คุณผู้อ่านยังจำได้ไหมคะว่าสมัยเรายังเป็นนักเรียน คุณครูมักจะให้การบ้านคัดลายมือเพื่อให้เราคัดคำหรือประโยคเดิมซ้ำๆ หลายๆ บรรทัด เรียงลงมาเป็นหน้า

อันที่จริงไม่ต้องย้อนไปวัยเด็กก็ได้ ผู้ใหญ่คนไหนที่หัดเรียนภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะภาษาที่มีตัวเขียนเป็นของตัวเอง อย่างเช่นภาษาจีน ก็จะต้องใช้วิธีคัดลายมือซ้ำๆ เพื่อย้ำมันเข้าไปในสมอง จนกว่าเราจะจำตัวอักษรแต่ละตัวได้แม่นยำขึ้นใจ

ตอนยังเด็ก วิธีที่เราจะใช้เพื่อช่วยให้การคัดลายมือแบบนี้ผ่านพ้นไปได้เร็วขึ้น หรือหาวิธีใหม่ๆ เพื่อมาช่วยขจัดความเบื่อ หรืออาการสมองชา

ก็อย่างเช่น การจับดินสองสองแท่งมามัดเข้าด้วยกันให้เขียนครั้งเดียวได้สองตัว ใช้ไม้บรรทัดมาไล่หัวดินสอจะได้รู้สึกเหมือนกับกำลังเล่นเกมอะไรสักอย่าง

หรือเปลี่ยนจากเขียนแนวนอนซ้ายไปขวา ไปเป็นแนวตั้งบนลงล่าง

ทั้งหมดนี้ก็เพราะการต้องทำอะไรซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ มันเป็นเรื่องที่ยากเกินจะทน

 

กลับมาในยุคปัจจุบัน นักเรียนสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ลูกเล่นทั้งหมดที่ว่ามาเลยค่ะ เพราะทุกวันนี้ตัวช่วยล้ำสมัยไปเยอะมาก อย่างกรณีเด็กนักเรียนหญิงชาวจีนคนหนึ่งที่ถูกจับได้ว่าซื้อหุ่นยนต์คัดลายมือมาช่วยทำการบ้าน กลายเป็นข่าวใหญ่

จนคนทั่วโลกต้องมานั่งโต้เถียงกันว่านี่ถือเป็นการโกงอย่างหนึ่งหรือเปล่า

เรื่องมีอยู่ว่า เด็กวัยรุ่นจีนคนหนึ่งเกิดหัวใสพบช่องโหว่ว่าการบ้านวิชาภาษาจีนที่ครูสั่งให้คัดลอกเนื้อหาในหนังสือจนมือแทบจะหักนั้นเธอไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเองก็ได้นี่นา เธอก็เลยรวบรวมเงินอั่งเปาที่ได้จากเทศกาลตรุษจีนไปซื้อหุ่นยนต์คัดลายมือจากอินเตอร์เน็ต สนนราคารวมๆ แล้วก็ไปจบที่เกือบสี่พันบาท

แต่สิ่งที่ได้มานั้นคุ้มค่ากว่านัก เพราะหุ่นยนต์คัดลายมือช่วยให้เด็กผู้หญิงคนนี้ทำการบ้านเสร็จรวดเร็วภายในเวลาแค่สองวัน (ลองคิดดูว่าขนาดใช้หุ่นยนต์ช่วยคัดยังกินเวลาไปตั้งสองวัน ถ้าคัดเองจะขนาดไหน)

โชคร้ายตรงที่คุณแม่ของเธอเดินเข้าไปทำความสะอาดห้องแล้วก็ไปเจอหุ่นยนต์ตัวนี้เข้า เห็นหุ่นยนต์วางไว้เฉยๆ ก็อาจจะยังไม่เก๊ตทันทีว่าคืออะไร

แต่แพ็กเกจที่เขียนโฆษณาเอาไว้ตัวเบ้อเร่อก็ฟ้องว่านี่คือแก็ดเจ็ตที่ช่วย “ลอกเลียนแบบลายมือทุกประเภท”

คุณแม่ก็เลยควันออกหู ทุบทำลายหุ่นยนต์ทิ้งทันที

 

ก่อนจะไปถึงประเด็นคำถามที่น่าสนใจว่าการที่เด็กคนหนึ่งลุกขึ้นมาซื้อหุ่นยนต์มาช่วยทำการบ้านให้นั้นนับว่าเป็นความฉลาดเก่งกาจที่ต้องยกย่อง

หรือเป็นการโกงที่จะต้องถูกลงโทษกันแน่

เราไปดูกันก่อนดีกว่าค่ะว่าหุ่นยนต์ประเภทนี้คืออะไร

หุ่นยนต์คัดลายมือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซื้อได้จากหลายบริษัท ส่วนใหญ่ก็จะมาในรูปแบบกล่องสี่เหลี่ยมที่มีสิ่งที่คล้ายๆ แขนกลซึ่งเอาไว้ยึดจับปากกาได้ยื่นออกมาจากตัวเครื่อง

เมื่อเราวางกระดาษไว้ใต้ปากกาและสั่งให้เริ่มทำงาน มันก็จะค่อยๆ เคลื่อนปากกาและขีดเขียนข้อความตามคำสั่งให้ออกมามีลักษณะคล้ายกับลายมือมนุษย์มากที่สุด

ส่วนใหญ่แล้วหุ่นยนต์เหล่านี้จะตั้งค่ามาพร้อมกับลายมือให้เลือกใช้ได้เลย

หรือถ้าผู้ใช้งานต้องการได้ลายมือที่เหมือนลายมือของตัวเองมากที่สุด ก็สามารถเข้าไปใส่ข้อมูล เปลี่ยนลายมือตัวเองให้เป็นดิจิตอล แล้วก็ให้หุ่นยนต์นำมาเขียนลงไปบนกระดาษตามแบบ

ซึ่งเด็กหญิงจีนคนนี้ก็ใช้วิธีนี้แหละค่ะ

น่าเสียดายที่หุ่นยนต์ถูกคุณแม่ทำลายทิ้งเสียก่อน

มิเช่นนั้นเราก็อาจจะได้รู้ตอนจบของเรื่องนี้ว่าตกลงแล้วมันแนบเนียนพอที่จะหลอกคุณครูได้หรือไม่

และจริงๆ ถ้าจับไม่ได้ น้องคนนี้ก็น่าจะสบายไปอีกนานเลยค่ะ

เพราะบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์คัดลายมือบอกว่าหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถเขียนได้ติดต่อกันนานถึง 8 ชั่วโมง

แถมยังมีอายุใช้งานนาน 2-3 ปีด้วย

 

บริษัทที่คิดค้นพัฒนาและผลิตหุ่นยนต์คัดลายมือออกมานั้นส่วนใหญ่มีไว้เพื่อประโยชน์ทางด้านการอำนวยความสะดวกในกรณีที่เราต้องการส่งจดหมายหรือการ์ดในแบบที่ผู้รับเห็นแล้วรู้สึกดีว่าผู้เขียนใส่ใจลงมือนั่งเขียนด้วยตัวเอง

อย่างเช่น การ์ดแต่งงาน ซึ่งต้องร่อนกันเป็นร้อยๆ พันๆ ใบ ถ้าจะให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาวนั่งเขียนก็อาจจะหมดเวลาไปหลายวัน

ไปจนถึงประโยชน์ใช้สอยอย่างเช่นการเซ็นลายเซ็น ซึ่งอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็เคยใช้วิธีเดียวกันนี้ในการเซ็นชื่อแทนตัวเองมาแล้ว

พูดง่ายๆ ก็คือ สิ่งประดิษฐ์นี้มีไว้ใช้สำหรับคงความสำคัญและความสวยงามของการเขียนด้วยมือในกรณีที่มนุษย์ขี้เกียจและยุ่งเกินกว่าจะลงมือเขียนเองนั่นแหละค่ะ

กลับมาที่ประเด็นว่า แล้วการที่นักเรียนสักคนจะใช้หุ่นยนต์มาช่วยทำการบ้านนั้นเป็นเรื่องที่ควรยกย่องหรือตำหนิ

 

เรื่องนี้คนบนอินเตอร์เน็ตก็แบ่งความคิดเห็นออกเป็นสองเสียงใหญ่ๆ

เสียงหนึ่งก็บอกว่า เธอทำไม่ถูกต้อง การบ้านเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น จะไปใช้ตัวช่วยอื่นมาทำแทนได้ยังไง ในขณะที่อีกเสียงหนึ่งก็แย้งกลับว่า แหม อย่าเยอะได้ไหม เรื่องนี้ควรต้องชมเชยสิ เด็กออกจะเก่งที่รู้จักใช้เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยแบบนี้

อย่างไรก็ตาม การเรียนวิชาอ่านเขียนเป็นภาษาจีนนั้น กระบวนการที่กระทำกันมาโดยตลอดก็คือนักเรียนจะต้องทำความรู้จักและจดจำตัวอักษรหลายพันตัว ซึ่งวิธีที่จะทำให้จำตัวอักษรทั้งหมดได้ก็คือต้องหัดคัดหันเขียนซ้ำๆ จนกว่าจะสามารถหลับตาเห็นตัวอักษรเหล่านั้นได้ วิธีเรียนแบบท่องจำนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนภาษาจีนเท่านั้น แต่ยังขยายออกไปอยู่ในทุกหมวดหมู่วิชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรการเรียนการสอนในประเทศจีน หรือแม้กระทั่งในบ้านเราเองก็ตาม

คุณแม่ชาวจีนคนนี้นำประสบการณ์ของเธอไปโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียเวยโป๋เพื่อบ่นลูกตัวเองว่า หุ่นยนต์ตัวนี้อาจจะช่วยลูกทำการบ้านได้ก็จริง

แต่ถามหน่อยเถอะว่า แล้วตอนสอบจะช่วยได้ด้วยหรือเปล่า

 

เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็คงจะยังได้เห็นเรื่องราวแบบนี้กันอีกเยอะ

ทุกวันนี้เด็กมีตัวช่วยในการทำการบ้านมากมาย พื้นฐานที่สุดก็อย่างเช่น การเสิร์ชกูเกิลหาคำตอบ

การใช้แอพพลิเคชั่นช่วยแก้สมการคณิตศาสตร์

ไปจนถึงการใช้ผู้ช่วยส่วนตัวสั่งการด้วยเสียงให้เป็นคนหาคำตอบให้

ฝ่ายที่จะต้องเหนื่อยหน่อยและต้องปรับตัวตามก็คือฝ่ายสถาบันการเรียนการสอน ที่จะต้องพลิกรูปแบบการให้การบ้านจากเดิมที่เป็นคำถามเพื่อให้ตอบข้อเท็จจริง

กลายเป็นการฝึกให้นักเรียนรู้จักให้ไอเดีย แสดงความเห็น คิด วิเคราะห์ และนำไปสู่ข้อสรุปของตัวเองให้ได้มากที่สุด

เพราะนี่จะเป็นการช่วยเตรียมทักษะของนักเรียนให้พร้อมสำหรับในวันที่ปัญญาประดิษฐ์สามารถทำงานพื้นฐานง่ายๆ แทนมนุษย์ได้

หรืออย่างในกรณีการเรียนคัดอักษรจีน หากการคัดลอกคำซ้ำๆ เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อให้นักเรียนรู้จักและจำได้ ครูอาจจะต้องอธิบายให้นักเรียนเข้าใจไปพร้อมๆ กันว่าความสำคัญของการคัดลายมือคืออะไร

และเพราะอะไรนักเรียนจึงจำเป็นจะต้องลงมือเขียนด้วยตัวเองเท่านั้น

มิเช่นนั้นเด็กสมัยใหม่ก็อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาทำในสิ่งที่ดูไร้ความหมายอย่างการคัดลอกคำเดิมซ้ำๆ อยู่นั่นแหละ

ในเมื่อเราอยู่ในยุคที่หุ่นยนต์ก็ทำแทนได้แล้ว