วัชระ แวววุฒินันท์ : เก็บตกความรัก

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เก็บตกความรัก

 

ขอร่วมบรรยากาศของเทศกาลแห่งความรักกับเขาสักหน่อยนะครับ

เพราะเพิ่งคล้อยหลังวันวาเลนไทน์มาสักพัก กลิ่นอายความรักยังอบอวลติดเนื้อผ้าอยู่เลย

หลายแวดวงจับกระแสวันแห่งความรักมานำเสนอ “เรื่องราว” ให้เป็นจุดขาย เพราะมันยังขายได้ คนเรายังถวิลหาความรักอยู่เสมอ

ในหน้าจอโทรทัศน์ มีการนำเสนอเรื่องราวความรักในแวดวงดารา-นักร้องกันเป็นคู่ๆ ไม่แต่เฉพาะคู่รักเท่านั้น คู่สามี-ภรรยาก็มี และรวมถึงความรักฉบับครอบครัวด้วย

นั่นแสดงให้เห็นว่า ความรักนั้นมันกว้างไกลกว่าแค่แฟน มันไกลไปถึงรักโลก รักจักรวาลเลยทีเดียว เพราะทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกันหมด

โดยเฉพาะช่วงนี้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งก็จะมีใจรักประชาชนมากเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าพอได้รับเลือกเข้ามาแล้วจะรักอะไรมากกว่ากันระหว่าง “ประชาชน” กับ “ผลประโยชน์

ไหนๆ จะเกี่ยวกับความรักแล้ว มาดูกันหน่อยซิว่านโยบายเด่นๆ ที่พรรคใหญ่ๆ ใช้หาเสียง มีอะไรที่เกี่ยวกับความรักบ้างหรือเปล่า

 

“พรรคประชาธิปัตย์” ชูนโยบายด้วยวลีโดนใจว่า “เกิดปั๊บ รับเงินแสน” เหมือนสโลแกนสินค้าเวลาชิงโชคยังไงไม่รู้

เขาสาธยายว่า เมื่อลูกอุแว้ออกมาเดือนแรกรับไปเลย 5 พันบาท เดือนถัดไปรับเดือนละ 1 พัน ไปจนถึงอายุ 8 ปี อย่างนี้ถือว่าเป็นการชูนโยบาย “รักเด็ก”

อาจจะถูกใจคนอยากมีลูก แต่พวกยังโสด หรือแต่งงานแต่ไม่คิดจะมีลูกมีเต้ากับเขาคงไม่เห็นประโยชน์

ส่วน “พรรคเพื่อไทย” ชูนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก บอกว่าจะยกระดับเศรษฐกิจในทุกระดับ ตั้งแต่เกษตรกร พ่อค้า ไปยัน SME เพราะคงเห็นว่าเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่เป็นจุดแข็งในช่วงที่ตนเป็นรัฐบาล อย่างนี้เข้าข่าย “รักปากรักท้อง”

มาทางพรรคพลังทหาร เอ๊ย “พรรคพลังประชารัฐ” บ้าง พรรคนี้ชูเรื่องกำจัดหนี้นอกระบบ และสานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรียกว่าเล่นกับปัญหาคนระดับรากหญ้าโดยแท้ อย่างนี้คงต้องเรียกว่า “รักนะจ๊ะคนจน”

ส่วนพรรคมาดเท่ “พรรคอนาคตใหม่” บอกเสียงดังว่า จะทลายเศรษฐกิจแบบผูกขาด หยุดทุนใหญ่ฮุบประเทศ และแวะไปแตะทหารนิดหนึ่งว่าจะล้างมรดกรัฐประหาร ชูประชาชนคือเจ้านาย สงสัยอย่างนี้ต้องเป็น “รักทุกคน ยกเว้น นายทุนและทหาร”

ที่ว่ามาก็พอจะเข้าเค้ากับบรรยากาศวันแห่งความรักได้บ้างนะครับ

ส่วนสุดท้ายแล้ว ประชาชนจะรักใคร เลิฟใคร เลือกใครให้เป็นนายกรัฐมนตรี วันที่ 24 เดือนหน้าคงได้รู้กัน

 

ย้อนกลับมาสู่เรื่องของ “ความรัก” กันต่อ

นอกจากเรื่องการมอบดอกกุหลาบ หรือของขวัญแทนใจแล้ว

ในช่วงเทศกาลแห่งความรักของกลุ่มวัยรุ่น มักจะมีคำขวัญโดนๆ มาให้ได้คิด สะกิดเกาและได้หัวเราะอยู่หลายชิ้น ส่วนใหญ่คิดมาเพื่อมอบให้คนที่เหงา เป็นโสด หรือผิดหวังในความรักซะมาก อย่างเช่น

“รัก เป็นกริยา แต่อกหัก มันเป็นกรรม” อื้อฮือ…เท่แบบปลงๆ

“เนื้อคู่ก็เหมือน IPhone 5 ถึงจะมาช้า แต่ก็จะรอ” อันนี้มาแนวเทคโนโลยีการสื่อสาร

ส่วนอันนี้มาแบบปลอบใจตัวเอง

“ยอมเป็นแค่คนดีที่ไม่มีใคร ดีกว่าเป็นคนหลายใจที่ไม่มีดี”

 

จากแนวเหงา เศร้า มาถึงแนวประชดประชันเสียดสีดูบ้าง

“กุหลาบไม่มีหนาม มะขามไม่มีข้อ ผู้ชายไม่ใช่พ่อ จะไปง้อมันทำไม”

เป็นไงล่ะ…คุณผู้ชายทั้งหลาย เจ็บไหม งั้นลองมาดูอีกอันหนึ่ง

“ผู้ชายก็เหมือนรองเท้า เมื่อใส่แล้วกัด ก็สลัดมันทิ้ง”

อุ๊ย แรงส์น่ะ… ส่วนอันต่อไปนี้ออกแนวแดกดันตัวเอง

“เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย”

ในสมัยที่ผมทำนิตยสาร “ไปยาลใหญ่” กับ จิก ประภาส และ ศุ บุญเลี้ยง เมื่อ 30 ปีก่อน ที่หลายคนจัดให้เป็นหนังสือเด็กแนวในสมัยนั้น เพราะความแปลก แหวกแนว คิดนอกกรอบออกไป

แนวทางของหนังสือนั้น เป็นแนวล้อเลียน หยิกแกมหยอก ไปจนถึงประชดประชัน

ในช่วงนั้นในหมู่วัยรุ่นจะนิยมเสพ “กลอนเปล่า” กัน

กลอนเปล่าคืออะไร

คือบทรำพันที่ไม่ได้มีสัมผัสชัดๆ ตามลักษณะธรรมเนียมกลอน ที่ต้องมีสัมผัสนอก สัมผัสใน แต่หนักไปทาง “อารมณ์ล้วนๆ”

ยกตัวอย่างเช่น

“ลมพัดมาเบาๆ เมฆน้อยกระจาย

หัวใจของฉัน กระจัดกระจายกว่า…” อะไรอย่างนี้เป็นต้น

เหมือนจะแบบพูดเปรยๆ เบาๆ ให้รู้ถึงความรู้สึกข้างใน ที่บางทีก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อันสำคัญยิ่งใหญ่อะไร ก็อย่างที่บอก…อารมณ์ล้วนๆ

ในนิตยสาร “ไปยาลใหญ่” มีคอลัมน์ “เมื่อยอารมณ์” ที่ผู้อ่านชอบมาก เพราะหยิบเอาการเขียนกลอนเปล่านี่แหละมาล้อ เช่น

“เธอเหงาหรือเปล่า เธอเศร้าหรือเปล่า

เปล่าเหรอ…ขอโทษที”

อะไรอย่างนี้เป็นต้น หรืออย่างเช่น

“ฟ้ามืดยังมีดาว ฉันเพ่งมองจ้องหา

มองไปมองมา…ง่วงละ ไปนอน”

“ดอกไม้โรยกลีบ ร่วงหล่นบนพื้น

ตรงที่ฉันยืน ซื้อหวยเลขท้าย”

เชื่อไหมว่าได้รับความนิยมจนมีการรวมเล่มเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มเล็กๆ ชื่อ “เมื่อยอารมณ์” กันเลยทีเดียว

 

เพื่อเป็นการทิ้งท้ายกับบทความในฉบับนี้ จึงขอปิดเป็นกลอนเปล่าเกี่ยวกับความรักสักหน่อยนะครับ

“สายน้ำไหลไป สายใจไหลมา

ฉันคืนความสุขอย่างช้าช้า

อะไรนะ…อ๋อ เธอว่า ช้าเกินไป…ขอโทษที”

จบเรื่องราวเกี่ยวกับความรักเพียงนี้…แฮ่ม