อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ปลดปล่อยความอ่อนล้า

รัก/หลง/เมือง (12)

“Falling slowly, eyes that know me

And I can”t go back

Moods that take me and erase me

And I”ll paint it black

You have suffered enough and warred with yourself

It”s time that you won

Take this sinking boat and point it home

We”ve still got time, raise your hopeful voice

You had the choice, you”ve made it now

Take this sinking boat and point it home

We”ve still got time, raise your hopeful voice

You had the choice, you”ve made it now

Falling slowly, sing your melody

I”ll sing it now

call and I”ll sing along”

“Falling Slowly” Sountrack ภาพยนตร์เรื่อง Once

 

เขาสั่งไฮบอลล์อีกแก้ว แต่ครานี้เขาเปลี่ยนโต๊ะนั่ง ขยับพื้นที่เข้าใกล้ชายคนรักของเธอ

เขาตัดสินใจแล้วว่า ถ้าหากชายคนรักของเธอเมามาย เขาจะเป็นผู้ดูแลชายคนนั้นเอง

เขาไม่อาจดูแลเธอได้ มีแต่ชายผู้นี้เท่านั้นที่จะดูแลเธอในเมืองเล็กๆ แห่งนี้

ดังนั้น เขาไม่อาจปล่อยให้ชายผู้นี้ล้มเหลวได้

เขาตัดสินใจจะดูแลชายผู้นี้เพียงเพื่อที่เขาจะได้ดูแลเธอ

ดูแลหญิงที่เขารัก

การปลดปล่อยตนเองเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งและโปร่งเบา เขารักเธอ แต่เขาไม่อาจแย่งชิงเธอมา

ดังนั้น สิ่งใดที่เธอมีความสุข เขาย่อมมีความสุขด้วย

นี่สินะความรัก

นี่สินะความรักที่แท้จริง ความปรารถนาให้คนที่ตนรักเป็นสุข

เขาจะรักเธอตลอดไป

เขาจะรักเธอแม้ว่าเธอจะอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น เขาจะคิดถึงเธอเสมอ รักเธอเสมอแม้นว่าอ้อมแขนของเขาจะเปล่าเปลี่ยวและเดียวดายเพียงใดก็ตามที

แก้วไฮบอลล์ของเขาตั้งอยู่บนโต๊ะ สงบนิ่ง น้ำแข็งในแก้วละลายลงอย่างช้าๆ ในขณะที่ชายคนรักของเธอเทเหล้าลงแก้ว แก้วแล้วแก้วเล่า เติมน้ำ เติมโซดา แก้วแล้วแก้วเล่า

ชายผู้นั้นดื่มเหล้าอย่างกระหาย จุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างกระหาย

เขาแลดูร้อนรน อ่อนล้า กระจัดกระจาย เขาแลดูแตกต่างจากชายคนเดิมที่นั่งสงบอยู่หน้าห้องฉุกเฉินในยามบ่าย

เขาแลดูเป็นบุคคลอีกบุคคลหนึ่งที่แตกต่างไปจากเดิม

มีบางสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอนในวันนี้ และเป็นสิ่งที่รุนแรงด้วย

มนุษย์เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงตนเองได้ถึงเพียงนี้หากปราศจากสิ่งที่มากระทบ และสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่กระทบชีวิตเราอย่างรุนแรง

เขาเอนหลังกับพนักเก้าอี้ จ้องมองดูท้องฟ้า ดวงดาว สลับกับภาพของชายคนรักของเธอ อากาศในเมืองเล็กๆ แห่งนี้เย็นสบายแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ตามที

เขานึกถึงเรื่องราวที่เขาเคยได้ยินมาเกี่ยวกับเมืองนี้ ทั้งจากเพื่อนฝูงชาวต่างชาติที่บอกว่าชื่อของเมืองแห่งนี้ชวนให้เขานึกถึงขนมพายและน่าจะมาจากการที่ครั้งหนึ่งเมืองนี้เคยมีร้านขนมพายอันโด่งดัง

ในขณะที่เพื่อนชาวไทยใหญ่เล่าให้ฟังว่าที่มาของชื่อมาจากการที่เมืองเคยเป็นที่ชุมนุมของพวกช้างพลายยามมีศึกสงคราม

เขาเชื่อในทุกเรื่องเล่าเกี่ยวกับมัน ไม่ว่ามันจะน่าขบขันหรือไร้สาระเพียงใด

ทุกเรื่องเล่าเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ทำให้เราเข้าใจผู้เล่ามากขึ้น

หาใช่เพื่อเข้าใจความจริง

เช่นเดียวกันทุกความรักทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น หาใช่เพื่อสมหวังในรักนั้นไม่

 

ชายคนรักของเธอส่งเสียงตะโกนขอน้ำและน้ำแข็ง

น้ำเสียงของเขาบอกอาการเมามาย เป็นไปตามคาด เขาดื่มเพื่อจะเมามาย

พนักงานประจำร้านนำสิ่งของที่เขาต้องการมาให้พร้อมกับแจ้งว่าอีกไม่นานนักร้านแห่งนี้จะปิดลงตามเวลา

เขายกข้อมือดูนาฬิกา เป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว อีกวันกำลังจะผ่านไป วันอันยาวนานกำลังจะผ่านไป

เขาจิบไฮบอลล์ในแก้ว มันจืดชืด ไร้รส มันปร่าแปร่ง ไร้ชีวิต เหมาะสมกันดีกับเขา เขานึกเยาะกับตนเอง โลกจัดสรรสิ่งที่เหมาะสมให้เราเสมอ

ในยามที่เราอ่อนแรงและอ่อนล้า สิ่งที่ถาโถมเข้าหาเรามีแต่จะทำให้เราอ่อนแรงและอ่อนล้ายิ่งขึ้น

โลกจัดสรรสิ่งที่เหมาะสมให้เราเสมอ ผู้แพ้ได้รับการทับถม ผู้ชนะได้รับการยกย่องและสรรเสริญ มันเป็นเช่นนั้น

มันเป็นเช่นนั้นเสมอมา

ชายคนรักของเธอเทเหล้าที่เหลือลงในแก้ว ก่อนที่จะปัดแก้วตกจากโต๊ะ เสียงแก้วกระทบพื้น เขาแสดงท่าทีงงงวยก่อนจะก้มลงเก็บแก้ว เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากมือเขา

พนักงานในร้านปรี่เข้ามาพร้อมกับผ้าสะอาด ชายคนรักของเธอหาได้รู้สึกตัว เขาลุกขึ้นยืนโงนเงน พนักงานในร้านนำเขาไปนั่งยังเก้าอี้โซฟา ก่อนจะทำแผลให้เขาในขณะที่ชายเจ้าของบาดแผลหลับสนิทหลังได้ที่นั่งอันอ่อนนุ่ม

ในหนึ่งวัน เขาได้เห็นเลือดถึงสองครั้ง

เลือดของเธอและเลือดของคนรักของเธอ

เสียงพูดดังไปทั่วว่าจะทำอย่างไรกับชายผู้นี้ดี คงต้องปล่อยให้หลับ แล้วจัดการค่าใช้จ่ายในวันรุ่งขึ้น ใครคนหนึ่งเอ่ย

เขาลุกจากโต๊ะ แจ้งกับพนักงานว่าเขาเป็นเพื่อนของชายผู้นี้ เขาจัดการค่าใช้จ่าย ค้นตัวชายคนรักของเธอ โชคดีที่เขาพบนามบัตรของที่พักในกระเป๋าเสื้อของชายผู้นั้น เขาเอ่ยถามทางไปสู่ที่พักจากพนักงาน ไม่ไกลนัก ข้ามสะพานเหล็กนอกเมือง คุณจะเห็นมัน โรงแรมเล็กๆ ริมน้ำในเมืองที่เงียบสงบ พนักงานกล่าว

เขาทวนคำนั้นกับตนเอง

โรงแรมเล็กๆ ริมน้ำในเมืองที่เงียบสงบและในคืนที่เงียบสงบ

 

เขาพาชายผู้นั้นออกจากร้าน ชายคนรักของเธอ บอกฝากรถจักรยานไว้กับพนักงาน ก่อนจะมองหามอเตอร์ไซค์รับจ้าง โชคเป็นของเขา หลงเหลือมอเตอร์ไซค์รับจ้างหนึ่งคันที่ด้านหน้าของลานจอดรถโดยสาร เขาแจ้งชื่อโรงแรม และกำลังจะบอกทิศทาง แต่ชายคนขับพยักหน้าเข้าใจ

เขาพยุงชายผู้นั้นขึ้นนั่งบนเบาะ ช่วงเวลาที่เขาจับมือของชายผู้นั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าฝ่ามือนี้เองที่หญิงสาวที่เขาหลงรักได้เกาะกุมมันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ฝ่ามือนี้เองที่สัมผัสฝ่ามือของหญิงสาวที่เขาหลงรักนับครั้งไม่ถ้วน

เขารู้สึกเจ็บแปลบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะทับถมตนเองเพิ่มขึ้นอีก เพียงแค่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็หนักหนามากพอแล้ว หนักหนามากพอแล้ว

รถมอเตอร์ไซค์นำพวกเขาออกนอกเมือง ข้ามสะพานเหล็กไปได้สักครู่ เขาก็แลเห็นโรงแรมดังกล่าว มันตั้งอยู่ในท้องทุ่งที่อวลไปด้วยไอหมอก มีกลิ่นหอมของดินยามค่ำคืนลอยมาเป็นระยะ

ดวงดาวยังคงส่งแสงริบหรี่หากแต่งดงามให้เขาได้สัมผัส

ชายคนรักของเธอฟุบหลับกับหลังของคนขับ ส่วนเขาคอยพยุงตัวเขาไม่ให้เป็นอันตราย

อีกไม่นาน วันใหม่จะมาถึง ชายผู้นี้คงตื่นขึ้นจำอะไรไม่ได้ แม้แต่เขา

ชายผู้นี้คงตื่นขึ้นและเพียงมีคำถามว่าเขากลับมาถึงที่พักได้อย่างไร แต่เขาคงลืมมันไปในไม่ช้า

เขาคงรีบเร่งไปยังโรงพยาบาล ไปที่ข้างเตียงของเธอ ใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของเธอแล้วพร่ำบอกว่าเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหน เขาจะอยู่เคียงข้างเธอแม้จนกว่าเธอจะหายดีเป็นปกติ

และหลังจากนั้นเขาจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป

 

เขาสลัดความคิดและจินตนาการที่ว่านั้นอีกครั้ง ทำไมหนอเขาจึงมีแต่จินตนาการที่ทำให้ตนเองเจ็บปวด ทำไมหนอเขาจึงมีแต่จินตนาการที่ทำให้ตนเองปวดร้าว

ทำไมหนอเขาจึงหาความสดใส เบิกบานไม่ได้เลย ความทุกข์ตรมจากความรักช่างทรงพลังเสียจริงๆ มันช่างดักล้อมเขาให้หม่นหมองไปเสียทุกทาง เขายืดตัวขึ้น ไม่มีประโยชน์ที่จะทำตนดังสิ่งของที่ตกหล่นลงในน้ำลึกและดิ่งลง ดิ่งลงอย่างช้าๆ โดยไม่สิ้นสุดเช่นนี้ เขาไม่อาจตกลง ดิ่งลงเช่นนี้ได้ตลอดกาล เขาต้องโผขึ้นเหนือน้ำ พยุงตน และหายใจอีกครั้ง เขาต้องหายใจอีกครั้งโดยเร็ว

รถมอเตอร์ไซค์จอดลงที่ทางเข้าโรงแรม เขาตรงไปยังพนักงานต้อนรับที่หาวยาวๆ ด้วยความง่วง ถามถึงห้องพักของชายผู้นั้น พนักงานต้อนรับมองหน้าชายผู้นั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลงมือค้นเอกสาร เขาหยิบสำเนาบัตรประชาชนออกมา เทียบเคียงใบหน้ากับชายผู้นั้นก่อนจะบอกเลขที่ห้องและทางไป

เขากลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์ บอกให้ชายคนขับรถพยุงชายผู้นั้นไปตามทางเดิน

โชคดีที่ประตูห้องไม่ได้ปิดสนิท เขาเปิดห้อง นำร่างของชายผู้นั้นพักผ่อนลงบนเตียง แต่แล้วแทนการกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ เขากลับเดินกลับไปที่พนักงานต้อนรับ ถามหาห้องว่างอีกห้อง โชคดีอีกครั้งที่มีห้องว่างเหลืออีกหนึ่ง เขาชำระค่าห้อง เดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ ชำระค่าโดยสาร แล้วตรงไปยังห้องพักตามคำกล่าวของพนักงานต้อนรับ

มันเป็นกระท่อมเล็กอีกหลังไม่ไกลจากกระท่อมของชายคนรักของเธอนัก เขาเปิดประตูห้อง เปิดไฟ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นร่างอันเปลือยเปล่า

ซุกตัวลงไปในผ้าห่ม แล้วปิดไฟในห้องเขา