“เปรม”Never Dies ประธานองคมนตรี 2รัชกาล กับทีมองคมนตรีทหาร รวมมิตร “สี่เสาฯ-วงศ์เทวัญ-บูรพาพยัคฆ์”

การที่ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นประธานองคมตรี ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ดูจะเป็นเรื่องเกินคาด ของบางฝ่าย

เพราะเคยเชื่อกันว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว พล.อ.เปรม ก็จะกลับไปอยู่ในบ้านสี่เสาเทเวศร์แบบเงียบๆ โดยมีตำแหน่งรัฐบุรุษติดตัว แล้วก็ค่อยๆ ลดบทบาทลงไป หลังเปลี่ยนรัชกาล

ด้วยเพราะเชื่อตามกระแสข่าวลือต่างๆ นานาที่มีมายาวนานก่อนหน้านี้…

ประกอบกับการที่ พล.อ.เปรม ลดบทบาทตัวเอง ตั้งแต่ตอนเป็นผู้สำเร็จราชการฯ ในการไม่ลงนามในเรื่องใดๆ ถ้าไม่จำเป็น และการเก็บตัว ไม่ค่อยออกงาน แต่จะไปร่วมรับเสด็จในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ในช่วงครบรอบสำคัญๆ เท่านั้น

จึงทำให้เกิดข่าวลือตามมาอีกมากมาย…

แต่สำหรับบรรดานายทหารลูกป๋า และคณะองคมนตรี นั้น ได้รับสัญญาณดีๆ มาก่อนหน้านี้แล้วระยะหนึ่งว่า พล.อ.เปรม จะทำหน้าที่ประธานองคมนตรีต่อไป

โดยขั้นตอนแล้ว พล.อ.เปรม ต้องทำหนังสือกราบบังคมทูลลาออก เพื่อให้ทรงสามารถแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมได้ตามพระราชอัธยาศัย และเป็นไปตามกฎหมาย

อีกทั้งเพื่อทำให้สถานภาพของการเป็นประธานองคมนตรี ในรัชกาลที่ 9 สิ้นสุดลง เพราะเมื่อ พล.อ.เปรม พ้นหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ เมื่อ 1 ธันวาคม 2559 ก็จะกลับมาเป็นประธานองคมนตรีตามเดิม โดยอัตโนมัติ โดยที่คณะองคมนตรี ไม่ต้องมีมติใดๆ

เนื่องจากเดิมคณะองคมนตรี แค่มีมติให้ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ปฏิบัติหน้าที่ประธานองคมนตรี เท่านั้น เมื่อ พล.อ.เปรม ไปทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในช่วงที่ยังไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่

เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้ พล.อ.เปรม กลับมาเป็นประธานองคมนตรีตามเดิมนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า ในพระราชโองการ ของรัชกาลที่ 10 ในการแต่งตั้ง พล.อ.เปรม เป็นประธานองคมนตรี นั้นได้ระบุว่า พล.อ.เปรม ได้กราบบังคมทูลลาออก

นั่นจึงทำให้ พล.อ.เปรม ได้กลายเป็นประธานองคมนตรี 2 แผ่นดิน ได้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยทั้งจากรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10

ยิ่งทำให้บารมีของ พล.อ.เปรม กลับมาเบ่งบานอีกครั้ง…รวมทั้งขั้วอำนาจของบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย

โดย พล.อ.เปรม นอกจากจะเป็นประธานองคมนตรี 2 รัชกาลแล้ว ยังเป็นคนแรกที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ ต่อรัชกาลที่ 10 เพื่อเข้ารับหน้าที่

การที่ พล.อ.เปรม ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นประธานองคมนตรี ในรัชกาลที่ 10 ส่งผลให้บรรยากาศทางการเมืองผ่อนคลายลงทันที

75

แม้ว่ามีหลากหลายเหตุผลที่ต้องเป็น พล.อ.เปรม ก็ตาม…

ทว่า ก็เป็นการสะท้อนความไม่ธรรมดา และความเป็นอมตะของ พล.อ.เปรม

หลังมีโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.เปรม เป็นประธานองคมนตรี เมื่อ 2 ธันวาคม 2559 และเข้าถวายสัตย์ฯ เมื่อ 4 ธันวาคม แล้ว ต่อมา 6 ธันวาคม 2559 ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะองคมนตรีใหม่อีก 10 ท่าน

หลังจากที่ พล.อ.เปรม และองคมนตรีทั้งคณะ ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลลาออก ไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้ทรงพิจารณาแต่งตั้งคณะองคมนตรีใหม่ ตามพระราชอัธยาศัย

แต่ที่สุด พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งคณะองคมนตรีชุดเดิม 7 ท่าน ในสมัยรัชกาลที่ 9 ให้มาทำหน้าที่องคมนตรีอีกครั้ง ในรัชสมัยรัชกาลที่ 10 ทั้ง บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ บิ๊กต๋อย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก

และ นายเกษม วัฒนชัย นายพลากร สุวรรณรัฐ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ นายศุภชัย ภู่งาม

แต่ที่สำคัญคือ การแต่งตั้ง 3 องคมนตรีใหม่ ที่เป็นนายทหารยศ พลเอก คนดัง โดย 2 คน เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม

เป็นที่รู้กันดีว่า ทั้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ นั้นเป็นเสมือนมือซ้ายและมือขวา หรือแม้แต่เป็นมันสมองของ พล.อ.ประยุทธ์ เลยทีเดียว

มีรายงานว่า มีการรับทราบพระราชประสงค์ ในการแต่งตั้งองคมนตรี และทุกอย่างเรียบร้อย ตั้งแต่ 2 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา จึงทำให้ทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รู้ตัวล่วงหน้าก่อน มีการเตรียมเก็บของ ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ก่อนที่จะมีโปรดเกล้าฯ ออกมา

พล.อ.ดาว์พงษ์ ถือเป็นเพื่อนรักเตรียมทหาร 12 และเป็นเพื่อนคู่คิดของ พล.อ.ประยุทธ์ มายาวนาน แม้สมัยเรียนจะไม่ได้อยู่ก๊วนเดียวกัน แต่ทว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ากรุงมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนถึงห้าเสือ ทบ. ก็ทำงานกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ มาตลอด ผ่านวิกฤตต่างๆ ทางการเมืองมาด้วยกัน จนถึงการรัฐประหาร

จนมาตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ และที่ปรึกษาส่วนตัว และเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟของนายกฯ

เช่นเดียวกับ พล.อ.ไพบูลย์ ก็เป็นน้องรัก ตท.15 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในสายวงศ์เทวัญ ที่มีบทบาทสำคัญในการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา จนได้รับหน้าที่สำคัญเป็นหัวหน้าฝ่าย กม. ของ คสช. และเป็น รมว.ยุติธรรม แบบเหนียวแน่น

แน่นอนว่า การที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยเช่นนี้ ย่อมส่งผลดีต่อภาพพจน์ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แม้อาจจะดูว่าจะทำให้ ครม.บิ๊กตู่ ขาดรัฐมนตรีคีย์แมนคนสำคัญไปก็ตาม

โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ขาดเพื่อนคู่คิดและน้องรักไปก็ตามที…

แต่ทั้งคู่ก็ไปรับหน้าที่สำคัญ และยังต้องมีบทบาทในการถวายงานรัชกาลที่ 10 และการช่วยชาติบ้านเมือง ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ทั้งด้านการเมือง และการปฏิรูปในทุกๆ ด้าน และการสร้างความปรองดอง

ที่สำคัญคือ จะเป็นบุคคลที่ประสานงานใกล้ชิดระหว่างสถาบันกับรัฐบาลและ คสช. อีกด้วย

แต่งานหินสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ คือ การหาคนที่จะมาทำหน้าที่แทน พล.อ.ไพบูลย์ เพราะแม้จะมีพลเรือนเก่งๆ ด้านกฎหมาย แต่ก็ขาดมิติด้านความมั่นคง แต่ พล.อ.ไพบูลย์ นั้น ถึงพร้อมทั้งความรู้ด้านกฎหมายและความมั่นคง จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เล็งให้ นายวิษณุ เครืองาม รักษาการหรือควบ รมว.ยุติธรรม ไปด้วยเลย

นอกจากความสามารถและบทบาทในฐานะคีย์แมนในรัฐบาลแล้ว เชื่อกันว่า เหตุผลหนึ่งที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ก็เพราะทั้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ เป็นนายทหารรักษาพระองค์ และนายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่ถวายงานใกล้ชิดมาตลอดทั้งคู่ เป็น อดีต ผบ.พล.1 รอ. ที่ผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและนำสวนสนาม มาหลายครั้ง

ที่สำคัญยิ่งคือ การเป็นแกนนำของ “ราบ 11 คอนเน็กชั่น” และสายวงศ์เทวัญ ที่มี บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นน้องรัก ที่เติบโตใน ร.11 รอ. มาด้วยกัน

และเป็นที่รู้กันดีว่า พล.ท.อภิรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 1 แกนนำสายวงศ์เทวัญ นั้นเป็นนายทหารรักษาพระองค์ ที่ถวายงานใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย และถูกคาดหมายว่า จะเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคต

ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ ซึ่งดูแลเรื่องกฎหมาย และคดีความ กระบวนการยุติธรรมของ คสช. และรัฐบาล นั้น ก็มีรายงานว่า ได้เดินทางไปที่เยอรมนีและยุโรปมาถึง 2 ครั้ง

อีกทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ ก็เป็นเพื่อน ตท.15 ร่วมรุ่น บิ๊กเต้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต รองราชเลขาธิการฯ ในพระองค์ อีกด้วย

ดังนั้น การได้รับมอบหมายหน้าที่อันแสนสำคัญยิ่งของ พล.อ.ไพบูลย์ ที่เป็น อดีต ผบ.ร.1 รอ. หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ อีกด้วย ในวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องเกินคาด

29

แต่บุคคลที่ใครๆ อาจจะคาดไม่ถึง ก็คือ บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. ที่เป็น 1 ใน 3 องคมนตรีใหม่ เพราะ ครม. เพิ่งมีมติแต่งตั้งให้เขาเป็นประธานบอร์ดการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมานี่เอง

เพราะคาดกันว่า เขาคงไม่ได้เข้าร่วมคณะรัฐมนตรี ในการปรับ ครม. ที่จะมีขึ้นแน่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่อาจหาตำแหน่งให้ลงได้ อีกทั้งมี บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่มีความขัดแย้งระดับตำนานสะท้านกองทัพบก อยู่ใน ครม. ด้วย

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร เองก็ยืนยันที่จะไม่ปรับ ครม. ในส่วนความมั่นคง และกลาโหม ก็ทำให้ พล.อ.อุดมเดช ยังคงทำหน้าที่ รมช.กลาโหมต่อ แถมเพิ่มเติมงานหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ หรือ ครม.ส่วนหน้าอีกด้วย

แต่ที่สุดแล้ว ก็เป็นความปลาบปลื้ม ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่เป็นมงคลแห่งชีวิต ส่งท้ายชีวิตรับราชการทหาร ที่เพิ่งเกษียณราชการมาได้แค่กว่า 2 เดือนเท่านั้น โดยไม่ต้องไปรอลุ้นจะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่อีกต่อไปแล้ว

แต่ด้วยเหตุผลที่ พล.อ.ธีรชัย เป็นนายทหารรักษาพระองค์ ที่เคยเป็น ผบ.หน่วยคุมกำลัง และเป็นถึงแม่ทัพภาคที่ 1

รวมทั้งการที่ พล.อ.ธีรชัย ก็เป็นนายทหารที่เติบโตมาจากราชสกุล ดิศกุล โดยที่มารดา คือ ม.ร.ว.พิศวาส ดิศกุล

ที่สำคัญคือเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ในสายบูรพาพยัคฆ์

เรียกได้ว่า ในคณะองคมนตรีชุดใหม่นี้มีนายทหารจากทุกขั้วสาย มาร่วมกันทำงานเพื่อรัชกาลที่ 10 และเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็น สายบ้านสี่เสาฯ ที่นำโดย พล.อ.เปรม และ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่เป็นนายทหารรบพิเศษลูกป๋า

และนายทหารสายวงศ์เทวัญ อย่าง พล.อ.ดาว์พงษ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ แต่ก็มีบูรพาพยัคฆ์ อย่าง พล.อ.ธีรชัย อยู่ด้วย

ที่สำคัญคือ มีทั้งสายบู๊และสายบุ๋น…

แม้ว่าก่อนหน้านี้ จะมีชื่อของหลายคนที่เข้าข่าย ทั้ง บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.อุดมเดช รมช.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ นายภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ อดีต ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ก็ตาม หรือแม้แต่ชื่อของ พล.อ.ประวิตร

แต่ในที่สุด รายชื่อองคมนตรีก็ปรากฏออกมา โดยมี พล.อ.เปรม เป็นผู้ลงนามรับสนองพระราชโองการ ในฐานะประธานองคมนตรี

ท่ามกลางเสียงชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์…

ทรงพระเจริญ…