คําว่า “การเปลี่ยนผ่าน” หรือ transformation เป็นคำที่ได้ยินกันถี่มากในระยะหลัง

ในมิติทางการเมือง สังคม กับมิติทางเศรษฐกิจธุรกิจ การเปลี่ยนผ่านที่เราเห็นหรือสัมผัส มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน

ทางการเมือง สังคมนั้น การเปลี่ยนผ่านดูเป็นการปะทะกันระหว่างสิ่งเก่ากับสิ่งใหม่อย่างดุเดือดเข้มข้นแบบเอาแพ้เอาชนะกัน ทั้งในด้านความคิดเห็นการกระทำ ส่วนทิศทางการเปลี่ยนผ่านนั้นบางห้วงเวลาก็คืบหน้า บางห้วงก็วกวน

ส่วนการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจนั้น การปะทะกันระหว่างเก่ากับใหม่ ดูจะน้อยกว่าการเมือง สังคม เพราะแต่ละกลุ่มธุรกิจแต่ละคนที่เกี่ยวข้องต่างรู้ดีกว่า รูปแบบเก่าๆ สิ่งเก่าๆ นั้นไม่นานก็หมดอายุขัย สิ่งใหม่ๆ จะเติบโตมาแทนที่

ดังนั้น ในทางธุรกิจคนส่วนใหญ่จึงพร้อมใจมาอยู่กับฝ่ายใหม่ที่จะเป็นฝ่ายชนะในที่สุดมากกว่า

การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองและสังคม ไม่กี่วันหลังจากผลการเลือกตั้งทั่วประเทศออกมา น่าจะสะท้อนระดับการเปลี่ยนผ่านได้ดีระดับหนึ่ง

คู่ปะทะขัดแย้งคู่เดิม ผลการเลือกตั้งฝ่ายไหนจะได้คะแนนเสียงเท่าใด มากขึ้นหรือน้อยลง

กลุ่มใหม่ทางการเมือง ซึ่งใหม่ทั้งแนวความคิดและกระบวนการดำเนินการ ผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร

และสุดท้าย การเจรจาต่อรองทางการเมืองของกลุ่มฝ่ายต่างๆ จะเป็นอย่างไร จะก้าวคืบหน้าไป หรือวกวนหมุนกลับ หรือคว่ำกระดาน ไม่นานเกินรอจะได้เห็น

 

ส่วนการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจ แม้ไม่ดุเดือดเหมือนการเมือง แต่ก็เหน็ดเหนื่อยกดดันไม่น้อย ดังจะเห็นอาการซวดเซขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่รุ่นเดิมๆ ที่ผลประกอบการลดน้อยถอยลงอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่สามารถปรับตัวได้

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่แข่งขันกันค่อนข้างเสรี จึงทำให้มีการปรับตัวทีละเล็กทีละน้อยมาโดยตลอด

การเปลี่ยนแปลงแรกที่เห็นได้เลย คือขนาดของที่อยู่อาศัย จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ เพื่อให้มีระดับราคาให้ลูกค้าเป้าหมายสามารถซื้อได้

รูปแบบที่อยู่อาศัย ก่อนหน้าโน้นเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก แต่ 10 ปีหลังมานี้ คอนโดมิเนียมเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยม มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีจำนวนยูนิตที่มีการโอนแต่ละปีมากกว่าแนวราบ

แต่ปัจจุบันคอนโดมิเนียมบางระดับราคาล้นเกินความต้องการ ทำให้มีการเปิดโครงการใหม่น้อยลง บริษัทอสังหาฯ หันมาเปิดทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม บ้านแฝดมากขึ้น

ทำเลที่อยู่อาศัยก็เปลี่ยนไปตามสาธารณูปโภคการเดินทาง ถนน ทางด่วนและรถไฟฟ้า และเปลี่ยนไปตามการเติบโตของเมือง

ความท้าทายธุรกิจอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัยในระยะต่อไป คือ กลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่

มีทัศนคติ การสื่อสาร พฤติกรรมการอยู่อาศัยเปลี่ยนไป ขนาดครอบครัวเล็กลง คนโสดมากขึ้น และมีคนสูงวัยมากขึ้น

โจทย์ท้าทาย คือ รูปแบบที่อยู่อาศัย ดีไซน์ที่อยู่อาศัยใหม่ ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มคนจะเป็นอย่างไร และการสื่อสารแบบใหม่ถึงกลุ่มเป้าหมายจะทำอย่างไร

การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง สังคม ซึ่งมีทั้งแรงบุกและแรงต้าน การเปลี่ยนผ่านยังสะท้านปานนี้

การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจซึ่งแทบจะไร้แรงต้านทาน การเปลี่ยนแปลงย่อมเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

คนทำธุรกิจตามให้ทันก็แล้วกัน