เจอถนนแบบนี้แล้วท้อ! : ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเมือง ที่มีไสยศาสตร์มากมายและดวงวิญญาณเร่ร่อน

สิ่งที่คุณและผมไม่เคยรู้มาก่อน ในการขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านเมือง ที่มีไสยศาสตร์มากมายและดวงวิญญาณเร่ร่อน…บรึ๋ย…(3)

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ไสยศาสตร์แสดงศักยภาพอย่างยอดเยี่ยมที่นี่

มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเสียอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีเหตุบอกล่วงหน้า, มอเตอร์ไซค์อีกคันหนึ่งลงข้างทาง ไกด์ลืมกระเป๋าตังค์ที่มีเงินจำนวนมากไว้ที่ชายแดนประเทศเวียดนาม-ลาว และเราติดอยู่บนถนนสาย 18 ถนนที่พระท่านบอกภายหลังว่ามีดวงวิญญาณเร่ร่อนมากมาย

นัยมองกลับมาจากระยะทางไกล เล่าให้ฟังภายหลังว่า มองมาก็รู้แล้วว่าพี่คงไม่ไปต่อละ…เราคงไปด้วยกันมาหลายทริป

ขาซ้ายเตะขาตั้งลง สายตามองไปข้างหลัง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า…จะเห็นรถเซอร์วิสสีขาวคันนั้น เชฟโรเลตที่พร้อมแก้ปัญหา เชฟโรเลตที่สวยงาม แต่เชฟโรเลตมีของดี เชฟโรเลตไม่ได้มาทางนี้

แต่ที่ตามมาทางนี้คือเมฆฝนดำขนาดมหึมา มองอยู่ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี เข้าใจได้เป็นอย่างยิ่ง ฝนกำลังตกอย่างหนัก เมฆฝนนั้นดำใหญ่มหึมา และทั้งหมดนั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา ดูคาติสีเหลืองกับเจ้านายของมัน เสียงอันดุดันของมันแผ่วเบาลง และเจ้านายมันก็แหงนหน้ามองฟ้า…เริ่มจะขุ่นเคืองพระเจ้า

แต่ก็นั่นแหละ พระเจ้าคงอยากให้เปลี่ยนวิธีคิด หาทางเลือกอื่นจะดีกว่า แต่บางทีแถวนี้อาจไม่ใช่เขตบังคับควบคุมของท่าน แต่เป็นเขตของไสยศาสตร์

นัยยืมบีเอ็มดับบลิวเอฟแปดร้อยจีเอสของพี่สังวาร ขี่ย้อนกลับมา ผมบอกนัยว่า “บอกทุกคนให้ไปเถอะ เดี๋ยวจะมืดก่อน ผมจะหาทางไปต่อเอง ผมจะแก้ปัญหาของผมเอง” คิดในใจเราจะเคลียร์กับพระเจ้าเอง ทุกคนผ่านไปได้ เราผ่านไปไม่ได้ พระเจ้าไม่ได้มีปัญหากับใครนอกจากเรา

นัยขี่เอฟแปดร้อยจีเอสกลับไป ไปเอาฟอร์ซ่าสามร้อยมา “ผมจะไปกับพี่…” ดูคาติเหลืองและเจ้านายของมันยังคงซาบซึ้งใจอยู่จนถึงทุกวันนี้

หันหัวเจ้าดูคาติเหลืองกลับ ขี่ย้อนมาเจอบ้านพักคนงานก่อสร้าง ฝนกำลังใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา จนรับรู้ได้ถึงละอองของมัน เรามองเห็นปั๊มน้ำมันร้าง เลยขี่เข้าไปจอดใต้หลังคา คิดในใจ…ข้างหน้าก็ไปไม่ได้ ข้างหลังก็กลับไม่ได้ คืนนี้นอนยังไงก็ไม่รู้ ถุงนอนก็ไม่มี เต็นท์ก็ไม่มี

พระเจ้ากับไสยศาสตร์คงกำลังเคลียร์กัน แต่ผมก็ไม่รอ ในปั๊มน้ำมันร้างนั้นมีรถกระบะจอดอยู่หลายคัน ผมเริ่มเดินถามหาเจ้าของรถกระบะเหล่านั้น

“ทุกคันในปั๊มน้ำมันนี้ คือรถที่เสียทั้งหมด วิ่งไม่ได้สักคัน” ผมเดินออกนอกปั๊ม มองหารถที่ดูน่าจะวิ่งได้ ใหญ่สักหน่อยก็ดี คันนี้ของใคร คันนี้ของใคร ในที่สุด มีคนหนึ่ง คิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าคนงาน เดินเข้ามาคุยด้วย ผมบอกว่าเราต้องการรถกระบะเอามอเตอร์ไซค์ใส่เข้าไป แล้วเดินทางไปปากเซ เขาบอกว่า

“ปากเซไปไม่ได้ ไปได้แต่อัตปือ”

อีกสองชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้า และนี่ไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะอยู่ในเวลากลางคืน “ไป” ผมตอบแทบไม่คิด

อัตปือ ที่กินข้าวเที่ยงที่ผ่านมาน่ะ ดูยังไงก็มีโรงแรมแน่ๆ ตกลงค่ารถกันได้ ถึงแม้จะรู้สึกว่ามันแพง แต่ผมก็ยืนยัน “ไป” เมื่อได้รถแล้วก็กลับไปที่รถ เตรียมพร้อม

นัยยังไม่มา…

นัยกำลังฟัดกับไสยศาสตร์และดวงวิญญาณเร่ร่อนอยู่ทีเดียว

เจ้าฟอร์ซ่าสามร้อยติดโคลนขณะที่ขี่กลับมา จมลงไปครึ่งล้อ หลังจากพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันให้มันหลุดออกมา มันก็ไม่สำเร็จ นัยใช้กำลังทั้งหมดจนเหงื่อไหลไคลย้อย มันก็ไม่หลุดออกมา

แต่เจ้าฟอร์ซ่าสามร้อย และเจ้านายคงมันยังไม่ยอมแพ้

ยังคงทุ่มเทพลังทั้งหมดของมัน ทุ่มเทม้าทุกตัวของมัน ร่วมกับสองแขนสองขาของเจ้านายของมัน แต่ก็ยังไม่สามารถออกมาจากโคลนนั้นได้

คาดว่าพระเจ้ากับไสยศาสตร์คงบรรลุถึงข้อตกลงหยุดยิง

ในที่สุดก็มีรถอีแต๋น ที่เรียกว่ารถบั๊กผ่านมา นัยขอรถบั๊กเอาเชือกมัดลากขึ้นมาให้

หลังจากที่ได้ม้าจากรถบั๊กมาช่วย รวมกับพลังทั้งหมดของเจ้าฟอร์ซ่า และเจ้านายของมัน เจ้าฟอร์ซ่าสามร้อยก็ขึ้นมาจากโคลนได้เป็นผลสำเร็จ เนื้อตัวของเจ้าฟอร์ซ่าสามร้อยเละตุ้มเป๊ะทีเดียว

ผมบอกข่าวดีกับนัยโดยทันที

“เราได้รถกระบะแล้ว นี่คือรถของเรา เราจะเอารถขึ้นคันนี้ไป แล้วเดินทางไปอัตปือ”

นัยถามกลับว่า “เราทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ”

พี่สังวารขี่บีเอ็มดับบลิวเอฟแปดร้อยย้อนกลับมา โดยพาพี่บั้มที่ขับรถกระบะมาเที่ยวกับครอบครัวมาด้วย “เดี๋ยวพี่บั้มจะขี่ให้ ผมไปขับรถกระบะแทน เรายังมีเวลา ด่านเปิดถึงสี่ทุ่ม เราน่าจะข้ามแดนกันได้ในคืนนี้” การย้อนกลับมาจะต้องทำให้กลุ่มเสียเวลาไปหลายสิบนาที ผมพยายามคุยกับคนขับรถ โดยไม่ให้หัวหน้าคนงานได้ยิน

พยายามผลักดันให้ไปข้างหน้า ให้ไปปากเซ

คนขับยืนยันหนักแน่นมากกว่าหัวหน้าคนงานอีก

“ข้างหน้าไปไม่ได้…ทางขาด”