ฟ้า พูลวรลักษณ์ | บันทึก-ผลึกความคิด เมื่อฉันเริ่มการเดินเท้าจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๒๔.๒)

ไม่นานมานี้ ฉันได้เริ่มโครงการหนึ่ง คือการเดินจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง

ฉันเริ่มจาก เดินจากจังหวัดระยองไปจังหวัดจันทบุรี โดยตั้งต้นที่หาดแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง เดินไปเรื่อย ตกค่ำที่ไหน ฉันก็หาที่พักที่นั่น เย็นนั้นฉันมาถึงตำบลปากน้ำประแส ยังไม่พ้นจังหวัดระยองเลย มันเป็นหมู่บ้านที่น่ารักดี ฉันพักอยู่ที่โฮมสเตย์แห่งหนึ่ง

เช้านั้นฉันก็นั่งเรือเที่ยว ไปในป่าโกงกาง แล้วมาจนถึงทุ่งโปรงทอง เส้นทางสวยงามเป็นอันมาก เงียบสงบ ไม่มีคนอื่นเลย

จากทุ่งโปรงทองฉันเดินต่อไปเรื่อย ข้ามแม่น้ำพังราด ถึงเขตจังหวัดจันทบุรี ฉันเดินต่อไปจนเย็น ถึงตำบลกระแจะ อำเภอนาใหญ่

พักที่โรงแรมแห่งหนึ่งข้างทาง

เวลาเช้า ๐๖.๓๐ ฟ้าสางแล้ว ฉันเริ่มออกเดินใหม่ พบว่าการออกเดินยามเช้า ดีที่สุด อากาศเย็นสบาย รถน้อย มาตามทางหลวงชนบท 4036 โชคดีที่ทางหลวงสายนี้ รถไม่เยอะ เดินง่าย ฉันเดินมาจนถึงหาดคุ้งวิมาน และเข้าพักแต่เช้า คือ ๑๑.๐๐ นาฬิกา จากนั้นฉันก็เดินเล่นไปตามแหลม มาถึงเนินนางพญา และเดินต่อจนถึงจุดชมวิวเจดีย์กลางน้ำ บ้านหัวแหลม แล้วเดินกลับหาดคุ้งวิมาน นอนหลับ ตื่นขึ้นมาใกล้เย็น ฉันเดินกลับไปที่เนินนางพญา ไปชมดวงอาทิตย์ตกดิน

เช้าวันต่อมา ฉันเดินไปหาดจ้าวหลาว เส้นทางที่เดิน คือถนนสาย 5027 ซึ่งสงบเงียบ ผ่านฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำนับร้อยแปลง ฉันเดินไปตามฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำเหล่านั้น เป็นทางแคบๆ แต่ไม่มีคน ไกลไปจนถึงศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน และเดินขึ้นไปกินอาหารกลางวันที่หาดแหลมเสด็จ นั่งกินบนเสื่อ

จากนั้นฉันเดินต่อมาจนถึงหาดจ้าวหลาว พักโรงแรมแห่งหนึ่ง ในยามเย็นออกไปเดินเล่นดูอาทิตย์ตกดินอีกวัน

เช้าฉันเดินต่อ มาจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำปากน้ำแขมหนู ฉันชอบปากแม่น้ำนี้ แต่พอสายหน่อย ฉันเดินมาถึงปากแม่น้ำจันทบุรี ข้ามสะพานพระเจ้าตากสิน ทัศนียภาพยิ่งสวยใหญ่ เป็นปากแม่น้ำที่กว้างขวาง งดงามมาก

เย็นนี้ฉันพักที่หาดแหลมสิงห์ รวมเวลาเดินห้าวัน

ฉันคิดว่าพอสมควรแก่เวลา

๑๐การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรก ฉันเคยคิดในใจมานาน ว่าจะทำอย่างนี้ แต่ยังไม่ได้ทำ คงเพราะฉันยังนึกไม่ตก เรื่องจะเอาอะไรไปดี แต่ครั้งนี้ ฉันตัดสินใจนำถุงสัมภาระหนึ่งใบ น้ำหนัก ๒ กิโลกรัม และเป้เล็กๆ คู่กาย น้ำหนัก ๒.๕ กิโลกรัม และไม้เท้าตีสุนัขหนึ่งอัน น้ำหนักรวมกันกำลังดี สำหรับวัยอย่างฉัน

ถุงสัมภาระนั้นเตรียมข้าวของที่ต้องใช้สำหรับการเดิน ๕ วัน หรืออย่างมาก ๗ วัน เพราะในวัยนี้ ฉันจะแบกน้ำหนักไม่ไหว ถุงใบนี้เป็นถุงผ้าเหมือนถุงช้อปปิ้ง ฉันสามารถสะพายบ่าข้างใดก็ได้ หรือบางครั้งก็ถือด้วยมือข้างใดก็ได้ ผลัดเปลี่ยนไปมา

อย่าดูถูกว่าน้ำหนักของมันแค่สองถึงสามกิโลกรัม เพราะหากเพิ่มน้ำหนักอีกเพียงหนึ่งกิโลกรัม เวลาเดินไปนานๆ จะรู้สึกถึงความหนักหน่วง แต่เท่าที่เป็นในวันนี้ กำลังพอเดินได้อย่างไม่เป็นปัญหา

๑๑ การเดินทางของฉัน ต้องใช้ Google Map ตลอด ทั้งการดูเส้นทาง การหาที่พัก แม้แต่บางครั้ง ฉันจะหาตู้ ATM หรือร้าน Seven ก็เช่นกัน ฉันกดหาได้หมดจากแอพพลิเคชั่นนี้

๑๒ ปัญหาของฉันคือ

๑ ความร้อน

๒ หมาไทย

สำหรับความร้อน ฉันทำใจแต่แรก ว่าหากจะรักการเดินในเมืองไทย ต้องทำสมาธิ เพิกเฉยต่อมัน เพราะเวลาเดิน มีเพียงช่วงเช้า ๐๖.๓๐-๐๘.๓๐ ที่ไม่รู้สึกร้อน แต่ทว่าจากนั้นไปจนถึงเย็น อากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อฉันทำใจเสียแล้ว ก็หมดห่วง ฉันเดินฝ่าความร้อนไปเรื่อย

แต่หมาไทย เป็นหมาที่น่ารังเกียจ เพราะพวกมันเป็นหมากุ๊ย ชอบเห่า ทั้งที่ฉันเดินอย่างสงบ

บางครั้งฉันเดินอยู่บนสะพานสูงลิ่ว แต่หมาที่ข้างล่างมองเห็นฉัน ก็ยังเห่า น่าพิศวง ในเมื่อเราเดินห่างกันคนละเส้น มองแทบจะไม่เห็นกันอยู่แล้ว มันยังเห่าฉันเลย

บางครั้งฉันเดินมา เห็นหมาห่างจากตัวฉันถึงร้อยเมตรข้างหน้า มันก็เริ่มเห่าฉันละ

ฉันไม่อยากเชื่อเลย เพราะเราอยู่ห่างไกลกันมาก

แต่หมาเหล่านี้ ไม่ใช่สัตว์ป่า พวกมันจึงยังไม่ดุร้ายอย่างแท้จริง พวกมันอาจก่อความรำคาญ แต่ก็ไม่กล้าเข้ามากัด ด้วยกลัวไม้ หากฉันไม่ถือไม้ พวกมันอาจเห่าฉันน้อยกว่านี้ แต่ก็ไว้ใจไม่ได้อยู่ดี

หมาที่บ้านเพื่อนของฉันคนหนึ่ง เกิดมาไม่เคยกัดใครเลย แต่แล้วอยู่ๆ วันหนึ่ง มีเสียงหมาเห่าข้างบ้าน มันก็วิ่งออกไป เห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินมา มันวิ่งเข้าไปกัดเขาจนเป็นแผลลึก เจ้าของบ้านก็ได้แต่เข้าไปขอโทษ บอกแต่ว่ามันไม่เคยกัดใครเลย แต่การไปบอกเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร หมาบางครั้งมันกัด เพราะแรงยุ จากเสียงเห่า เราไม่อาจไว้ใจสัตว์เหล่านี้ได้

แต่เรื่องแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นทุกประเทศ หลายประเทศก็ไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้ เช่น ในไต้หวัน ฉันเดินไกลแค่ไหน ก็ไม่เคยเจอปัญหาหมาไต้หวันเลย ข้อแรก มีหมาจรจัดน้อยมาก และถึงมี พวกมันก็ไม่เห่า และไม่เข้ามากัด

แต่เมืองไทย เป็นเมืองที่มีหมาไทย ที่ค่อนข้างดุ และเป็นอันธพาล ฉันได้แต่ต้องระวังตัวและอดทนเอา ต้องรอวันเวลาอีกนานในอนาคต กว่าเมืองไทยจะเปลี่ยนแปลง

คนไทยไม่ชอบเดิน แต่ชอบเลี้ยงหมา

บางบ้านมีหมาหลายสิบตัว ล้วนแต่เป็นหมาหนุ่มๆ สาวๆ แข็งแรง เวลาวิ่งออกมาเป็นฝูง น่ากลัวมาก ไม่มีเจ้าของ ถึงมี บางครั้งก็เห็นนั่งเฉย ไม่ห้ามปราม ชีวิตของฉันเวลาเดินไปในดินแดนแปลกหน้า ก็ต้องหนักใจกับการเผชิญหน้ากับหมาไทยเหล่านี้

ฉันจึงต้องมีไม้เท้าตีสุนัขหนึ่งอัน

๑๓ฉันตั้งใจว่า โครงการเดินข้ามจังหวัดนี้ ฉันจะทำ ๑๙ ครั้ง เท่ากับว่าฉันจะเดิน ๓๘ จังหวัด เท่ากับครึ่งหนึ่งของประเทศไทยพอดี ที่ไม่คิดจะเดินหมด เพราะจากประสบการณ์ของฉัน พบว่าการเดินหมดไม่จำเป็น และบางจังหวัดก็ไม่น่าเดิน

และที่จริง การเดินได้ครึ่งประเทศนี้ ก็งดงามพอแล้ว แต่ละครั้งที่เดิน ก็จะให้อยู่ใน ๕ ถึง ๗ วัน ไม่จำเป็นต้องเดินนานกว่านั้น

การเดินไม่จำเป็นต้องละเอียดยิบ เพราะถึงเดินยังไง ก็ละเอียดยิบไม่ได้อยู่ดี มันเป็นเพียงการเดินโดยสังเขป พอประมาณ เท่ากับฉันต้องเตรียมเวลาไว้ถึง ๑๙ อาทิตย์

๑๔ โครงการ pilot ของฉันได้เริ่มแล้ว เรียกว่าโชคดี เพราะเส้นทางจากระยองไปจันทบุรี ค่อนข้างง่าย

แต่จังหวัดอื่นเป็นอย่างใด ฉันต้องศึกษา