เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าคำประกาศบนเวทีหาเสียงของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในเขตบึงกุ่มที่ว่า กำลังต่อสู้กับ “อ้ายตัวร้าย” ไม่ว่าข้อเสนอให้ไปฟังเพลง”หนักแผ่นดิน”อันมาจากทหารใหญ่
ล้วนสะท้อนความคิดในทางการเมืองอันเป็นเอกภาพอย่างยิ่ง
ทั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยและทหารใหญ่
เพราะ “อ้ายตัวร้าย” ทั้งเก่าและใหม่ที่พรรครวมพลังประชา ชาติไทยกำลังต่อสู้เพื่อเอาชนะ ในที่สุดแล้วก็สะท้อนออกอย่างเด่นชัดว่าเป็นพวก”หนักแผ่นดิน”
การแยกขั้ว แบ่งฝ่ายในทางความคิดจากก่อนรัฐประหารเมื่อ เดือนตุลาคม 2519 จึงหวนกลับมาอีกหน
กลับมาในฐานะเป็น “อาวุธ” ในทาง “ความคิด”
ความน่าสนใจของสถานการณ์การต่อสู้กับพวก”อ้ายตัวร้าย”และพวก”หนักแผ่นดิน”หากมองจากรากฐานความเป็นมาและองค์ประ กอบภายในพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะเห็นได้ชัด
เห็นได้ชัดถึงบทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปเห็นได้ชัดถึงบทบาทของกปปส.
พวกแรกแสดงออกก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
พวกหลังแสดงออกก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
และที่สุดโดยการนำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พวกเขาก็มาดำรงอยู่ในสถานะผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติ ยืนยันที่จะต่อยอดแห่งอำนาจให้คสช.
ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงเป็นพันธมิตรอันแนบแน่นยิ่งกับพรรคพลังประชารัฐ
การนำเสนอ “อ้ายตัวร้าย” เรียกฝ่ายตรงข้ามจึงชัดเจน
ขณะเดียวกัน เมื่อนำเอาคำ “อ้ายตัวร้าย”ผนึกตัวรวมพลังกับ บทสรุปพวก “หนักแผ่นดิน”อันมาจากปากทหารใหญ่
จึงกลายเป็น “คู่จิ้น”ทางการเมืองอันคึกคักอย่างยิ่ง
ไม่ว่าการประดิษฐ์สร้างวลีที่ว่า “อ้ายตัวร้าย” จากพรรครวมพลัง ประชาชาติไทย ไม่ว่าการรื้อฟื้นบทเพลง”หนักแผ่นดิน”อันมาจาก ทหารใหญ่
สร้างบรรยากาศรัฐประหารเหมือนปี 2519 กับปี 2557
เหมือนกับจะเป็น”ทางออก”แต่ก็ไม่แน่ว่าจะสะดวก ง่ายดาย