พิศณุ นิลกลัด | เงินทองของบาดใจ

พิศณุ นิลกลัด

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องใหญ่โตเกี่ยวกับการให้ทิปแคดดี้ของแมตต์ คูชาร์ (Matt Kuchar) โปรกอล์ฟชาวอเมริกันวัย 40 ปี มืออันดับ 22 ของโลก (เคยดีที่สุดอันดับ 4 ของโลก) ซึ่งกลายเป็นเรื่องดังทั้งๆ ที่การแข่งขันจบไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่คนอเมริกันอ่อนไหวมากกับการให้ทิป งานบริการนิดหน่อยก็ต้องให้ทิป ไม่ว่าจะทิปคนขายกาแฟ หรือทิปคนขับแท็กซี่แม้จะขับระยะสั้นๆ 4-5 กิโล

ยิ่งงานบริการที่กินเวลานานอย่างพนักงานเสิร์ฟอาหาร การทิปน้อยถือเป็นเรื่องผิดมารยาทอย่างยิ่ง

ทิปที่ถือว่าน้อยของวัฒนธรรมคนอเมริกันยุคปัจจุบัน คือทิปพนักงานเสิร์ฟ 10% ซึ่งตามมาตรฐานคนไทยถือเป็นเรื่องปกติ

ตามมารยาทอเมริกัน หากไปกินอาหารที่ร้าน ควรทิปพนักงานเสิร์ฟ 20% ของราคาอาหารมื้อนั้น

แม้จะบริการแย่ ก็ต้องกัดฟันให้ทิป 15%

กรณีของแมตต์ คูชาร์ เขาได้เงินรางวัลในฐานะแชมป์ 40 ล้านบาท แต่ให้แคดดี้ 156,000 บาท คิดแล้วก็แค่ 0.39% ของรายได้ ทั้งๆ ที่คูชาร์ได้รับการชื่นชมเสมอว่าเป็นนักกอล์ฟนิสัยดี มีน้ำใจ

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องราวใหญ่โต

การทิปแคดดี้ 156,000 บาทแล้วโดนด่าของแมตต์ คูชาร์ มีเรื่องราวปลีกย่อยที่ซับซ้อน น่าสนใจไปกว่านั้น

โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ในการแข่งขันกอล์ฟรายการมายาโกบา คลาสสิค (Mayakoba Classic) ใกล้กับเมืองแคนคูน (Canc?n) เมืองรีสอร์ตดัง ชายฝั่งประเทศเม็กซิโก แมตต์ คูชาร์ ได้แชมป์พร้อมกับเงินรางวัล 1,296,000 ดอลลาร์ หรือ 40 ล้านบาท โดยเป็นแชมป์ PGA Tour รายการแรกของเขาในรอบ 4 ปี

แมตต์ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ในนาทีสุดท้าย ทำให้จอห์น วู้ด (John Wood) ซึ่งเป็นแคดดี้ประจำตัวของแมตต์มา 4 ปี ไม่สามารถเดินทางไปทำหน้าที่ให้เขาในรายการนี้ได้

แมตต์จึงต้องมองหาแคดดี้ท้องถิ่นมาทำหน้าที่แทนชั่วคราว และทำให้เขาได้ร่วมงานกับเดวิด กิรัล ออร์ทิซ (David Giral Ortiz) แคดดี้ชาวเม็กซิกันวัย 40 ปี ซึ่งทำงานประจำอยู่ที่สนามกอล์ฟเอล คามาลีออน (El Camale?n Golf Club) ซึ่งเป็นสนามแข่งขัน

โดยออร์ทิซมีรายได้มากสุดต่อวันประมาณ 200 ดอลลาร์

แมตต์และออร์ทิซตกลงกันล่วงหน้าว่า หากแมตต์เล่น 2 วันตกรอบ ไม่ได้เงินรางวัลเลยสักดอลลาร์ เขาจะจ่ายค่าทำงานให้ออร์ทิซ 1,000 ดอลลาร์ (31,000 บาท)

ถ้าเข้ารอบ และได้อันดับเกิน 20 ซึ่งได้เงินรางวัล เขาจะจ่ายให้ออร์ทิซ 2,000 ดอลลาร์

หากติดอันดับท็อป 20 แมตต์ก็จะจ่ายให้ออร์ทิซ 3,000 ดอลลาร์

และถ้าแมตต์จบอันดับท็อป 10 ออร์ทิซก็จะได้รับเป็น 4,000 ดอลลาร์

โดยไม่ได้คุยกันถึงเรื่องทิปกรณีถ้าเขาได้แชมป์ ซึ่งคงเป็นเพราะว่าไม่ได้คิดถึงขั้นจะได้แชมป์

แต่ผลปรากฏว่าแมตต์คว้าแชมป์รายการนี้ แล้วเขาก็จ่ายเงินให้ออร์ทิซไป 5,000 ดอลลาร์ (156,000 บาท) โดยให้ 4,000 ดอลลาร์ เป็นค่าทำงานตามที่ตกลง และจำนวน 1,000 ดอลลาร์คือทิปเพิ่มเติมจากการที่เขาได้แชมป์

ต่อมาก็มีข่าวมากมายในโซเชียลมีเดียว่าออร์ทิซไม่พอใจกับเงินทิปที่เขาได้รับ เพราะแมตต์ คูชาร์ ได้แชมป์และเงินรางวัล 1,296,000 ดอลลาร์ (40 ล้านบาท) ซึ่งตามกติกาของพีจีเอ ทัวร์ ถ้านักกอล์ฟได้แชมป์ แคดดี้ประจำตัวของเขาจะได้รับเงิน 10% ของรางวัล

ในกรณีของออร์ทิซคือ 129,000 ดอลลาร์ (4 ล้านบาท)

ซึ่งหลายคนมองว่าออร์ทิซไม่สมควรได้รับเงินเยอะขนาดนั้น

เพราะไม่ได้เป็นแคดดี้ประจำตัวที่เดินทางติดตามแมตต์ไปทุกที่แบบเต็มเวลาเหมือนแคดดี้ในทัวร์

ออร์ทิซได้คุยกับแมตต์เรื่องเงินทิปว่า เขาน่าจะได้รับเพิ่มเป็นโบนัสจากการได้แชมป์สัก 50,000 ดอลลาร์ (1,560,000 บาท)

แต่แมตต์ซึ่งยึดมั่นกับคำว่า “deal is a deal” ทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลง โดยตอนนั้นเขามองว่าสำหรับคนที่ทำเงินได้วันละ 200 ดอลลาร์ การได้ 5,000 ดอลลาร์ในหนึ่งสัปดาห์ถือว่าเป็นอะไรที่พิเศษแล้ว

ในตอนหลังแมตต์เสนอจ่ายทิปเพิ่มให้อีก 15,000 ดอลลาร์ (469,000 บาท) รวมเป็น 20,000 ดอลลาร์ (625,000 บาท)

แต่ออร์ทิซไม่รับ เพราะเห็นว่าเขามีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะได้รับ 50,000 ดอลลาร์ (1,560,000 บาท)

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้แมตต์โดนวิจารณ์อย่างหนักทางโซเชียลว่าเขาเป็นคนที่ไร้น้ำใจ เพราะตลอดการเล่นกอล์ฟอาชีพเขาทำเงินรางวัลรวมได้มากกว่า 47 ล้านดอลลาร์ (1,470 ล้านบาท) แต่กลับขี้เหนียวจ่ายทิปให้กับแคดดี้แค่ 5,000 ดอลลาร์ (156,000 บาท) จากการได้แชมป์

และที่แย่ไปกว่านั้น หลังจากแมตต์โดนวิจารณ์เขาก็ตอบคำถามผู้สื่อข่าวได้ไม่ดี ทำให้โดนด่าหนักเข้าไปอีก หลังจากแมตต์ตอบไปว่า

“It”s done. Listen, I feel like I was fair and good. So I certainly don”t lose sleep over this. This is something that I”m quite happy with, and I was really happy for him to have a great week and make a good sum of money. Making $5,000 is a great week.”

“เรื่องนี้จบไปแล้ว ฟังนะ ผมรู้สึกว่าผมยุติธรรมและใจดี ดังนั้น จึงไม่ได้ทำให้ผมกังวลจนนอนไม่หลับ นี่เป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างพอใจ และผมดีใจที่ออร์ทิซได้เงินเยอะในสัปดาห์นั้น การทำงานหนึ่งสัปดาห์ได้เงิน 5,000 ดอลลาร์ เป็นเรื่องที่เยี่ยมมาก”

แต่สุดท้ายแมตต์ก็ต้องออกมาเคลียร์ประเด็นทั้งหมด โดยเขาและมาร์ก สไตน์เบิร์ก ผู้จัดการส่วนตัวของแมตต์ ได้ตัดสินใจที่จะทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง ด้วยการติดต่อและตกลงกับออร์ทิซว่าจะจ่ายทิปเพิ่มให้ตามที่ออร์ทิซเรียกร้อง

รวมถึงจะบริจาคเงินรางวัลส่วนหนึ่งให้กับการแข่งขัน Mayakoba ไว้สำหรับใช้ในงานการกุศล

แมตต์ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมามีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นมากมายกับเขาทั้งในและนอกสนาม ปกติเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วยความคิดที่เรียบง่ายว่าจงปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นอย่างที่ตัวเองต้องการได้รับ และช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ก่อนที่เราจะกลายเป็นคนที่ต้องขอให้คนอื่นช่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายึดถือมาตลอด แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้เขาทำผิดพลาดจริง

แมตต์บอกว่า ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตามถ้าเรารู้จักทำความเข้าใจว่าคนอื่นๆ เขามาจากที่ใด เราจะเข้าใจตัวเขา จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขาลืมคิดไปในช่วงเวลานั้น

แมตต์ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เขาก็ได้ยินเสียงวิจารณ์ในแง่ลบต่างๆ จากแฟนกอล์ฟ และถูกกดดันจากสปอนเซอร์ของตัวเองหลังจากเกิดเหตุการณ์

แมตต์บอกว่า ตัวเขาเทิร์นโปรอยู่ในวงการกอล์ฟอาชีพมาตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งหลายคนน่าจะรู้จักตัวเขาดี เขาเป็นคนที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเสมอเพื่อแฟนๆ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟน

จอห์น วู้ด (John Wood) ซึ่งเป็นแคดดี้ประจำตัวของแมตต์มา 4 ปี ก็เขียนทวิตเตอร์ปกป้องแมตต์ว่า แมตต์เป็นคนใจกว้าง มีน้ำใจ ให้ความเคารพและชื่นชมการทำหน้าที่แคดดี้ของเขา

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เป็นแคดดี้ให้กับแมตต์มานาน 4 ปี