รายงานพิเศษ / มองเกม ‘บิ๊กแดง’ จัดทัพ ทบ. กรุยทาง ‘บิ๊กแก้ว’ สายเป๊ะ ชิง ผบ.ทบ.กับ ‘บิ๊กบี้’ หรือส่งข้ามห้วย คุมทัพไทย ทัพเรือหนาว ‘จอว์ลือ’ เชือด เด้ง สลับไขว้

รายงานพิเศษ

 

มองเกม ‘บิ๊กแดง’ จัดทัพ ทบ.

กรุยทาง ‘บิ๊กแก้ว’ สายเป๊ะ

ชิง ผบ.ทบ.กับ ‘บิ๊กบี้’

หรือส่งข้ามห้วย คุมทัพไทย

ทัพเรือหนาว ‘จอว์ลือ’ เชือด เด้ง สลับไขว้

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายพลกลางปี 2562 นี้ กลายเป็นโผที่เงียบเชียบมาก เพราะอยู่ในช่วงที่คอการเมืองสนใจแต่การเลือกตั้ง อีกทั้งประกาศออกมาก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้าแค่วันเดียว

ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนอง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่ 14 มีนาคม 2562 แต่เพิ่งจะปล่อยให้ประกาศเมื่อค่ำ 16 มีนาคม 2562 นี่เอง

ที่สำคัญคือ เป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประกาศคำสั่งให้นายทหารรับราชการ หรือบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับนายพล ครั้งแรก ที่ไม่ต้องประกาศออกสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เช่นที่เคยปฏิบัติกันมาเป็นธรรมเนียมยาวนาน

แต่เพราะในยุคเปลี่ยนผ่านนี้ ต้องการให้ยึดตามหลักกฎหมายคือ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เช่นเดียวกับคำสั่งอื่นๆ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ มา ส่วนทาง ททบ.5 จะนำมาสรุปเพื่อออกข่าวเท่านั้น ไม่ใช่อยู่ในขั้นตอนของการประกาศโผทหารอีกแล้ว

และมีการประกาศคำสั่ง พระราชทานยศ พลตรี พลโท พลเอก 3 เหล่าทัพ ออกมารองรับ สำหรับนายทหารที่ได้เลื่อนชั้นยศด้วย

พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

ที่ดูจะถูกจับตามองมากที่สุดคือ กองทัพบก เมื่อบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ตัดสินใจดันบิ๊กแก้ว พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ จากรอง เสธ.ทบ. ขึ้นเป็นพลเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.

ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า พล.อ.อภิรัชต์มีแผนที่จะดัน พล.ท.เฉลิมพล (ตท.21) ที่เป็นทั้งรุ่นน้องและเพื่อนสนิท ขึ้นเป็นห้าเสือ ทบ. ในโยกย้ายปลายปี 2562 นี้หรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น ย่อมหมายถึงว่า พล.ท.เฉลิมพลจะขึ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. กับบิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ถูกวางตัวให้เป็น ผช.ผบ.ทบ. ในโยกย้ายปลายปีนี้ เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แทน พล.อ.อภิรัชต์ที่จะเกษียณกันยายน 2563

เพราะ พล.ท.เฉลิมพลเป็นนายทหารม้า ที่เป็นรอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ฉก.ทม.รอ.904) เช่นเดียวกับ พล.ท.ณรงค์พันธ์ และเป็นนายทหารที่มีความเป๊ะไม่แพ้กัน

จึงทำให้กองเชียร์สายทหารม้า และเพื่อน ตท.21 พากันลุ้น และมีความหวังขึ้นมาทันใด เพราะทหารม้าไม่ได้เป็น ผบ.ทบ.มานานแล้ว ตั้งแต่ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เลยทีเดียว

โดยที่ พล.ท.เฉลิมพลเป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร 21 ของ พล.ท.ณรงค์พันธ์ ที่เป็นเตรียมทหารรุ่น 22 แต่ทว่ามีอายุราชการถึงกันยายน 2566 เท่ากัน

แต่ดูเหมือนว่า ทุกอย่างจะจบตรงที่มีสัญญาณให้มีการวางตัวให้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ไว้เป็น ผบ.ทบ.คนต่อไปไว้แล้ว

โอกาสของ พล.ท.เฉลิมพลจึงน้อยกว่า แม้ว่ากองเชียร์จะเยอะ ทั้งพี่เพื่อนน้อง เพราะเป็นคนเก่งคนดี และมีอัธยาศัยไมตรี สไตล์ทหารม้า เป็นสูตรผสมของทั้งนักรบ ทหารม้า และสายยุทธการ เพราะเคยเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทบ.ด้วย

พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

แต่ขุมข่าวใน ทบ.กระซิบว่า แผนของ พล.อ.อภิรัชต์ คือการเตรียมส่ง พล.ท.เฉลิมพล ที่จะเป็นพลเอกตั้งแต่ 1 เมษายนนี้ ไปเป็นเสนาธิการทหาร หรือรอง ผบ.ทหารสูงสุด ที่ บก.กองทัพบก ซึ่งเป็นอัตราพลเอกพิเศษ หรืออัตราจอมพลเดิม เพื่อจ่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุดในตุลาคม 2563 เมื่อบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด เกษียณราชการ

เพราะมีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้หารือกับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม รวมทั้งบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม แล้ว เรื่องอนาคตของ พล.ท.เฉลิมพล

เพราะหาก พล.อ.ประวิตรได้กลับมาเป็น รมว.กลาโหมอีกครั้ง หลัง พล.อ.ประยุทธ์ได้มาเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง หรือหาก พล.อ.ประวิตรวางมือทางการเมือง แต่ไปช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์อยู่เบื้องหลัง ก็มี พล.อ.ชัยชาญเป็น รมว.กลาโหมแทน

อันเป็นการสะท้อนด้วยว่า พล.อ.อภิรัชต์มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาอีกครั้ง

หาก พล.อ.อภิรัชต์ส่ง พล.ท.เฉลิมพล ซึ่งในการโยกย้ายปลายปีนี้เป็นพลเอกแล้ว ไปอยู่ บก.กองทัพไทย ไม่ว่าจะเป็น เสธ.ทหาร หรือรอง ผบ.ทหารสูงสุดก็ตาม จริงๆ ก็อาจจะสลับกับบิ๊กชู พล.อ.ชูชาติ หนองบัว รอง เสธ.ทหาร (ตท.20) ที่ข้ามจากรอง เสธ.ทบ. ไปเมื่อโยกย้ายปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ที่หวังขึ้นเป็น เสธ.ทหาร และชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด เพราะเกษียณกันยายน 2564

หรืออาจจะให้ พล.ท.เฉลิมพล รอเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ.ชูชาติ ก็เป็นได้

แต่นั่นหมายถึง ที่ บก.ทัพไทยจะไม่อาจ “วางทายาท” เช่นที่เคยมีการวางตัว ผบ.ทหารสูงสุดต่อเนื่องกันมาได้หลายคนไว้เลย โดยเฉพาะเตรียมทหาร 21 ที่รอคิวในอนาคต ทั้งบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.สปท. และบิ๊กกวาง พล.ท.สันทัศน์ นนทิภาคย์หิรัญ รอง ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (รอง ผบ.นทพ.) ที่คงต้องขยับจัดแถวกันใหม่

แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับการที่ พล.อ.อภิรัชต์เคลียร์ทางให้ พล.ท.เฉลิมพลไปเติบโตที่ บก.กองทัพไทย เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คนต่อๆ ไปนั้น เพราะต้องการส่งนายทหาร “สายพันธุ์เป๊ะ” ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ และ ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย ให้มาคุมที่ บก.กองทัพไทย เพื่อมาจัดแถวทหารทัพไทยให้เป๊ะเช่นเดียวกับ ทบ.

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ

ขณะที่โผนี้ยังไม่มีการขยับ 5 เสือ ทบ. เพราะแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ยังไม่ต้องการให้นายทหารที่จะได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ลาออกตั้งแต่โผนี้ เพราะเกรงถูกมองว่าเป็นหวยล็อก จึงให้รอการคัดสรรให้เสร็จเสียก่อน ค่อยลาออก

อีกทั้งหากเกิดอุบัติเหตุใดๆ ทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง บรรดานายทหารเหล่านี้จะได้ไม่ต้องลาออกให้เสียรูปกระบวน

จึงคาดว่า หลังการแต่งตั้ง 250 ส.ว. หลังกระบวนการของ ส.ส.เสร็จแล้ว จึงจะมีการลาออกจากกองทัพ และจะทำให้โผโยกย้ายนายพลปลายปียิ่งคึกคัก

โดยเฉพาะจะต้องมีบิ๊กทหารที่ต้องย้ายโอนไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ที่อาจจะได้ไปเป็น ส.ว. หรือในกรณีที่เกษียณกันยายน 2562 นี้

ที่คาดหมายกันว่า บิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา รองปลัดกลาโหม ถูกวางตัวเอาไว้สำหรับเป็นเลขาฯ สมช.อยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ก็ต้องหารองปลัดกลาโหมคนใหม่

พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์

ขณะที่โผนี้ บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. จัดหนักที่สุด และเป็นการทำให้ความหวาดหวั่นที่ทหารเรือกลัวเกรงกันมาเกือบ 6 เดือน กลายเป็นจริง

เพราะ พล.ร.อ.ลือชัยได้ประกาศไว้แล้วว่า stop the past start the new หยุดสิ่งเลวร้ายในอดีต เริ่มต้นสิ่งที่ดีงาม เพื่อความวัฒนาถาวร จึงมีการใช้ทั้งสูตรเด้ง และสูตรย้าย มาจัดแถวทหารเรือใหม่

โดยเฉพาะการ เด้ง 4 ผบ.กองเรือ จากทั้งหมด 9 กองเรือ ที่แต่งตั้งในยุคบิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ เป็น ผบ.ทร.ไว้ เพราะในสายตา พล.ร.อ.ลือชัยมองว่า ไม่เหมาะสม จึงเด้งเข้ากรุ ทั้ง พล.ร.ต.อนุชา เอี่ยมสุโร (ตท.22) ผบ.กองเรือยามฝั่ง เข้ากรุ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ พล.ร.ต.ชวิน เวียงวิเศษ (ตท.23) ผบ.กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เข้ากรุ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ พล.ร.ต.ชาติชาย ทองสะอาด (ตท.24) ผู้บัญชาการกองเรือยกพลขึ้นบก เป็นผู้ชำนาญการกองทัพเรือ และ พล.ร.ต.ธวัชชัย ม่วงคำ (ตท.24) ผบ.กองเรือฟริเกต ที่ 2 เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองบัญชาการกองทัพเรือ

โดยให้ พล.ร.ต.ไพศาล มีศรี (ตท.23) ออกจากกรุนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำกองบัญชาการกองทัพเรือ มาเป็น ผบ.กองเรือฟริเกต ที่ 2  ส่วน พล.ร.ต.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ เป็น ผบ.กองเรือยามฝั่ง

และ พล.ร.ต.เทวินทร์ ศิลปชัย (ตท.23) ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 เป็น ผบ.กองเรือยกพลขึ้นบก พล.ร.ต.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง (ตท.24) ผอ.สำนักพัฒนากำลังพล กรมกำลังพล ทร. เป็น ผบ.กองเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์

แต่คงยังคงไว้ 5 กองเรือหน่วยคุมกำลังของกองเรือยุทธการ เช่น พล.ร.ต.วันชัย ทรงเมตตา (ตท.21) เป็น ผบ.กองเรือดำน้ำ พล.ร.ต.กำจร เจริญเกียรติ (ตท.24) เป็น ผบ.กองเรือฟริเกต ที่ 1 พล.ร.ต.ชัยณรงค์ บุญรัตนกลิน (ตท.24๔) เป็น ผบ.กองเรือทุ่นระเบิด พล.ร.ต.สมพงษ์ นาคทอง (ตท.23) เป็น ผบ.กองเรือตรวจอ่าว

และ พล.ร.ต.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) เป็น ผบ.กองเรือลำน้ำ

พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน

การจัดโผนายพลเรือกลางปีแบบนี้ ยิ่งทำให้ พล.ร.อ.ลือชัยยิ่งน่าเกรงขามสำหรับกำลังพลยิ่งขึ้น ว่าเป็น ผบ.ทร. ที่พูดจริง ทำจริง เคร่งครัด เด็ดขาด

แถมยังมีการใช้สูตร ย้ายสลับไขว้ ให้บิ๊กโด่ง พล.ร.ท.นิกิตติ์ ฑีร์ฆะยศ (ตท.19) เจ้ากรมสรรพาวุธ ทร. ขยับเข้าไลน์มาเป็นรอง เสธ.ทร. แล้วให้ พล.ร.ท.นภดล สำราญ เพื่อน ตท.19 ไปเป็นเจ้ากรมสรรพาวุธ ทร.แทน

ขณะที่บิ๊กเหมียว พล.ร.ท.เดชดล ภู่สาระ (ตท.19) เจ้ากรมกิจการพลเรือน ทร. ขยับมาเป็นรอง ผบ.กร. และให้บิ๊กกาญจน์ พล.ร.ท.กาญจน์ ดีอุบล (ตท.21) สลับมาเป็นเจ้ากรมกิจการพลเรือน ทร.แทน และต้องทำหน้าที่โฆษก ทร.แทนด้วย

แม้จะมีการมองว่า บิ๊กปาน พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม (ตท.20) ผอ.สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายใน ทร. (ปรมน.ทร.) มีความเหมาะสม เพราะเติบโตใน สลก.ทร. และ กพร.ทร. จนเป็นรองเจ้ากรม กพร. และเป็นรองโฆษก ทร. แต่ทว่า ยังไม่เข้าตา พล.ร.อ.ลือชัย

ขณะที่มีการปรับเปลี่ยนขุมกำลังรบทางบก เพราะบิ๊กเขียว พล.ร.ท.ศังกร พงษ์ศิริ ผบ.หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) จะเกษียณราชการ จึงต้องขยับขึ้นพลเรือเอก แล้วให้บิ๊กค่อก พล.ร.ต.รณรงค์ สิทธินันท์ รอง ผบ.นย.(ตท.20) นักรบรีคอน ขึ้นเป็น ผบ.นย.คุมกำลังคนใหม่

พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม

โผทัพเรือโผนี้ จึงเป็นการสะท้อนตัวตนของ พล.ร.อ.ลือชัย ที่มีความมั่นใจในแนวทางการทำงานของตนเองอย่างมาก จนคาดกันว่า โยกย้ายใหญ่ปลายปี น่าจับตามองยิ่งนัก

โดยเฉพาะการดันบิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 แกนนำ ตท.20 ขึ้นมาเป็นพลเรือเอก 5 ฉลาม ทร. เพื่อปั้นให้เป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. กับบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. เพื่อน ตท.20 ด้วยกัน

ทั้งนี้เพราะ พล.ร.อ.ลือชัยมองว่า พล.ร.อ.ชาติชายเป็นคนที่ พล.ร.อ.นริสวางตัวเอาไว้ แต่ตนเองก็มีว่าที่ ผบ.ทร.ไว้ในใจแล้ว โดยเฉพาะ พล.ร.ท.สิทธิพรคนนี้

แต่ทว่า พล.ร.อ.ชาติชายก็เติบโตมาในไลน์สำคัญของ ทร.มาตามลำดับ ไม่ได้กระโดดข้ามใครขึ้นมา และถือเป็นนายทหารที่มีฝีมือของ ตท.20 เช่นกัน

ดังนั้น จึงน่าจับตามองว่า พล.ร.อ.ลือชัยจะเดินเกมวางตัว ผบ.ทร.คนต่อไป ที่จะมาแทนตนเองที่จะเกษียณกันยายน 2563 เช่นไร

แต่ที่แน่ๆ ทำให้ทัพเรือในยุคนี้ถูกจับตามองว่า จะเกิดคลื่นใต้น้ำ และสึนามิขึ้นในรูปแบบใด และเมื่อใด

แต่ที่แน่ๆ โผโยกย้ายทหารโผหน้า จะเป็นโผแรกของรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง ที่ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม แต่หากยังคงเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ก็คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก

แต่หากอำนาจรัฐเปลี่ยนขั้ว ก็มีเรื่องให้ต้องลุ้นกันหน่อย ตั้งแต่ว่า กองทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ จะอยู่นิ่งปล่อยให้การเมืองเป็นไปตามกลไกได้หรือไม่

หาก พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐไม่ชนะขาดลอย หรือไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับเป็นฝ่ายพรรคเพื่อไทย เพื่อชาติ อนาคตใหม่ ประชาชาติ เมื่อนั้น ย่อมต้องมีกลุ่มมวลชนออกมา และเมื่อนั้นทหารก็ต้องออกมาดูแลสถานการณ์

ที่การปฏิวัติรัฐประหาร หรือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ถูกจับตามองอีกครั้ง แม้แต่โอกาสของการปฏิวัติตัวเอง

แต่ทว่า อาจจะไม่ได้ให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาอีก แต่อาจเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลพิเศษ นายกฯ คนนอก หรือนายกฯ พิเศษ เพื่อดูแลสถานการณ์ชั่วคราว

  แต่นั่นย่อมหมายความว่า พล.อ.อภิรัชต์ และ ผบ.เหล่าทัพ จะต้องได้ไฟเขียวเท่านั้น…