หนุ่มเมืองจันท์ | มี “อนาคต”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง

แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ทายผลยากมากครับ

เป็นการแข่งขันที่ตื่นเต้นและเร้าใจที่สุด

ประการหนึ่ง เพราะเป็นการเลือกตั้งหลังรัฐประหารที่เห็นความตั้งใจสืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน

กำหนดกติกาเอาเปรียบทุกรูปแบบ

รู้สึกเหมือนกำลังดู “มวยปล้ำ” ที่การเล่นนอกเกมเป็นเรื่องปกติ

เอานิ้วทิ่มตา เอาเก้าอี้ฟาดก็ได้

มีผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้างเวทีแอบขึ้นเวทีไปล็อกคอคู่ต่อสู้ก็ได้

แถมบางครั้งก็ชวนกรรมการคุยให้นักมวยของตัวเองโกง

ครับ ถ้า “การเลือกตั้ง” เป็นแค่การแสดงแบบ “มวยปล้ำ”

โชว์นี้ก็สนุกดี

แต่น่าเศร้าที่ “การเลือกตั้ง” ไม่ใช่การโชว์

มันคือ “เรื่องจริง”

“เรื่องจริง” ที่มีผลต่ออนาคตของคนไทยทุกคน

ประการหนึ่ง การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการใช้ “โซเชียลมีเดีย” เต็มรูปแบบ

ในสมัยก่อนทุกความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองจะอยู่บนจอเรดาร์ข่าวการเมือง

หาข่าวไม่ยาก

ทำอะไรก็รู้

สื่อมวลชนจะมีพลังกำหนดกระแสสังคมสูงมาก

เพราะชาวบ้านรับข่าวสารจากโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์

เมื่อทุกอย่างอยู่ในสายตา การประเมินสถานการณ์จึงไม่ใช่เรื่องยาก

แต่วันนี้คนรับรู้ข่าวสารจาก “โซเชียลมีเดีย” มากขึ้น

ทุกข่าวยิงตรงไปที่ชาวบ้านเลย

ระบบของเฟซบุ๊กสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ว่าเราอยากให้ใครได้เห็น

แบบนี้สื่อส่วนกลางจะไม่รู้ว่าในพื้นที่เขาเล่นอะไรกันอยู่

ทำนายผลยากมาก

อีกประการหนึ่ง เพราะมี “ผู้เล่นใหม่” อย่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคอนาคตใหม่

จากเดิมที่เป็นการชนช้างระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย หรือ “ไทยรักไทย-พลังประชาชน” ในอดีต

วันนี้ “พลังประชารัฐ” เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่

เลาะตะเข็บพรรคสามัคคีธรรมในอดีต

แต่เป็น “สามัคคีธรรม 4.0”

หัวหน้าพรรคเป็นนักวิชาการ นโยบายทันสมัย มีคนรุ่นใหม่เข้าร่วมเยอะมาก

แต่ยังคงความเป็น “สามัคคีธรรม” แบบดั้งเดิม

คือ กระสุนเต็มแม็ก-อำนาจเต็มมือ

พร้อมความเชื่อมั่นระดับ “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อเรา”

ส่วนพรรคอนาคตใหม่นั้น ตอนแรกๆ เหมือนเป็นพรรคที่ค่อนข้างเพ้อฝันของคนหนุ่มสาว

อุดมการณ์ชัดเจน

ใครๆ ก็ประเมินว่าเป็นแค่สีสันของการเลือกตั้ง

ตอนเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ผมคุยกับนักการเมืองหลายคน

เขาประเมินว่าได้ ส.ส.ไม่ถึง 10 คน

ผมประเมินสูงกว่าเพราะตอนนั้นคลิปการสัมภาษณ์ “ธนาธร” ของทุกสื่อมียอดวิวสูงมาก

เชื่อว่าน่าจะเป็น “คนรุ่นใหม่”

แต่ผมยังไม่มั่นใจนัก

ในงานมหกรรมหนังสือครั้งที่ผ่านมา ผมจึงทำการวิจัยอย่างไม่เป็นทางการ

มีหนังสือประวัติของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” วางจำหน่าย 3 เล่ม

เล่มที่หนึ่ง “ปักธงอนาคต” โดย “เจนวิทย์ เชื้อสาระถี” สำนักพิมพ์มติชน

เล่มที่สอง “เลือกอยู่ข้างเวลา” โดย “ชัชวนันท์ สันธิเดช” สำนักพิมพ์ซีเอ็ด

เล่มที่สาม “Portrait ธนาธร” โดย “วรพจน์ พงศ์พันธุ์” สำนักพิมพ์ No 1 Banglumpoo

ถ้าดูจากยอดวิวของคลิป “ธนาธร”

หนังสือน่าจะขายดีมาก

เหมือนตอนที่กระแสความนิยม “ทักษิณ ชินวัตร” พุ่งสูง

หนังสือประวัติ “ทักษิณ” ขายดีมาก

วิธีคิดของผมก็คือ การดูคลิป เขาดูฟรี

แต่การซื้อหนังสือ คือ Action แบบลงแรงและจ่ายเงิน

“คนรุ่นใหม่” เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่แน่นอนทางการเมือง

การกดคีย์บอร์ดกับการลงคะแนนใช้พลังงานต่างกัน

ถ้าหนังสือขายดี แสดงว่ากระแสของ “ธนาธร” แปรเป็น “เสียง” อย่างแท้จริง

ผมประเมินว่าหนังสือของเขาจะขายดีมาก

เคยเขียนทำนายในคอลัมน์นี้ครั้งหนึ่ง

ตลอดงานหนังสือ ผมจึงวนเวียนไปตามบูธสำนักพิมพ์ที่ขายหนังสือของ “ธนาธร”

สอบถามเรื่องยอดขาย

ไม่น่าเชื่อ

หนังสือของเขาขายดีพอสมควร

แต่ไม่ดีมาก

ที่ “มติชน” ยอดขายหนังสือ “ปักธงอนาคต” น้อยกว่า “เพราะฉะนั้น ฉันจึงถาม” ของผมเกือบครึ่งหนึ่ง

เป็นปรากฏการณ์ที่น่าตกใจมาก

เจอคนที่รู้จัก “ธนาธร” ผมยังฝากไปบอกเขาเรื่องนี้

อย่าวางใจเรื่อง “กระแส” บนจอ

แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วครับ

กระแสของพรรคอนาคตใหม่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ตั้งแต่ “ธนาธร” ออกดีเบตที่ “ไทยรัฐทีวี”

จนถึงกระแส “ฟ้ารักพ่อ” ที่ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

ต้องยอมรับว่ารูปแบบการสื่อสารของพรรคอนาคตใหม่นั้นแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น

เขาตัดขั้นตอน “คนกลาง” คือ “หัวคะแนน” ออกจากระบบ

สื่อสาร “บายพาส” หาประชาชนเลยด้วย “โซเชียลมีเดีย”

“สื่อใหม่” นั้นมีข้อดีที่สามารถยิงตรงถึงประชาชนด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก

ปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนไปก็คือ ทุกเวทีการปราศรัยของพรรคอนาคตใหม่ มีคนฟังมากขึ้น

จากตอนแรกๆ ที่มีคนฟังน้อยมาก

วันนี้กลายเป็นว่าทุกจังหวัดที่ “ธนาธร” เปิดเวทีปราศรัย ยอดคนฟังสูงขึ้นเรื่อยๆ

และปฏิกิริยาคนฟังก็ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง

ยอมยืนรอเซลฟี่กับ “ธนาธร” เป็นชั่วโมง

นี่คือ Action ที่พอมั่นใจได้ว่าคนกลุ่มนี้จะไปลงคะแนนให้

เรื่องนี้สำคัญมากในการประเมินการปราศรัยของพรรคการเมืองต่างๆ

จะดูจำนวนคนอย่างเดียวไม่ได้

ต้องดูปฏิกิริยาตอบสนองด้วย

บางที่เห็นเลยว่านั่งคุยกันเอง รอเวลากลับบ้าน

แบบนี้รู้เลยว่า “จ้าง” มา

พรรคอนาคตใหม่นั้นคล้ายกับพรรคพลังธรรมในอดีต

เป็นพรรคที่มีความแตกต่างจากพรรคเก่าๆ อย่างชัดเจน

“พลังธรรม” เป็นพรรคของ “คนดี” ถือศีล

ส่วน “อนาคตใหม่” เป็นพรรคที่กล้าชนกับกรอบความคิดเก่าๆ

ชัดเจน ตรงไปตรงมา

ในอดีต พรรคพลังธรรมยึดครอง กทม. แต่ไม่สามารถขยายไปต่างจังหวัดได้

เพราะไม่สามารถสื่อสารตรงไปถึงประชาชนในต่างจังหวัดได้

แต่พรรคอนาคตใหม่ทลายข้อจำกัดดังกล่าว

เพราะวันนี้มีโซเชียลมีเดีย

จากกระแสที่พุ่งสูง ไม่แปลกที่พรรคอนาคตใหม่จะเจอการเตะตัดขาหนักขึ้น

การเลือกตั้งครั้งนี้สนุกครับ

…อะไรก็เกิดขึ้นได้