อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : ฟองเดียวไม่พอ

เช้าไหนที่ฉันขี้เกียจทำอาหาร ฉันจะโยนคำถามใส่ตัวเอง ไหนล่ะ ที่ว่าอยากบริหารเวลาเอง มี 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันให้บริหารสมใจ แต่ไม่ยอมทำมื้อเช้ากินเหรอ

ครั้งหนึ่งฉันเคยไม่มีเวลา ไม่ว่ากับอาหารมื้อใด เวลาทั้งหมดของฉัน (นอกเหนือจากการนอน) มอบให้งานธนาคาร และครั้งหนึ่ง ฉันเคยมีเวลาอย่างเหลือเฝือ หนึ่งวันกว้างขวางเสียจนไม่รู้จะสรรหาสิ่งใดมาเติมให้เต็ม แต่ฉันต้องทำอาหารเช้าในข้อจำกัดของงบประมาณ คิดแล้วคิดอีก แบบไหนที่มีประโยชน์ อิ่มนาน คุ้มค่า และแน่นอน ต้นทุนต้องต่ำ

ตอนนี้ไม่ต้องประหยัดอีกแล้ว ไม่ถึงกับร่ำรวย แต่ฉันมีรายได้มากพอจะทำมื้อเช้าอร่อยๆ กินทุกวัน ถ้าไม่ทำ ฉันคงอายตัวเองในครั้งนั้น ที่กินซุปมันฝรั่งเป็นมื้อเช้าควบกลางวันทั้งสัปดาห์ และยิ่งละอายต่ออดีตพนักงานธนาคารผู้ทุกเช้าฝันถึงการเข้าครัว ทำอาหารอย่างมีความสุข

ถอดตัวขี้เกียจออกจากร่าง ฉันสั่งตัวเองเปิดตู้เย็น

 

แค่เห็นขนมปังกับเนย ฉันก็รู้-ตัวขี้เกียจจะไม่กลับมาราวี เพราะตัวขี้เสียดายเข้ามาแทนที่

สำหรับฉัน คำว่าเสียดายของในตู้เย็น ไม่ได้หมายถึงเสียดายเงินที่ซื้อมาเท่านั้น แต่ยังเสียดายแรงของคนทำขนมปัง คนปลูกผัก ทั้งหมายรวมดินที่ปลูก น้ำที่รด

ฉันจึงเห็นคุณค่าของวัตถุดิบที่เหลือในตู้เย็น หากมันยังไม่เสีย ไม่ช้ำ ฉันจะต้องหยิบมาปรุงให้กลายเป็นอาหาร ไม่จานใดก็จานหนึ่ง

ขนมปังก้อนนี้ กว่าจะได้มา ต้องตื่นแต่เช้าไปที่ร้าน เพราะเขาทำวันละไม่กี่ก้อน แถมบางวันก็ไม่ทำ ฉันจะทิ้งให้มันแห้งเหี่ยวไม่ได้เด็ดขาด หยิบขนมปังออกมารอก่อนเลย

ทอดไข่ดาวสักฟอง วางบนขนมปังนาบกระทะ บดพริกไทย ตามด้วยพาสลีย์ซอย นี่คืออาหารเช้าอย่างง่าย แต่อร่อยด้วยความใส่ใจ มันจะน่ากินขึ้น ถ้าคุณใช้ไฟพอดี ได้ไข่แดงที่ยังเป็นครีม และขอบไข่ขาวกรอบเล็กน้อย ไข่แดงจะสวยเด้งเมื่อคุณบดพริกไทยลงไป พร้อมเขียวพาสลีย์ซอยละเอียดยิบ จุดสีดำ และฝอยสีเขียวบนสีเหลืองอมส้ม…ใครว่าไม่สวยก็บ้าแล้ว

เช้านี้ยังไงก็ต้องเป็นไข่ แต่ไม่ใช่ไข่ดาว เพราะตู้เย็นมีดีกว่านั้น

 

ตู้เย็นถามฉันว่า นี่เธอ เมื่อไรเธอจะใช้หอมหัวใหญ่ลูกนี้ ฉันขี้เกียจเก็บ มะเขือเทศเนื้อด้วย มันชราภาพแล้วนะ

ฮะ มะเขือเทศเนื้อแสนแพงที่ซื้อมา ฉันต้องใช้สิ ต้องใช้

ฉันจะลองทำไข่ม้วน อยากทำมานาน แต่เขาไม่ยอม เขายินยอมให้ฉันหั่น ซอย และผัดไส้ไข่ม้วน แต่ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่เขาจะให้ฉันจัดการกับไข่

ไข่ม้วนเป็นชื่อที่เราเข้าใจกันสองคน หากเรียกให้ถูกต้อง ต้องบอกว่า มันคือออมเล็ตแบบมีไส้

บางคนทำออมเล็ตโดยหั่นแฮม หั่นผักปนลงไปในไข่ แต่เราชอบกินไส้ เราอยากได้ไส้เยอะๆ เราใส่ทั้งหอมหัวใหญ่ แฮม มะเขือเทศ และพริกระฆัง

ฉันไม่เคยชอบออมเล็ต แต่พอได้กินออมเล็ตแบบม้วนไส้ของเขา ความรู้สึกที่มีต่อออมเล็ตก็เปลี่ยนไป มันเป็นจานไข่ที่ครบรส ครบหมู่ กินกับขนมปังสักแผ่น กาแฟ และ(หรือ) น้ำส้มคั้นสักแก้ว ฉันจะอิ่มกระทั่งบ่ายอ่อน

ควรใช้ไข่ที่ละ 3 ฟอง เพื่อได้ไข่ม้วนสวยงาม หากคุณกินไม่หมด ฉันขอเสนอให้คุณทำหนึ่งที่ แล้วแบ่งกันกินกับคนรัก

 

ฉันผัดไส้ก่อน หั่นแฮมให้เป็นชิ้นเล็ก มะเขือเทศใช้แต่เนื้อ หั่นเป็นชิ้นเล็ก หอมหัวใหญ่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ พริกระฆังก็เช่นกัน

ใช้น้ำมันน้อยๆ ผัดหอมหัวใหญ่ให้ใส ค่อยเอาแฮมลง ตามด้วยมะเขือเทศกับพริก ผัดทุกอย่างให้สุกแล้วปรุงรสด้วยพริกไทยดำกับเกลือ ปิดเตา ตักไส้ใส่ถ้วยรอ

วางกระทะเทฟล่อนอีกใบ (ถ้าเป็นขนาด 8 นิ้ว จะได้ไข่ที่อ้วนป้อมกว่าขนาด 9 นิ้ว)

ตีไข่ให้แตกในถ้วย โรยเกลือเล็กน้อย

เอาล่ะ ฉันพร้อมแล้ว

ใส่เนย เอียงให้เนยเคลือบทั่วกระทะ ใช้ไฟอ่อน รอกระทะร้อน ค่อยเทไข่ลงไปพร้อมกับเนยอีกสักนิด ใช้ส้อมขนไข่ราวครึ่งนาที แล้วค่อยแผ่ไข่ออกเป็นแผ่น รีบตักไส้ลงไปตอนที่ไข่ยังไม่สุกเต็มที่ โดยใส่เป็นแนวยาวห่างจากขอบกระทะด้านนอกนิดหน่อย

ยกกระทะออกจากเตา ใช้ส้อมนั่นล่ะ ค่อยๆ เขี่ยไข่จากขอบกระทะด้านในเข้าไปห่อไส้ แล้วจึงเขี่ยไข่อีกด้านมาด้วย บางครั้งไข่ก็ไม่ได้ห่อไส้จนมิด แต่ไม่เป็นไร ใช้มือตอกไข่ให้แน่นที่สุด วางไข่บนเตาอีกสักครู่ แล้วค่อยคว่ำไข่ลงในจาน

เย้ ฉันทำได้แล้ว

ขูดชีสโรย แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร โรยพาสลีย์สับกับพริกไทยดำก็พอ

ฉันเข้าไปเรียกเขาในห้องทำงาน “ทำไข่ม้วนเองด้วยล่ะ”

“อ้าว ทำไมไม่บอก เดี๋ยวทำให้”

ว่าแล้วเชียว เพราะอย่างนี้ล่ะ ถึงไม่บอก

ฉันวางจานไข่บนโต๊ะ “นี่ไง พอไหวมั้ย”

“ก็ได้อยู่นะ ไส้ไม่ทะลัก”

ฉันเปลี่ยนใจ หยิบขนมปังอีกแบบมากิน ชิ้นเล็กกว่า เนื้อไม่ค่อยแน่น น่าจะเหมาะกับมื้อที่เรากินไข่คนละ 3 ฟอง

เขาเดินไปชงกาแฟ “อยากกินบอกสิ จะทำให้กิน”

อยากกินเหรอ ใช่แน่ๆ แต่อยากทำได้ด้วย มันไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากเกินลอง ถ้าเราใช้ไข่เยอะหน่อย…สักสามฟอง

ฉันนั่งจ้องจานไข่ แทบรอกาแฟไม่ไหว แต่จำต้องรอ ไม่อย่างนั้นจะมีคนน้อยใจ