทันไร ชีวิตของทอมกับอิซาเบลก็ต้องแปรโฉมหน้าไปอีก เมื่อมีเรือลำน้อยลอยเท้งเต้งฝ่าคลื่นลมมาติดฝั่ง

ในเรือลำนั้น มีร่างผู้ชายที่เสียชีวิตแล้ว และเด็กทารกน้อยที่แผดเสียงจ้าด้วยความหิวโหย

อิซาเบลรู้สึกเหมือนว่าพระเจ้าประทานเด็กทารกคนนี้มาให้เธอกับทอม จึงอ้อนวอนให้ทอมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ฝังศพผู้ชายในเรือ ถอนป้ายปักบนหลุมศพของลูกในท้องคนล่าสุด และทำประหนึ่งว่าเด็กคนนี้คือลูกที่เพิ่งคลอดจากครรภ์

ทอมเจอเข้ากับสำนึกผิดชอบชั่วดีครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในชีวิต เขาจำต้องคล้อยตามภรรยาที่กำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าถึงที่สุด แต่ก็ครุ่นคำนึงรำพึงว่า เรื่องมันจะไม่จบอยู่แค่นี้

และนั่นคือจุดเริ่มต้นและจุดจบอีกครั้งในชีวิตของทอมกับอิซาเบล

 

ที่เล่ามาถึงตรงนี้ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยจากหนังตัวอย่างเลยนะคะ ตอนดูหนังตัวอย่าง ผู้เขียนรู้สึกว่าหนังเล่าให้รู้มากเกินไปด้วยซ้ำ

แต่ในช่วงครึ่งหลังต่อมา ยังมีเรื่องราวอีกมากที่เกิดขึ้นในชีวิตของทอมกับอิซาเบล

ซึ่งเป็นเรื่องราวของสำนึกผิด การไถ่โทษ ความรัก ความเสียสละ และการให้อภัย

เรื่องราวอันกินใจนี้รับรองไม่มีใครกลั้นน้ำตาได้

ไม่มีใครเป็นคนเลวหรือคนร้ายในเรื่อง มีแต่มนุษย์ปุถุชนที่ตัดสินในสถานการณ์เฉพาะหน้าและต้องเผชิญกับผลลัพธ์ของการตัดสินใจ

ผู้แสดงตัวหลักๆ ทั้งสามคน จับบทไว้อยู่มือ–อย่างที่จะคาดได้จากฝีไม้ลายมือร้ายกาจที่เคยเห็นในหนังเรื่องก่อนๆ ทั้ง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ (Twelve Years a Slave) อลิเซีย วิกานดาร์ (The Danish Girl) และ เรเชล ไวซ์ (The Constant Gardener) โดยเฉพาะฟาสเบนเดอร์และวิกานดาร์เล่นหนังเรื่องนี้ด้วยกันจนกลายเป็นแฟนกันในชีวิตจริงไปเลย

และที่ตรึงตราตรึงใจมากที่สุดคือบทเด็กหญิงวัยสี่ขวบซึ่งเล่นโดย ฟลอเรนซ์ เคลอรี่ ที่เอาชนะใจคนดูอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทุกฉากทุกตอน คงต้องชมผู้กำกับฯ ที่กำกับฯ เด็กน้อยวัยเพียงเท่านี้ให้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

เบื้องหลังที่โดดเด่นสำหรับตัวละครคือภาพธรรมชาติอันงดงามที่ส่งให้เรื่องราวทั้งหมดนี้งดงามเยี่ยงกวีนิพนธ์

และเต็มไปด้วยความหมายของสิ่งเดียวกันที่มีสองหน้าที่อยู่ในโลกมนุษย์มาชั่วกัปชั่วกัลป์และจะยังมีอยู่ตลอดไป

ธรรมชาติอันการุณย์ให้ชีวิตและโหดร้ายพรากชีวิต…

ความตายและการเกิดใหม่…

จุดจบและจุดเริ่มต้น..

THE LIGHT BETWEEN OCEANS “เดือนมกราคมมีสองหน้า”

กำกับการแสดง
Derek Clanfrance

นำแสดง
Michael Fassbender
Alicia Vikandar
Rachel Weisz
Florence Clery