หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ /’เครื่องมือ…สื่อสาร’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
ช้างป่า - ช้างที่ยังโตไม่เต็มวัย มักไม่ค่อยระวังตัว และออกอาการดีใจอย่างรื่นเริงเมื่อเดินมาถึงแหล่งอาหาร

หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ

‘เครื่องมือ…สื่อสาร’

 

มีสิ่งหนึ่งที่คนในเมืองไม่ใส่ใจ หรือเงยหน้าขึ้นมองสักเท่าไหร่ สิ่งนั้นคือดวงจันทร์

ไม่ว่าดวงจันทร์จะอยู่ในสภาพใด เห็นเป็นเสี้ยวบางๆ ครึ่งดวง หรือเต็มดวง

ในเมืองที่ไร้ความมืดมิด แสงจันทร์จะสว่างแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย

อยู่ในป่า ดวงจันทร์มีอิทธิพลกับเรา

แหงนหน้ามองดวงจันทร์ ก็คล้ายการดูปฏิทิน ข้างขึ้น ข้างแรม ดวงจันทร์เว้าแหว่ง ครึ่งดวง เต็มดวง เราเรียนรู้ที่จะดูว่า วันเวลาเคลื่อนที่ไปเช่นไร

ในฤดูแล้ง ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิลดต่ำ จากบนเปล ดวงจันทร์กลมโต ส่องแสงนวล มวลหมู่ดาวที่เคยส่องแสงระยิบในคืนเดือนมืดหายไป

ว่ากันว่า ในคืนข้างแรม ท้องฟ้ามืด ด้วยความสามารถของดวงตาเรา จะมองเห็นดาวเพียง 6,000 ดวง

มีดาวอีกมากมายที่เราไม่มีโอกาสได้เห็น

โดยเฉพาะเมื่อเป็นคืนที่ดวงจันทร์ทอแสง…

 

แม้จะไม่ได้เข้าไปทำงานในป่าทุ่งใหญ่ด้านตะวันตกแล้ว แต่ผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่น ยังติดต่อสื่อสารกันอยู่เสมอๆ

เวลาที่ผมพูดถึงผู้ชายที่คนในทุ่งใหญ่เรียกว่า “เสือผอม”

ผมหมายถึง ผู้ชายวัย 30 ปลายๆ รูปร่างผอมสูง ผิวคล้ำ ที่มีชื่อจริงว่า ชัยพร สังขโลก

อยู่ที่นั่น ผมไปหาเขาที่ห้องทำงานเขาบ่อย

โดยเฉพาะในวันข้างขึ้น พระจันทร์เต็มดวง

ครั้งหนึ่ง ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ในที่ทำงานของเสือผอม ที่เรียกว่า สถานีวิทยุแม่ข่าย เขาพระฤๅษี

สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,320 เมตร อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส

สถานีวิทยุมีลักษณะเป็นห้องแคบๆ ขนาด 2 x 3 เมตร ผนังสองด้านตีปิดด้วยฝาไม้สังเคราะห์ ส่วนอีกสองด้านเป็นกระจกใส ด้านทิศเหนือ มีเฉลียงกว้างสัก 2 เมตร มีเหล็กแป๊บกั้นเป็นราว

ยืนบนเฉลียง จะมองเห็นโป่งเทียมเล็กๆ ที่เสือผอมเอาเกลือมาใส่ไว้ ถัดออกไปคือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยแนวเขาซับซ้อน

รอบๆ สถานีมีรอยตีนกวางและกระทิงย่ำเป็นเทือก

ท่ามกลางรอยตีนสับสน มีรอยตีนเสือโคร่งแทรกอยู่

สำหรับผม ที่นี่เป็นที่เหมาะสมกับการใช้ดวงจันทร์เป็นเครื่องมือ

 

20.05 นาฬิกา

เราขึ้นมาจากครัวเล็กๆ ด้านข้าง หลังกินข้าวเสร็จ

ผมนั่งที่เฉลียงเอนหลังพิงผนังกระจก เสือผอมนั่งบนเก้าอี้เก่าๆ มีรอยสนิมหน้าโต๊ะ ซึ่งมีอุปกรณ์วิทยุสื่อสารตั้งอยู่

“ชีวิตมั่นคงขึ้นครับ” เขาตอบคำถามที่ผมถามว่า ได้บรรจุเป็นพนักงานราชการตำแหน่งพิทักษ์ป่าแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

“ยังไงผมก็ขอตายในทุ่งใหญ่นี่แหละไม่ไปไหนหรอก” เขาบอกความตั้งใจ

หลังจากลาพักไป 7 วัน เมื่อวานเขาเดินทางมาสถานีพร้อมผม อีกสองวันเขาจะนำชุดลาดตระเวนเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ซึ่งเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีแนวเขาล้อมรอบ

“บางช่วงในทุ่งมีไฟไหม้แล้ว ระบัดกำลังขึ้น กระทิงเริ่มเข้าไปรวมตัว พวกล่าเขาจ้องอยู่ ช่วงนี้ต้องเข้าไปตรวจสอบบ่อยๆ ครับ”

นอกจากทำหน้าที่พนักงานวิทยุ เสือผอมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าลูกไม้แดง ที่อยู่ห่างสถานีราว 5 กิโลเมตรด้วย

ลูกทีมเขาทุกคนเป็นชายเชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติไทย แม้ว่าทุกคนจะได้รับการฝึกฝนการลาดตระเวนเชิงคุณภาพอย่างเข้มข้นมาแล้วคนละมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เมื่อออกลาดตระเวนโดยมีเสือผอมนำ ทุกคนรู้ดีว่าต้องทำหน้าที่เคร่งครัดขึ้นอีก

ร่องรอยปัจจัยคุกคาม แม้เพียงเล็กน้อย พวกเขาจะสังเกตเห็น

“เสือผอมมันไม่กลัวอะไรหรอก เคยไปเป็นทหารอยู่ที่บาเจาะ นราธิวาส หลายปี” ลูกน้องขยายข้อมูลลูกพี่ให้ฟัง…

 

แสงจันทร์สว่าง ทุ่งหญ้าและแนวเขาเห็นชัดเจน

ผมพูดถึงดวงจันทร์ และดาวระยิบระยับบ่อย

เหตุผลหนึ่งคือ ยามค่ำคืนในป่าจะมีอะไรให้ทำนักล่ะ

นอกจากแหงนหน้าดูความเวิ้งว้างกว้างใหญ่และงดงามอย่างนี้

 

คนทำงานในป่าที่ผมรู้จัก คบหาเป็นเพื่อน แทบทุกคนจะมีความกลัวอะไรสักอย่าง และบางอย่างที่พวกเขากลัวนั่นคล้ายจะไม่น่ากลัวเอาเสียเลย

พวกเขาอยู่ในป่าคนเดียว เดินป่า ขึ้นเขาลงห้วย ทำอะไรๆ ได้สารพัด ไม่กลัวความมืด ไม่กลัวสัตว์ เข้าไปหาเสือที่แยกเขี้ยวขู่

คนเหล่านี้แหละบางคนกลัวมด

บางคนกลัวแมงมุม

บางคนกลัวคางคก

อีกนั่นแหละ เรารู้ดีว่า ยิ่งกลัวอะไรดูเหมือนจะยิ่งเจอ

หลายครั้ง ผมเห็นคนกลัวคางคก วิ่งร้องตะโกนอย่างตกใจเพราะคางคก ขณะกำลังเดินเข้าไปหาเสือ

กระทั่งถึงวันนี้ ผมรู้ตัวดีว่า มีอะไรๆ หลายอย่างที่กลัว เช่น ความสูง เมื่อต้องไต่ขึ้นต้นไม้หรือปีนป่ายไปตามผาหิน ผมไม่กล้ามองข้างล่าง รวมทั้งหากต้องโดยสารเครื่องบินนานๆ ผมจะเริ่มอึดอัด

ผมเคยบอกคนหลายคนหลายครั้งแล้วว่า ในบรรดาหลายอย่างที่กลัวนั้น

ดวงจันทร์วันเพ็ญ คือสิ่งที่ผมกลัวที่สุด

ไม่ได้กลัวเพราะความน่าเกลียด

ไม่ได้กลัวเพราะคิดว่าจะมีอันตราย

แต่กลัวเพราะดวงจันทร์วันเพ็ญงดงามเกินไป

 

ไม่ไกลจากที่ทำงาน เสือผอมมีโป่งใหญ่ที่ผมเข้าไปทำงานบ่อย

ช่วงปลายฝนต้นหนาว สัตว์ป่าเริ่มกลับมาที่โป่ง หลังจากตระเวนไปหาอาหารตามแหล่งต่างๆ ถึงเวลาที่ต้องเพิ่มอาหารเสริม

โอกาสพบพวกมันมีมากขึ้น วันทั้งวันอยู่กับฝูงกระทิง แต่ผมกดชัตเตอร์ไม่มาก เวลาที่เหลืออยู่กับการมองพวกมันด้วยสายตา

“กวาง 4 ตัวที่อยู่ประจำ เหลือแค่ 3 ตัว แล้วตัวหนึ่งถูกเสือโคร่งฆ่าได้”

ก่อนลาพัก เสือผอมเข้าไปสำรวจในโป่ง เขาพบซากกวาง

“คนล่ารู้ดีครับว่าช่วงนี้ตามแหล่งอาหารสัตว์คึกคัก งานลาดตระเวนต้องเข้มข้นมากหน่อยช่วงนี้” เสือผอมพูด

ชุดลาดตระเวนหลายชุดเฝ้าซุ่มตามจุด เพื่อดักรอ รวมทั้งฟังเสียงปืนที่อาจดังขึ้น

ในป่าไม่เคยขาดเสียงปืน

 

อยู่ลำพังในห้องแคบๆ รายล้อมด้วยทุ่งหญ้า และแนวเขาโอบล้อม ท้องฟ้าโล่งกว้างไกล นี่คล้ายจะไม่ง่ายดาย

“สบายครับ ไม่เหงาหรอก” เสือผอมว่า พลางจดบันทึกข้อความที่ทางชุดลาดตระเวนแจ้งมา เขาต้องรายงานเขตต่อ

“มีเวลาเยอะก็พูดกับไก่ กับต้นไม้ไปตามเรื่อง” ที่นี่มีไก่ป่าเข้ามาอาศัยอยู่ถาวร 2-3 ตัว มันส่งเสียงขันผ่านวิทยุให้คนในทุ่งใหญ่ได้ยินเสมอ

ชายคาเหนือเฉลียง มีกระดิ่งเล็กๆ แขวน ลมพัดเสียงกุ๊งกิ๊ง

“รถไอติมมาแล้ว” เสือผอมฟังเป็นเสียงรถขายไอติม

เสือผอมมีความสุขกับงานของเขา อยู่คนเดียวกลางป่ากว้างไม่ใช่ปัญหา แม้จะดู “แปลกๆ” บ้างก็เถอะ

ใจความสำคัญอาจเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เข้าใจได้ไม่ยาก

เขาอยู่ได้โดยตัวกับหัวใจอยู่ด้วยกัน

 

จากบนเฉลียง

ดวงจันทร์เต็มดวงทอแสง การจะอยู่โดยให้ตัวและใจอยู่ด้วยกัน

แสงจันทร์นวล คืออุปสรรคสำคัญที่จะไม่ให้ใจไปไหนไกล

คนจำนวนมากใช้ดวงจันทร์เป็น “เครื่องมือ” ส่งความคิดถึงฝากไว้บนนั้น

ในเมือง ดวงจันทร์ไร้ความจำเป็น

เรามีเครื่องมือมากมายสำหรับสื่อสาร สะดวกรวดเร็ว ติดต่อกันได้ทุกที่ ทุกเวลา

แต่ก็เถอะ ไม่ว่าจะใช้อะไรเป็น “เครื่องมือ…สื่อสาร”

ข้อความหรือความคิดถึง อาจเดินทางไปไม่ถึงไหน

ถ้าผู้รับไม่เปิดดู

หรือเงยหน้าขึ้นมอง…