เจาะใจ “ฟอนตาเนียล” หลังได้คุมมวยชาย-หญิง เบ็ดเสร็จ เมื่อ “กฎ” เปลี่ยน “เรา” ต้องเปลี่ยน!

ในที่สุดสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทยก็ตัดสินใจมอบหมายให้ยอดโค้ชคิวบา “ฮวน ฟอนตาเนียล” เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน คุมทีมมวยสากลสมัครเล่นชาย-หญิง เพื่อเตรียมตัวลุยศึกโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ฟอนตาเนียล ซึ่งในอดีตเคยสร้างเกียรติประวัติพาทีมมวยสมัครเล่นชายไทยโกย 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันโอลิมปิกสามสมัย (1996-2004)

ก่อนหน้านี้ โค้ชชาวคิวบาเพิ่งรีเทิร์นกลับมาคุมทีมมวยสากลสมัครเล่นหญิงไทย โดยในศึกเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย นักมวยสาวไทยภายใต้การดูแลของฟอนตาเนียลคว้ามาได้ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง

ถือว่าทำผลงานเหนือกว่าทีมชายที่ได้เพียง 4 เหรียญทองแดง

ทีมข่าวมติชนทีวีเดินทางไปพูดคุยกับโค้ชฮวน ที่ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก จ.สระบุรี ขณะที่เขาและทีมงานกำลังคุมเข้มเหล่านักชกชาย-หญิง พร้อมกับเซ็ตระบบการฝึกซ้อมแบบยกเครื่องใหม่ทั้งหมด เพราะสไตล์การชกมวยสมัครเล่นยุคนี้นั้นเปลี่ยนแปลงไปมากจากอดีต ซึ่งหลายคนยกให้เป็น “ยุคทอง” ของนักมวยสมัครเล่นไทย

อันเนื่องมาจากกฎกติกาและวิธีการให้คะแนนที่ผันแปรไป

ฟอนตาเนียลอธิบายขั้นตอนการทำงานของเขาด้วยภาษาไทยสำเนียงฟังง่ายพ่วงด้วยศัพท์เทคนิคภาษาอังกฤษ ว่า

“เราต้องฟิต มวยผู้ชายมีปัญหาเรื่องความฟิต (แต่) ตอนนี้ฟิตดีมาก เทคนิคมีปัญหาเยอะ เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ เราทำเทคนิคทุกวัน psychologic (จิตวิทยา) มวยต้องเปลี่ยน เรากำลังทำด้วย รวมถึง (ทีมนักมวย) ผู้หญิงด้วย

“AIBA (สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ) เปลี่ยน rules (กฎการแข่งขัน) เมื่อก่อนมี points (ระบบการให้คะแนนโดยนับเป็นจำนวนหมัดที่ชกเข้าเป้า) เดี๋ยวนี้ไม่มี points นะ ตอนนี้ต้องมีต่อย ต้องมีต่อยโดน ต้องมีแรงด้วย มวยสมัครเล่นเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยน

“นี่มวยผู้ชายนะ ตอนนี้ยังไม่เปลี่ยน เราต้องการให้เขาเปลี่ยน (เพราะ) rules เปลี่ยน ไม่ใช่ (ชก) หมัดเดียว-สองหมัด ไม่มีเหรียญทอง

“ผู้หญิงเปลี่ยนแล้ว แต่เราพยายาม กำลังทำให้มวยผู้ชาย (เปลี่ยน)”

ในมุมมองของยอดผู้ฝึกสอนชาวคิวบา ที่เคยปลุกปั้นทีมมวยสากลสมัครเล่นชายของไทยจนสร้างชื่อก้องโลก ระหว่างปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นสหัสวรรษใหม่ ทีมนักมวยสากลสมัครเล่นไทยยุคปัจจุบันนั้นไม่มีปัญหาเรื่องประสบการณ์

ในทีมชาย “สายลม อาดี” รุ่น 69 กิโลกรัม “วุฒิชัย มาสุข” รุ่น 63 กิโลกรัม “ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี” รุ่น 56 กิโลกรัม ล้วนเป็นนักชกลายครามที่ผ่านสังเวียนมาอย่างโชกโชน ส่วนดาวรุ่งรายอื่นๆ ก็พัฒนาขึ้นมาก

เหลือเพียงอย่างเดียวคือ ต้องใช้เวลาค่อยๆ สรรค์สร้าง “ทีมเอ” ของนักมวยชายไทยขึ้นมา

“ตอนนี้ ผมคิดว่า สายลม (อาดี) รุ่น 69 กิโล เป็นคนที่หนึ่ง (ฝีมือดีที่สุด) เป็นคนที่ทรงดีมาก มีประสบการณ์เยอะ ถ้าผู้หญิง สุดาพร (สีสอนดี หรือน้องแต้ว) เป็นคนที่หนึ่ง ผมคิดว่าสุดาพรมีโอกาสได้เหรียญทอง Asian Championships (ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2019)” ฟอนตาเนียลวิเคราะห์ลูกศิษย์

นอกจากนั้นยังมีนักมวยดาวรุ่งสาวไทยอีกหลายรายที่รอคอยวันสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ เช่น “พัณพัชรา สมนึก” รุ่น 57 กิโลกรัม “ใบสน มณีก้อน” รุ่น 69 กิโลกรัม และ “นิลดา มีคุณ” (เพชรจีจ้า อ.มีคุณ) รุ่น 48 กิโลกรัม

อย่างไรก็ดี ฮวน ฟอนตาเนียล ระบุว่า นักมวยชาย-หญิงทีมชาติไทยยังมีเวลาเตรียมพร้อมมากพอ ก่อนจะเดินหน้าฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ นานา เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกรอบสุดท้ายในปีหน้า ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

หลังจากที่ขุนพลเสื้อกล้ามของเราสร้างประวัติศาสตร์ (ด้านลบ) ด้วยการชวดหมดทุกเหรียญรางวัลในโอลิมปิก 2016 ที่บราซิล

“เรามีเวลา ผมต้องการบอกคนไทยทุกคน มวยผู้ชาย เรามีเวลา เรามี qualify (รอบคัดเลือก) ที่ 1 (รายการชิงแชมป์เอเชีย) อยู่ที่เมืองไทย เรามีโอกาสเยอะ เรามี (เวลาเตรียมตัว) 5 เดือน ไป qualify ที่ World Boxing Championships (รายการชิงแชมป์โลก) ของผู้ชายที่รัสเซีย

“มี (เวลาเตรียมตัว) 7 เดือน ไป World Boxing Championships (รายการชิงแชมป์โลก) ของผู้หญิง เรามีเวลาจริงๆ

“ทุกคนต้องเชื่อ ทั้ง (ทีมมวย) ผู้ชายและผู้หญิง สุดท้ายต้องมีโอกาสไปโอลิมปิก สุดท้ายเรามีโอกาสตั้งเยอะ ที่โอลิมปิกต้องมีเหรียญ”

นี่คือคำมั่นสัญญาที่ยอดโค้ชคิวบาฝากไว้กับแฟนมวยชาวไทย ซึ่งเฝ้าคอยเหรียญทองโอลิมปิกลำดับที่สี่ จากผลงานการเจียระไนของเขา