ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 ธันวาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | รักคนอ่าน |
เผยแพร่ |
“แม่จะตายมั้ย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ถามฉันแบบนี้
แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะให้คำตอบแม่อีกอย่าง
ฉันเคยปลอบ ฉันเคยขอร้อง ฉันเคยหงุดหงิด และฉันเคยโศกเศร้าในการตอบคำถามนี้มาก่อน
ฉันรักแม่
มันไม่ได้เป็นเรื่องของหน้าที่หรือการตอบแทนบุญคุณเพียงเท่านั้น แต่เป็นเหมือนความรับผิดชอบและความห่วงใยในตัวของใครคนหนึ่ง คนที่ดีบ้างร้ายบ้างก็จะอยู่กับเราเสมอ
แม่เปลี่ยนไปเยอะตั้งแต่ป่วยครั้งนี้
มีหลายๆ ทีที่เราทะเลาะกันถึงขั้นแม่ลงไม้ลงมือกับฉัน
แน่นอนฉันโกรธ
ฉันถือว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะโกรธ และฉันก็เศร้าใจในความโกรธทั้งของตัวเองและของแม่ไปพร้อมๆ กัน
“มันไม่มีคนดีและไม่มีคนเลวเสมอไป คนส่วนใหญ่อยู่ระหว่างสองอย่างนี้–หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นเรื่องจริงมักให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการหลอกลวง–“*
ฉันเคยโกรธตอนที่พ่อป่วย โกรธทุกอย่าง ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับพ่อ โรคยิบย่อยมากมายหลายล้านอย่าง ทำไมพ่อต้องเป็นโรคนี้ โรคที่กัดกินพ่อที่ฉันรู้จัก จนฉันอยากกรีดร้อง เขย่าร่างที่อยู่ตรงหน้า ตะโกนถามว่าเขาคือใคร คืนพ่อของฉันออกมาเดี๋ยวนี้
และพร้อมกับความโกรธเกรี้ยวก็คือความหวาดกลัว
ถ้าพ่อไม่อยู่แล้วใครจะดูแลเรา
ถ้าพ่อไม่อยู่เราจะไม่มีวันนึกถึงกลิ่นน้ำหอมประจำของพ่อได้เหมือนเดิม
ถ้าพ่อไม่อยู่แล้วต้นไม้ในสวนที่เขียวขนัดของเราก็เปล่าประโยชน์
ถ้าพ่อไม่อยู่แล้วสัมผัสสากๆ อันอ่อนโยนของหนวดเคราที่เพิ่งขึ้นจะหายไปจากโลก
ไม่มีใครอยากมองมัน
ไม่มีใครอยากได้กลิ่น
ฉันไม่อยากจดจำ
ฉันไม่รู้ว่าจะเลือกจำอะไรดี
ระหว่างร่างที่ดูจะหดเล็กลงเหลือเกินตรงหน้า
หรือประกายยิ้มใจดีกับเสียงหัวเราะกังวานที่เคยได้ยินมาตลอดชีวิต
สิ่งไหนกันแน่ที่เป็นความจริง
“ใช่ค่ะ คุณแม่จะตาย” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และความเงียบหลังประโยคนั้นดูจะขยายเสียงฉันให้ดังขึ้นไปอีก
“วันนึงคุณแม่จะต้องตาย ทรายก็ต้องตาย ทุกคนก็ต้องตาย แต่ระหว่างที่ยังไม่ตาย คุณแม่ต้องเลือกว่าจะอยู่แบบไหน บอกทรายมาก็แล้วกัน”
นี่เป็นความจริง
เป็นความจริงเดียวกับที่ฉันรู้ตอนก่อนพ่อจะสิ้นใจ
บนนั้น บนฟูกหนาๆ ที่เราวางไว้ข้างประตูกระจก
มองออกไปเห็นต้นไม้เขียวขจีอย่างที่พ่อชอบ
พ่อยังเห็นมันหรือเปล่า
พ่อจะได้ยินไหมตอนที่ฉันบอกว่าฉันเข้าใจแล้ว
อย่าห่วงเลย
เราจะมีกันและกันตลอดไป
แล้วพ่อก็จากไปในแดดยามสายของหน้าหนาวปีนั้น
“เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่ซับซ้อน–คำตอบก็คือมันไม่สำคัญว่าเธอคิดอย่างไร–เพราะความคิดของเธอจะขัดแย้งกันเองนับร้อยครั้งในแต่ละวัน เธออยากปล่อยแม่เธอไป แต่ในขณะเดียวกันก็อยากให้ฉันช่วยแม่เธอ ความคิดของเธอจะเชื่อในคำโกหกที่ช่วยให้สบายใจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็รู้ถึงความจริงอันแสนเจ็บปวดที่ทำให้คำพูดโกหกเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งจำเป็น และความคิดของเธอจะลงโทษเธอที่เชื่อในทั้งสองอย่าง”*
มนุษย์เรานั้นทั้งยืดหยุ่นและเปราะบางได้เกินคาดคิด
ความจริงที่แสนเจ็บปวดนั้นจะไม่เปลี่ยนรูปร่างและสถานะ
มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่จะเปลี่ยนมันได้
ด้วยเวลา
ด้วยความเข้าใจ
ด้วยความพ่ายแพ้
และยอมรับว่ามันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้น และคงอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
มีแต่เราเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
“ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน” (A Monster Calls) เขียนโดย Patrick Ness แรงบันดาลใจจากแนวคิดของ Siobhan Dowd ภาพประกอบโดย Jim Kay แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 โดยสำนักพิมพ์เวิร์ด วอนเดอร์ จำกัด, กันยายน 2016
*ข้อความจากในหนังสือ