จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ระดับโลก “Honda LPGA Thailand 2019” ซึ่งทางบริษัท “ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด” เป็นผู้จัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรี จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2006 รวม 13 ปีแล้ว

ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Dream Big” หรือ “สานฝันอันยิ่งใหญ่” เพื่อเปิดเวทีสร้างแรงบันดาลใจและความรักของกีฬากอล์ฟให้กับนักกอล์ฟ รวมถึงเยาวชนที่สนใจในเกมกอล์ฟ รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟ โดยเฉพาะเยาวชนได้พัฒนาและฝึกฝนฝีมือในการก้าวตามความฝันสู่การเป็นนักกอล์ฟอาชีพ ยกระดับกีฬากอล์ฟในประเทศไทย สู่เวิลด์คลาส

เพราะฮอนด้าเชื่อเสมอว่า คนเราถ้ามีความฝัน และมีความตั้งใจ ความฝันก็สามารถเป็นจริงได้ ตามสโลแกน “The Power of Dreams” หรือ “พลังแห่งความฝัน”

“ฮอนด้า แอลพีจีเอ 2019” มีนักกอล์ฟหญิงแอลพีจีเอ 60 คน นักกอล์ฟดาวรุ่งรับเชิญอีก 10 คนมาร่วมประชันวงสะวิง โดยไม่มีการตัดตัว

ใช้สนามกอล์ฟ “สยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์ คอร์ส” จังหวัดชลบุรี เป็นสนามแข่งขัน ชิงเงินรางวัล 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 53 ล้านบาท พร้อมรางวัลพิเศษให้กับนักกอล์ฟที่ทำโฮล อิน วัน ในหลุม 16 รับฮอนด้า ซีวิค เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มูลค่า 1.2 ล้านกว่าบาท มีการถ่ายทอดสดไปทั่วทุกมุมโลก ระหว่างวันที่ 21-24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผลการดวลวงสะวิงจบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แชมป์แอลพีจีเอ ประจำปี 2019 ตกเป็นของ “เอมี่ ยัง” มือ 29 โลก โปรสาวชาวเกาหลี สร้างประวัติศาสตร์ ถูกโฉลกกับสนามแห่งนี้ คว้าแชมป์เป็นครั้งที่ 3 เลขคี่ คือปี 2015, 2017 และ 2019 ตามลำดับ ด้วยสกอร์ 22 อันเดอร์พาร์ รับเงินรางวัลราว 7.6 ล้านบาท

ขณะที่ “โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล” มือหนึ่งโลก ขวัญใจชาวไทย เข้าป้ายรั้งที่ 14 ร่วม และพี่สาว “โมรียา จุฑานุกาล” มือ 18 โลก ทำสกอร์ดีที่สุดสำหรับโปรไทย 11 อันเดอร์พาร์ จบอันดับที่ 10 ร่วม

นอกจากการแข่งขันแล้ว “ฮอนด้า” ยังร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมชื่อ “โรด ทู ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์” ขึ้นเป็นครั้งแรก เป็นการคัดเลือกนักกอล์ฟสาวไทย 1 คน ที่จะได้รับสิทธิร่วมการแข่งร่วมทัวร์นาเมนต์ โดยเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟหญิงของไทยทั้งระดับมืออาชีพและสมัครเล่นได้ร่วมประลองฝีมือ เพื่อไต่เพดานสู่ระดับโลก

และยังได้จัดงานสัมมนา “ยัง แอมบาสซาเดอร์” ซึ่งเป็นกิจกรรมให้ความรู้ด้านการจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนทั่วไปที่สนใจ พร้อมมอบโอกาสในการฝึกงานในต่างประเทศ

เหนือสิ่งอื่นใดคือการเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดสดให้คนดูทั่วโลก หรือนักกอล์ฟจำนวนมากเดินทางมาชมการแข่งขันถึงขอบสนาม แต่ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ” มีส่วนช่วยสร้างรายได้ทางอ้อมกับประเทศ เพราะนักกอล์ฟเดินทางเข้ามาเล่นกีฬากอล์ฟในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ตัวเลขพุ่งขึ้นถึงปีละ 400,000 คน นำรายได้เข้าประเทศปีละ 5-6 พันล้านบาท

หรือแม้กระทั่งก่อนจะถึงวันแข่งขันกอล์ฟหญิงจะระเบิดขึ้น “เจ้าภาพ” เชิญ 6 โปรกอล์ฟสาว อันประกอบไปด้วย “พอลลา ครีมเมอร์” จากสหรัฐ “ซุนอินจี” จากเกาหลีใต้ “ซุสุกะ ยามางุชิ” จากญี่ปุ่น “มุนีฮี” จากประเทศจีน “จอเจีย ฮอลล์” ร่วมกับ “ปัณณรัตน์ ธนพลบุญรัศมิ์” จากประเทศไทย สวมชุดผ้าไหมไทยในกิจกรรม Photo Call

เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไหมไทย เอกลักษณ์ของประเทศ หนึ่งในภูมิปัญญาของไทยที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน

 

พูดถึงความสำเร็จของ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ” แล้ว นอกจากจะชื่นชมฮอนด้าที่ทุ่มทุนมหาศาล สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอย่างมากและต่อเนื่องมายาวนานแล้ว อีกคนที่อดที่จะยกย่องไม่ได้คือ “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” ที่เป็นแม่งานคนสำคัญแอลพีจีเอมาตลอด นอกจากจะเป็นเสาหลักในการจัดการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมายาวแล้ว

“พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” ถือว่าเป็นหนึ่งในความน่าภาคภูมิใจ เพราะเขาเป็นผู้บริหารสายงานที่เป็นคนไทย เติบโตในองค์กรทีละก้าว จากเดิมในตำแหน่งผู้จัดการส่วนงานรับรองและข้อกำหนดผลิตภัณฑ์ ใน “บริษัทเอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์” สะสมประสบการณ์อยู่นานถึง 15-16 ปี

จากนั้นจึงขยับมาเป็นกรรมการบริหาร “บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด” เมื่อปี 2550 กระทั่งเมื่อปี 2557 ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ “ฮอนด้า มอเตอร์ประเทศญี่ปุ่น” แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด” ดูแลครอบคลุมในส่วนการผลิต งานขาย และการตลาด

นับเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้าแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงตำแหน่งนี้ “ที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น” และนับเป็น “คนไทยคนแรก” ในประวัติศาสตร์บริษัทฮอนด้าที่ได้รับความไว้วางใจขึ้นดำรงตำแหน่งระดับสูงนี้

ฮอนด้าเชื่อมั่นว่าการผลักดันพิทักษ์จะช่วยเสริมสร้างและพัฒนาการดำเนินธุรกิจของฮอนด้าในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะศักยภาพที่ปรากฏออกมามีมากมาย