ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 22 - 28 กุมภาพันธ์ 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
ผู้รู้ท่านว่า วิถีระบบสุริยะนั้นโคจรเป็นวงรีเหมือนรูปไข่ คือตั้งไข่ เอาด้านรีลง สุริยะทั้งระบบจะเคลื่อนจากด้านบนลงล่าง ซ้ายวนขวา เมื่อเคลื่อนลงสุดปลายเรียวแล้วก็จะเคลื่อนขึ้นสู่ด้านมนป้านข้างบน
ว่ากว่าจะครบรอบ ใช้เวลาเป็นล้านล้านปี
และว่า ปัจจุบันระบบสุริยะทั้งระบบกำลังเคลื่อนคล้อยลงสู่ด้านเรียว ซึ่งยังไม่ถึงปลายสุด อาจต้องรออีกสักล้านปีโน่น
ระบบสุริยะทั้งระบบนะ คือระบบที่โลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์บริวารดวงหนึ่งในเก้าดวงประกอบด้วยดวงจันทร์อันมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง ทั้งหมู่นี่แหละที่กำลังเคลื่อนไปพร้อมกัน ตามวิถีคล้อยลง
เพราะฉะนั้น บรรดาสรรพวิกฤตทั้งหลายที่ทั้งโลกกำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นไปได้ว่าเป็นผลจากวิถีโคจรของระบบสุริยะนี่เอง
แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด โดยเฉพาะลูกล่าสุดชื่ออนักครากาตั้ว ที่อินโดนีเซีย ลมวนขั้วโลกเป็นผลให้หิมะถล่มเมืองชิคาโกที่อเมริกา
จนถึงฝุ่นพิษในไทยที่ชื่อ PM 2.5 นี้
อาจมีวิบัติภัยอื่นตามมาอีกเป็นระลอกๆ ทั้งในโลกเราและระบบสุริยะทั้งระบบนี่แหละ
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ละกัน
วิบัติแห่งวิกฤตนี้เหมือนจะถี่ขึ้นไม่รอถึงล้านปีแล้ว
ตระหนักกันหรือยังล่ะ เจ้ามนุษย์มดตะนอยตัวน้อยนิดกะจิดกะจี้รี่
เหมือนจะตระหนักกันไม่พอ ด้วยมนุษย์ก็ยังก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งแก่โลกและต่อมนุษย์ด้วยกันเอง ถี่ขึ้นกระชั้นขึ้นเช่นกัน
ที่ญี่ปุ่นนั้นดูจะมีประสบการณ์มากกว่าใคร เพื่อนญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า ที่เมืองคิตะคิวชูซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมนั้น ครั้งก่อนสงครามโลก หมอกควันจากปล่องโรงงานปิดฟ้าคลุมเมือง และว่า เครื่องบินที่ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สองหลังจากลูกแรกที่เมืองฮิโรชิมา แล้วจะมาลงที่เมืองนี้ แต่เดชะบุญที่นี่ฟ้ามืดด้วยหมอกควันคลุมหมดไม่เห็นเมือง เครื่องบินจึงไปทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สองที่เมืองนางาซากิแทน
อย่างนี้จะเรียกว่าฟ้าโปรดได้ไหม
คือหมอกควันที่ปิดฟ้ากลายเป็นส่งผลดีแก่เมืองนี้
ครั้นสิ้นสงคราม ชาวเมืองเริ่มจะทนไม่ไหว ถึงจะปลอดภัยจากปรมาณูลูกนั้น แต่เมืองนี้ต้องเผชิญกับหมอกควันอันไม่ปลอดภัยเช่นกัน
ตรงนี้ต้องยกย่องจิตใจของชาวเมือง โดยเฉพาะสตรีแม่บ้านแห่งเมืองคิตะคิวชู ร่วมใจกันเดินขบวนทั้งเมืองและชูคำขวัญตะโกนก้องเมือง ด้วยประโยคเด็ดว่า
“เอาท้องฟ้าของเราคืนมา”
เอาท้องฟ้าของเราคืนมา นี่แหละคือประโยคที่ชาวกรุงเทพฯ และทุกที่ที่กำลังเผชิญภัยจากฝุ่นพิษควันภัยจะต้องร่วมกันตะโกนให้ก้องฟ้าก้องแผ่นดินวันนี้
วันนี้ฟ้าเมืองคิตะคิวชูเป็นฟ้าใสเจิดแจ่มแม้จะมีปล่องควันโรงงานเท่าเดิม ด้วยเขากรองอากาศทุกโรงงาน ทุกปล่องควัน
สำคัญยิ่งคือ นักอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเริ่มรณรงค์ต่อต้านการสร้างโรงงานเพิ่มในญี่ปุ่น เป็นผลให้ญี่ปุ่นเริ่มมีนโยบายย้ายโรงงานไปประเทศอื่น ซึ่งก็มีหลายประเทศที่พลอยชื่นชมยินดีกับตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศตน ถือเป็นความเจริญก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจด้วยซ้ำไป
เพื่อนญี่ปุ่นนักอนุรักษ์ก้าวหน้าเล่าว่า เขาตั้งกลุ่มต่อต้านนโยบายย้ายโรงงานไปประเทศอื่นด้วยการร่วมขบวนรณรงค์ต่อต้านกับนักอนุรักษ์ก้าวหน้าในประเทศนั้นๆ โดยให้ข้อมูลถึงพิษภัยทั้งหลายที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นเอง
นี่คือความขัดแย้งระหว่างนโยบายเศรษฐกิจกับมลพิษสิ่งแวดล้อมอันมีอยู่ทั่วโลก
ไทยเราก็กำลังเผชิญอยู่กับสภาวะนี้
แม้เหมือนจะไม่เข้มข้น แต่ดูจะเข้มงวดเข้าทุกทีเหมือนกัน
ฝุ่นพิษจากไหน
ควันภัยจากไหน
ก็จากน้ำมือของมนุษย์ตัวน้อยเยี่ยงมดตะนอยกระจ้อยร่อยกระจิริดจิ๊ดจี้นี่แหละ
โดยสภาพภูมิประเทศ ประเทศไทยเรานอกจากไม่แพ้ประเทศใดในโลกแล้ว ยังเหมือนจะดีเหนือกว่าหลายประเทศในโลกด้วยซ้ำ
อาจารย์เสน่ห์ จามริก ท่านเคยกล่าวว่า ประเทศที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ดีที่สุดในโลกนั้น มีอยู่ประมาณเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่โลกทั้งหมด สำคัญคือ พื้นที่เจ็ดเปอร์เซ็นต์นี้เองสามารถผลิตทรัพยากรได้ถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของทรัพยากรที่ผลิตได้ในโลก
พื้นที่ดังว่านี้อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรรอบโลก ซึ่งมีประเทศไทยเราเป็นหนึ่งอยู่ในนี้ด้วย
ก็ดูเถิดที่ตั้งของประเทศไทยเรานั้นพิเศษปานใด ด้านตะวันออก เรามีประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา และเวียดนามเป็นดั่งปราการต้านลมมรสุมตะวันออก โดยเฉพาะเวียดนามมีชายฝั่งทะเลยาวราวสองพันกิโลเมตรเป็นด่านฟ้า-ด่านลมให้เราไปโดยปริยาย
ด้านเหนือ เรามีแผ่นดินจีนเป็นด่าน ด้านตะวันตก เรามีเมียนมาจรดอินเดียเป็นด่าน ด้านใต้ เรามีหมู่เกาะคือประเทศทั้งหลาย ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นดั่งปราการกำบัง
ภูมิลักษณะเช่นประเทศเรานี่แหละที่ทั่วโลกเขากำลังจ้องตาเป็นมันอยู่
อาเซียนก็อาเซียนเถิด ไม่มีใครเปิดอ้าซ่าตั้งโต๊ะให้เข้ามารุมกินโต๊ะจีนเหมือนพี่ไทยเรานี้อีกแล้ว
ในภาวะเยี่ยงนี้ ท้าทายวิธีคิด คือจะเอาเงินเป็นหลักหรือจะเอาความอยู่ดีมีสุขของคนเป็นหลัก ถ้าเอาเงินเป็นหลักก็แก้กันที่ปลายเหตุต่อไป คือใส่หน้ากากให้เมือง ใส่หน้ากากเข้าหากัน
แต่ถ้าเอาความอยู่ดีมีสุขของคนเป็นหลักก็ต้องรวมตัวกันตะโกนกู่ก้อง
“เอาท้องฟ้าของเราคืนมา”