ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 ธันวาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
ข้อดีของการมีมิตรสหายที่ดี ไม่ว่าในโลกจริงหรือโลกเสมือนก็คือ
การได้รับสติ ปัญญา และความรู้อยู่เป็นนิตย์
มงคลชีวิต 38 ประการ ท่านยังเอาข้อ-อเสวนา จ พาลานํ (ไม่คบคนพาล) กับ ปณฑิตานญฺจ เสวนา (คบบัณฑิต)
ไว้เป็นสองข้อแรกของคำสอน
เช้าวันก่อนจะลงมือเขียนต้นฉบับชิ้นนี้
เปิดสังคมโลกเสมือนออกมาตระเวนอ่านโน่นอ่านนี่ที่สนใจไปเรื่อยๆ
แล้วก็ไปเจอมิตรสหายรุ่นเยาว์ (กว่า) ท่านเอาคลิปวิดีโอของอเมซอนมาแสดง
ในคลิปนี้แสดงตัวอย่างของการใช้ชีวิต (และการจับจ่ายใช้สอยสมัยใหม่) ที่เดินเข้าไปในร้านค้าแล้วหยิบของกลับออกมาได้เลย
ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องเช็กบิลอะไรให้ยุ่งยาก
แต่ต้องมีโทรศัพท์มือถือ
มีแอพพลิเคชั่นของเขา
ก่อนเข้าร้านก็กดแอพลิเคชั่นนี้เสียก่อน
แล้วจากนั้นเครือข่ายของระบบคอมพิวเตอร์ก็จะทำงานแทนให้หมด
หยิบอะไรออกจากชั้นมันก็จดเอาไว้
เกิดเปลี่ยนใจเอาไปคืน มันก็ลบรายการออก
เปลี่ยนใจอีกที ไปหยิบกลับมาใหม่ มันก็ลงรายการให้
ไม่มีงอแง ไม่มีหน้าบึ้งหน้างอ
หยิบของที่ต้องการทั้งหมดแล้วเดินออกจากร้านได้เลย
ไปชำระบัญชี (อัตโนมัติ) กันทีหลัง
อเมซอนเรียกโครงการนี้ว่า “อเมซอน โก” หรือ Just Walk Out
และบอกว่าจะออกมาใช้จริงต้นปี 2017
หรืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ใครอยากดูตัวอย่าง ลองพิมพ์คำว่า Amazon Go ลงในเว็บค้นหาทั้งหลายดู
เชื่อว่าหาไม่อยากหรอกครับ
มิตรสหายอีกท่านหนึ่งที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า
จริงๆ Amazon มีร้านทดลองแบบนี้เยอะมาก
ตามห้างในอเมริกาบางเมือง ก็มีร้านเล็กๆ ซ่อนอยู่เป็น pop-up store เอาไว้ลองหา future of retail
ท่านผู้นำคลิปมาลงก็เสริมให้อีกด้วยว่า
ในทางเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยา
เทคโนโลยี Just Walk Out ของอเมซอนจะลดการจ้างงานในภาคการค้าปลีกมหาศาล
และสร้างประสิทธิภาพต่อกำไรจากเดิมที่ผู้ค้าปลีกเน้น Volume ในการขายแลกกับส่วนต่างกำไรที่ต่ำ
แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้ ส่วนต่างกำไรจะสูงขึ้นทันตาจากการลดต้นทุนการจ้างงาน
แล้วแรงงานตาดำๆ ทั้งหลายจะไปอยู่ที่ไหน
ขอบคุณ คุณสุรศักดิ์ ธรรมโม และ คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์
มิตรสหายที่ช่วยเพิ่มรอยหยักในสมองไว้ ณ ที่นี้
อ่านเรื่องนี้จบ
ก็นึกถึงข้อมูลที่ได้จากการเคยไปนั่งฟังในงานสัมมนาของประชาชาติธุรกิจขึ้นมาได้
หนนั้นเขาตั้งหัวข้อว่า เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ
“คุณกระทิง” เรืองโรจน์ พูนผล นักลงทุนผู้ไต่อยู่บนคลื่นของวิทยาการและข้อมูลสมัยใหม่มาให้ความรู้ว่า
Ray Kurtzweil นักอนาคตศาสตร์ของกูเกิล ที่ บิล เกตส์ เจ้าของไมโครซอฟต์ยกย่องว่า
เป็นนักอนาคตศาสตร์ที่ฉายภาพของ “ปัญญาประดิษฐ์” ในโลกอนาคตได้ชัดเจนที่สุด
คุณเรย์แกบอกไว้ว่าใน 5 ปีข้างหน้าจากนี้
ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์
ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การผลิต หรือชีวิตประจำวัน
จะมหาศาลและรวดเร็ว รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์มนุษย์
แกเขียนเป็นกราฟเส้นให้ดูว่ามันตั้งชันขนาดไหน
จริงหรือไม่ ยังต้องให้ความจริงพิสูจน์
แต่พอคิดถึงสองเรื่องนี้แล้ว
ย้อนกลับมาดูเมืองไทย เจอรัฐธรรมนูญและแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของประเทศ
ที่ร่างโดยท่านผู้อาวุโสระดับ 60-70-80 เป็นส่วนใหญ่
และตั้งท่าจะแช่แข็งประเทศ หรือลากสังคมไทยกลับเข้าถ้ำ
จะในนามของความหวังดีหรือหวังอื่นก็ตาม
ก็ให้สงสัยว่า แล้วเมืองไทยสังคมไทยจะไปอยู่ตรงไหนของแผนที่โลกในอนาคต
ไม่ว่าอันใกล้หรือในระยะยาว
อยู่น่ะคงอยู่ได้ละครับ แต่จะอยู่กันอย่างไร
อยู่เป็นทาส เป็นเบี้ยล่างเขาตลอดไป
หรือจะเขย่งขึ้นไปยืนบนพื้นที่ระดับเท่ากัน
ท่านเคยตั้งคำถามเหมือนที่ “เด็ก” 20-30-40-50 เขาตั้งข้อสงสัยหรือไม่
ถามจริงๆ ช่วยตอบตรงๆ ด้วยเถอะครับ