อนุสรณ์ ติปยานนท์ : บทสนทนาการพบกันครั้งแรก

รัก/หลง/เมือง (15)

“I know you, I walked with you once upon a dream

I know you, that gleam in your eyes is so familiar a gleam

And I know it”s true that visions are seldom all they seem

But if I know you, I know what you”ll do

You”ll love me at once, the way you did once upon a dream”

Lana Del Ray

 

ไม่มีทางเลือกใดๆ เหลืออยู่แล้วสำหรับเขา

เขาไม่มีตัวตนในอดีตหลงเหลืออีกต่อไป

เขามาถึงที่นี่ เมืองเล็กๆ แห่งนี้ในฐานะคนแปลกหน้า ปรารถนาที่จะหลงลืมอดีตอันเจ็บปวดจากเมืองใหญ่ ปรารถนาที่จะหลงลืมใครบางคนที่ทำให้เขาเจ็บปวดในเมืองใหญ่

แต่ในยามนี้เขากลับไม่ประสบความตั้งใจดังที่หวังแต่แรกเริ่ม

เขาพบกับเธอ คนที่ทำให้เขาเจ็บปวด ไม่มีทางหลงลืมเธอ

อีกทั้งความแปลกหน้าที่เขาเชื่อว่าจะทำให้เขาเริ่มต้นสิ่งใหม่ได้ เขากลับพบว่ามันไม่มีอยู่จริง บัดนี้เขาไม่ได้แปลกหน้ากับเมืองๆ นี้อีกต่อไปแล้ว หากแต่กลับแปลกหน้ากับตนเองแทน

เขาเป็นใคร คือใคร จนบัดนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจเสียแล้ว

เขาขึ้นนั่งบนอานรถมอเตอร์ไซค์ ขี่มันกลับไปยังสระว่ายน้ำ หญิงสาวผู้อ้างตนว่าเป็นภรรยาของเขาตื่นขึ้นแล้วจากการหลับใหลยามบ่าย เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบตัวหนึ่งพร้อมด้วยแก้วกาแฟเย็น

เธอจิบมันสลับกับการพ่นควันบุหรี่อย่างช้าๆ

ใบหน้าที่ปกคลุมด้วยแว่นกันแดดสีดำนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงปริศนาจำนวนมากที่อยู่เบื้องหลังมัน

หญิงสาวผู้นั้นหันมองมาทางเขา เธอยิ้มให้เขา ก่อนจะเอ่ยถามถึงเครื่องดื่มที่เขาต้องการ

“อากาศร้อนจัดยามบ่ายของเมืองในหุบเขาเช่นนี้อาจทำให้คุณล้มป่วยได้ง่ายๆ คุณควรดื่มอะไรสักหน่อย แต่ฉันไม่แนะนำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ มันยังเช้าเกินไปที่จะเมามาย เว้นเสียแต่ว่าคุณจะไม่มีโปรแกรมไปที่ใดอีก”

เขาขอน้ำโซดาบีบมะนาวจากเธอ หญิงสาวผู้นั้นเดินตรงไปที่บาร์ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มที่เขาต้องการ

เขารับเครื่องดื่มจากเธอ นั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งข้างๆ เก้าอี้ของเธอ จ้องมองสระน้ำเบื้องหน้า ยังมีคนมากมายเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำ

เด็กชาวต่างชาติสามสี่คนวิ่งไล่จับไปมาตามทางเดิน พวกเขาพูดคุยกันด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งแปลก

สิ่งที่แปลกคือเขานั่งอยู่กับใครบางคนที่ใช้ภาษาเดียวกับเขา แต่เขาไม่อาจแสวงหาหนทางที่จะเข้าใจเธอได้เลย

 

“ในบ่ายที่ว่างเช่นนี้ มันอาจเป็นบทสนทนาที่ฟังดูแปลกประหลาด แต่หากเราจะคุยกันถึงเรื่องราวในอดีตบ้างสักเล็กน้อย น่าจะเป็นการดี ผมพบคุณครั้งแรกที่ไหน คุณยังจดจำมันได้หรือไม่?”

หญิงสาวผู้อ้างตนว่าเป็นภรรยาของเขาจิบกาแฟในแก้ว ถอนแว่นกันแดดสีดำออกวางบนตัก “ในวัดแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ ฉันจะเล่าถึงเหตุการณ์นั้น แล้วคุณเอ่ยชื่อวัดแห่งนั้นออกมา เราแลกเปลี่ยนกันเช่นนี้ดีไหม?”

เขาพยักหน้ารับ ในเกมสนทนาเช่นนี้ เขาตกเป็นรองนับแต่แรก เขาตกเป็นรองนับแต่ตื่นขึ้นบนเตียงของเธอแล้ว

“เราพบกันในวัดแห่งหนึ่ง เป็นวัดเก่าแก่โบราณ ต้นไม้รกครึ้ม ในวัดแห่งนั้นมีอุโมงค์ใหญ่ ฉันเดินเข้าไปชมภายในอุโมงค์นั้น และเมื่อออกกลับมาสู่ภายนอกอีกครั้ง คุณก็ยืนอยู่ที่ตรงทางออก จ้องมองฉันอย่างไม่วางตา คำถามแรกที่คุณมีคือมีสิ่งใดที่ควรชมภายในนั้นบ้าง ฉันเหลียวมองไปรอบๆ ไม่มีใครอื่น คุณเอ่ยคำถามกับฉัน กับคนแปลกหน้า ฉันตอบคุณสั้นๆ ว่ามีเพียงภาพวาดที่เหลือเพียงร่องรอยในนั้นและอากาศอับชื้น แต่หากคิดว่าภายในอุโมงค์แห่งนั้นเคยเป็นที่บำเพ็ญเพียรด้วยการปฏิบัติธรรมของสมณะในอดีตที่ใคร่ธรรม มันก็คุ้มค่าอยู่ คุณแสดงทีท่าเข้าใจ ขอบคุณฉันและเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่ว่า”

“และกลับมาพบคุณยืนรอผมอยู่ที่ทางออก จ้องมองผมด้วยความสนใจและถามคำถามว่ามีสิ่งใดที่คุณประทับใจภายในนั้นบ้าง” เขาเอ่ย

“ใช่ ความทรงจำของคุณยังดีอยู่ ไม่ได้ดูขาดวิ่นเหมือนดังเมื่อเช้านี้ วัดที่ว่ามีชื่อว่าอะไร?”

เขาเอ่ยตอบว่า “เป็นวัดเก่าแก่ที่ชื่อว่าวัดอุโมงค์ แต่เรื่องราวคงไม่จบตรงนี้กระมัง”

 

“ไม่จบลงตรงนี้ คุณเริ่มต้นเล่าถึงวัดเก่าแก่ที่คุณเคยไปเยือนในบาหลี วัดที่ทำขึ้นจากผนังหิน ในแต่ละผนังถูกสกัดเป็นช่องให้สมณะในอดีตได้บำเพ็ญเพียร คุณบอกว่าเป็นไปได้ที่กุฏิหรือที่ปฏิบัติธรรมทั้งหลายกำเนิดจากช่องหิน บทสนทนาของเรายืดยาว คุณพาฉันออกจากวัด ไปยังร้านกาแฟเล็กแห่งหนึ่งบริเวณนั้นและเล่าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเมืองต่างๆ ที่คุณเคยเดินทางไป คุณบอกฉันว่าคุณลุ่มหลงในเมือง ในความเป็นเมือง ในผู้คนประจำเมือง เมืองมีกลิ่นอายที่แตกต่าง เฉพาะตัว เมืองเป็นสิ่งมีชีวิต แม้ว่าหลายคนจะไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นก็ตาม”

เขาดื่มน้ำโซดาเย็นจัดในแก้ว น้ำแข็งที่ละลายทำให้น้ำโซดาเย็นจัดกว่าเดิม เขาหวนระลึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ เขาไม่เคยเดินทางไปบาหลี แต่เขาเคยชมภาพถ่ายเกี่ยวกับศาสนสถานแห่งนั้น จนเก็บไปฝันถึงสถานที่แห่งนั้น ในฝันเขาเดินลัดเลาะไปตามผนังกำแพงที่ทำจากหิน มันถูกเซาะสกัดเป็นร่องพอที่ใครบางคนจะใช้หลบฝนและแดด เป็นที่ที่ทำได้เพียงพิงหลังกับมัน แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการปฏิบัติธรรม เขาเห็นภาพสมณะในอดีตจำนวนมากออกธุดงค์ไปมาตามดินแดนต่างๆ แถบนี้เพื่อแสวงหาการฝึกฝนตนอันเข้มงวด ในฝันนั้น เขาย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปี ความฝันครั้งนั้นแจ่มชัด

แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะแจ่มชัดจนกลายเป็นคำตอบที่เขามีให้ต่อหญิงสาวคนนี้

 

“ผมรักความเป็นเมือง ผมชอบสิ่งที่มันหยิบยื่นให้เรา ความตื่นเต้น พลังงาน ความแปลกใหม่ สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แม้ว่าในหลายครั้งมันจะนำพามาซึ่งความเจ็บปวดแก่เราก็ตามที”

หลังจบประโยคที่ว่าเขาคิดถึงหญิงสาวที่เขาตกหลุมรัก ในเวลานี้เธอคงออกเที่ยวไปตามที่ต่างๆ กับคนรักของเธอ วันก่อนหน้า เธออยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองแห่งนี้ในฐานะของผู้ป่วย แต่เช้านี้เธอกลายเป็นคนปกติไปแล้ว เขาไม่แน่ใจว่า ณ เวลานี้ เธอได้กลายเป็นใครไป จงสนใจแต่ตนเอง เขารำพึงในใจ มีหลายสิ่งที่ยังควบคุมไม่ได้ในยามนี้ จงควบคุมแต่ตนเอง จงควบคุมแต่ตนเองเป็นพอ

“คุณพูดเช่นนั้นในครั้งแรกที่เราเจอกัน หลังจากนั้น คุณพาฉันออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ในเมือง หลังจากนั้นคุณพาฉันกลับมาที่โรงแรมของฉัน ยื่นข้อเสนอว่าเราควรคบหากัน ในเมืองใหญ่ที่เราล้วนเป็นคนแปลกหน้า เราควรมีใครสักคนที่เราคุ้นเคย ฉันตอบตกลง ทั้งคุณและฉันย้ายออกจากโรงแรมของตนเอง คุณพาฉันไปยังที่พักนอกเมือง ในกระท่อมเล็กๆ เราพักอยู่ที่นั่นนานนับสัปดาห์ ทำความคุ้นเคยกันในทุกแง่มุม หลังจากนั้นเราเดินทางกลับเมืองหลวง หนึ่งอาทิตย์ต่อมา คุณมาหาฉันที่ทำงาน ขอฉันแต่งงานด้วยเหตุผลเดิม ที่นี่เป็นเมืองใหญ่มากเกินกว่าที่ใครคนหนึ่งจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ฉันตอบตกลงคุณ เราจัดงานแต่งงานอย่างเรียบง่ายในอีกสองเดือนต่อมา เป็นสามีภรรยากัน เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมาสามปีแล้ว เป็นสามปีที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน”

เขาทิ้งตัวลงกับพนักเก้าอี้ เอนกายลงด้วยความเหนื่อยล้า สามปีดำเนินไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันสำหรับเธอ

แต่สำหรับเขาแล้วทุกอย่างผ่านไปในเวลาเพียงหนึ่งคืนเท่านั้นเอง