ฐากูร บุนปาน : “อเมซอน โก”

ข้อดีของการมีมิตรสหายที่ดี ไม่ว่าในโลกจริงหรือโลกเสมือนก็คือ

การได้รับสติ ปัญญา และความรู้อยู่เป็นนิตย์

มงคลชีวิต 38 ประการ ท่านยังเอาข้อ-อเสวนา จ พาลานํ (ไม่คบคนพาล) กับ ปณฑิตานญฺจ เสวนา (คบบัณฑิต)

ไว้เป็นสองข้อแรกของคำสอน

 

เช้าวันก่อนจะลงมือเขียนต้นฉบับชิ้นนี้

เปิดสังคมโลกเสมือนออกมาตระเวนอ่านโน่นอ่านนี่ที่สนใจไปเรื่อยๆ

แล้วก็ไปเจอมิตรสหายรุ่นเยาว์ (กว่า) ท่านเอาคลิปวิดีโอของอเมซอนมาแสดง

ในคลิปนี้แสดงตัวอย่างของการใช้ชีวิต (และการจับจ่ายใช้สอยสมัยใหม่) ที่เดินเข้าไปในร้านค้าแล้วหยิบของกลับออกมาได้เลย

ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องเช็กบิลอะไรให้ยุ่งยาก

แต่ต้องมีโทรศัพท์มือถือ

มีแอพพลิเคชั่นของเขา

ก่อนเข้าร้านก็กดแอพลิเคชั่นนี้เสียก่อน

แล้วจากนั้นเครือข่ายของระบบคอมพิวเตอร์ก็จะทำงานแทนให้หมด

หยิบอะไรออกจากชั้นมันก็จดเอาไว้

เกิดเปลี่ยนใจเอาไปคืน มันก็ลบรายการออก

เปลี่ยนใจอีกที ไปหยิบกลับมาใหม่ มันก็ลงรายการให้

ไม่มีงอแง ไม่มีหน้าบึ้งหน้างอ

หยิบของที่ต้องการทั้งหมดแล้วเดินออกจากร้านได้เลย

ไปชำระบัญชี (อัตโนมัติ) กันทีหลัง

 

อเมซอนเรียกโครงการนี้ว่า “อเมซอน โก” หรือ Just Walk Out

และบอกว่าจะออกมาใช้จริงต้นปี 2017

หรืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

ใครอยากดูตัวอย่าง ลองพิมพ์คำว่า Amazon Go ลงในเว็บค้นหาทั้งหลายดู

เชื่อว่าหาไม่อยากหรอกครับ

มิตรสหายอีกท่านหนึ่งที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า

จริงๆ Amazon มีร้านทดลองแบบนี้เยอะมาก

ตามห้างในอเมริกาบางเมือง ก็มีร้านเล็กๆ ซ่อนอยู่เป็น pop-up store เอาไว้ลองหา future of retail

ท่านผู้นำคลิปมาลงก็เสริมให้อีกด้วยว่า

ในทางเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยา

เทคโนโลยี Just Walk Out ของอเมซอนจะลดการจ้างงานในภาคการค้าปลีกมหาศาล

และสร้างประสิทธิภาพต่อกำไรจากเดิมที่ผู้ค้าปลีกเน้น Volume ในการขายแลกกับส่วนต่างกำไรที่ต่ำ

แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้ ส่วนต่างกำไรจะสูงขึ้นทันตาจากการลดต้นทุนการจ้างงาน

แล้วแรงงานตาดำๆ ทั้งหลายจะไปอยู่ที่ไหน

ขอบคุณ คุณสุรศักดิ์ ธรรมโม และ คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์

มิตรสหายที่ช่วยเพิ่มรอยหยักในสมองไว้ ณ ที่นี้

 

อ่านเรื่องนี้จบ

ก็นึกถึงข้อมูลที่ได้จากการเคยไปนั่งฟังในงานสัมมนาของประชาชาติธุรกิจขึ้นมาได้

หนนั้นเขาตั้งหัวข้อว่า เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ

“คุณกระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล นักลงทุนผู้ไต่อยู่บนคลื่นของวิทยาการและข้อมูลสมัยใหม่มาให้ความรู้ว่า

Ray Kurtzweil นักอนาคตศาสตร์ของกูเกิล ที่ บิล เกตส์ เจ้าของไมโครซอฟต์ยกย่องว่า

เป็นนักอนาคตศาสตร์ที่ฉายภาพของ “ปัญญาประดิษฐ์” ในโลกอนาคตได้ชัดเจนที่สุด

คุณเรย์แกบอกไว้ว่าใน 5 ปีข้างหน้าจากนี้

ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์

ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การผลิต หรือชีวิตประจำวัน

จะมหาศาลและรวดเร็ว รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์มนุษย์

แกเขียนเป็นกราฟเส้นให้ดูว่ามันตั้งชันขนาดไหน

จริงหรือไม่ ยังต้องให้ความจริงพิสูจน์

 

แต่พอคิดถึงสองเรื่องนี้แล้ว

ย้อนกลับมาดูเมืองไทย เจอรัฐธรรมนูญและแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของประเทศ

ที่ร่างโดยท่านผู้อาวุโสระดับ 60-70-80 เป็นส่วนใหญ่

และตั้งท่าจะแช่แข็งประเทศ หรือลากสังคมไทยกลับเข้าถ้ำ

จะในนามของความหวังดีหรือหวังอื่นก็ตาม

ก็ให้สงสัยว่า แล้วเมืองไทยสังคมไทยจะไปอยู่ตรงไหนของแผนที่โลกในอนาคต

ไม่ว่าอันใกล้หรือในระยะยาว

อยู่น่ะคงอยู่ได้ละครับ แต่จะอยู่กันอย่างไร

อยู่เป็นทาส เป็นเบี้ยล่างเขาตลอดไป

หรือจะเขย่งขึ้นไปยืนบนพื้นที่ระดับเท่ากัน

ท่านเคยตั้งคำถามเหมือนที่ “เด็ก” 20-30-40-50 เขาตั้งข้อสงสัยหรือไม่

ถามจริงๆ ช่วยตอบตรงๆ ด้วยเถอะครับ