ต่างประเทศ : เปิดกรุ๊ปแชตไอดอลฉาว ตีแผ่ด้านมืดสังคมเกาหลี

เป็นข่าวฉาวสุดช็อกสั่นสะเทือนวงการบันเทิงเกาหลีอย่างหนักอยู่ในขณะนี้

กรณีกรุ๊ปแชตไอดอลคนดังหลุดสู่สายตาสาธารณะ

หลังการเปิดโปงของเหยี่ยวข่าวสาวจากสื่อสำนักหนึ่ง เผยให้เห็นพฤติกรรมด้านมืดของศิลปินคนดังที่ร่วมอยู่ในกรุ๊ปแชตฉาวดังกล่าว ที่มีเรื่องของเซ็กซ์ การใช้ยา และการทุจริตติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง

หนึ่งในไอดอลคนดังที่เป็นตัวเอกสำคัญในกรณีอื้อฉาวเขย่าวงการเค-ป๊อปครั้งนี้คือ ซึงรี ชื่อจริง อี ซึง ฮยอน อดีตสมาชิกวงบิ๊กแบง บอยแบนด์ดังที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ตอนนี้กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนในฐานะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการจัดหาหญิงโสเภณีให้กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

โดยซึงรีที่ทำธุรกิจหลายอย่าง ยังมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ “เบิร์นนิ่งซัน” ไนต์คลับหรูย่านกังนัม ที่เป็นที่มาของกรณี “เบิร์นนิ่งซัน เกต” ซึ่งกำลังถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนในหลายประเด็นเช่นกัน

นอกจากนี้นักร้องคนดังวัย 28 ปีผู้นี้ยังกำลังถูกสอบสวนจากการอยู่ในกรุ๊ปแชตฉาวที่มีไอดอลคนดังร่วมอยู่ด้วยหลายคนใน Kakao สื่อโซเชียลยอดนิยม ที่มีการแชร์คลิปวิดีโอแอบถ่ายหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อขณะมีเพศสัมพันธ์โดยที่เหยื่อไม่ได้ยินยอม

 

จอง จุน ยอง นักร้อง นักแต่งเพลงชื่อดัง เป็นไอดอลอีกคนที่อยู่ในกรุ๊ปแชตฉาวนี้ที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่สอบสวน หลังจากยอมรับว่าเป็นผู้ตั้งกล้องแอบถ่ายและส่งต่อคลิปเซ็กซ์ฉาวที่ตนเองมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อนับกว่า 10 ราย ก่อนส่งให้เพื่อนในกรุ๊ปแชตดู

ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายของเกาหลีใต้

ขณะที่ชเว จง ฮุน อดีตสมาชิกวงเอฟทีไอส์แลนด์ ที่ร่วมอยู่ในก๊วนแชตนี้ นอกจากจะถูกสอบสวนในประเด็นส่งต่อแชร์คลิปเซ็กซ์ฉาวแล้ว ยังกำลังถูกสอบสวนในประเด็นเกี่ยวข้องกับการใช้เส้นสายและติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อปกปิดเรื่องที่ตนเองถูกตำรวจจับกุมเนื่องจากเมาแล้วขับในปี 2559

และยง จุน ฮยอง อดีตสมาชิกวงไฮไลต์ที่อยู่ในก๊วนแชตนี้เช่นกัน ออกมาประกาศลาออกจากวง หลังจากยอมรับว่าตนเองมีส่วนได้ดูคลิปเซ็กซ์ผิดกฎหมายและแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม

 

นอกจากไอดอลคนดังแล้ว ในก๊วนแชตนี้ยังมีระดับผู้บริหารค่ายและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เชื่อว่าเป็นตัวช่วยเก็บกวาดปกปิดการกระทำผิดกฎหมายให้กับกลุ่มคนในก๊วนนี้รวมอยู่ด้วย

กรณีกรุ๊ปแชตฉาวนี้ยิ่งสาวยิ่งทำให้เห็นถึงปัญหาด้านมืดที่ฝังรากอยู่ในสังคมเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นการล่วงละเมิดกดขี่ทางเพศ ยาเสพติดผิดกฎหมาย และการทุจริตติดสินบน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับซึงรีและกลุ่มผลประโยชน์ในไนต์คลับเบิร์นนิ่งซัน ที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีการค้าประเวณี ยาเสพติด การใช้ความรุนแรงด้วยการบีบบังคับหรือมอมยาให้เหยื่อสาวร่วมหลับนอนกับลูกค้า และการมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง

กรณีนี้ยังตีแผ่ให้เห็นถึงปัญหาในวงการตำรวจและอัยการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตรับสินบนและการละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับการกระทำผิดกฎหมายที่เกิดขึ้น จนเป็นที่จับตาและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสังคมอยู่ในขณะนี้

ซึ่งยังเป็นผลให้ประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ผู้เคยเป็นอดีตทนายความด้านสิทธิมนุษยชน เข้ามาลงมือจัดการกับปัญหาที่อยู่ในความห่วงกังวลของคนในสังคมโดยตรง

ที่นอกเหนือจากคดีที่เกี่ยวข้องกับกรุ๊ปแชตไอดอลฉาวแล้ว ผู้นำเกาหลีใต้ยังสั่งการให้มีการรื้อคดีของจาง จา ยอน นักแสดงสาวที่ก่อเหตุผูกคอตายในปี 2552 ซึ่งเป็นกรณีคาใจของสังคมขึ้นมาสอบสวนใหม่

เนื่องจากนักแสดงสาวรายนี้ได้ทิ้งจดหมายฆ่าตัวตายเอาไว้ ระบุอ้างว่าเธอถูกบริษัทต้นสังกัดบังคับให้มีเซ็กซ์กับผู้ชายอย่างน้อย 30 คน ซึ่งรวมถึงบรรณาธิการข่าวของสื่อสิ่งพิมพ์หัวใหญ่ฉบับหนึ่ง

รวมถึงการสั่งให้เปิดการสอบสวนกรณีนายคิม ฮัก อุย อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ที่ถูกกล่าวหาว่ารับบริการทางเพศจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจด้วย

 

ในส่วนกรณีการตั้งกล้องแอบถ่ายเหยื่ออย่างในกรณีของจอง จุน ยอง ยังเป็นประเด็นปัญหาที่สังคมเกาหลีกำลังตื่นตัวต่อต้านมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเหยื่อจำนวนมากส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ถูกตั้งกล้องแอบถ่ายในที่สาธารณะ โรงเรียน ห้องน้ำ และห้องลองเสื้อ เป็นต้น แล้วนำไปแชร์ต่อในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ผู้กระทำผิดบางรายยังแสวงหาผลกำไรจากการถ่ายคลิปอนาจารเหล่านี้ด้วย

จากข้อมูลของทางการเกาหลีใต้ระบุว่ามีกรณีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกตั้งกล้องแอบถ่ายโดยปราศจากความยินยอมเกิดขึ้นถึงปีละมากกว่า 6,000 รายในช่วงระหว่างปี 2556-2560 ต่อปัญหานี้ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการแอบถ่ายที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวเป็นรูปแบบหนึ่งของการล่วงละเมิดสิทธิและการคุกคามทางเพศ ที่ยังเป็นเครื่องสะท้อนวัฒนธรรมการกดขี่ทางเพศและสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่หรือมีอำนาจเหนือกว่าในสังคมเกาหลีได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ในอีกมุมความเห็นหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญหลายรายยังมองว่ากรณีอื้อฉาวทางเพศนี้ที่มีกรุ๊ปแชตไอดอลเป็นตัวจุดประเด็นเรียกความสนใจจากสังคม จะเป็นบททดสอบฝ่ายบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีใต้อีกครั้งว่าจะสามารถพิสูจน์ตัวเองในการทำหน้าที่เป็นตาชั่งตามกระบวนการทางกฎหมายได้อย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และโปร่งใส โดยปราศจากอำนาจเงินและอิทธิพลบารมีที่เหนือกว่ามาครอบงำอย่างที่มีการครหาได้หรือไม่!