ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 กุมภาพันธ์ 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกทรรศน์ |
ผู้เขียน | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ |
เผยแพร่ |
อ่านชื่อบทความอาจจะดูแปลกๆ หากทว่าเมื่อเรากำลังอยู่ในโลกของเทคโนโลยีและดิจิตอล เราควรมองระบบความสัมพันธ์และพลังของระบบนี้ไว้บ้าง
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น
แซมเบีย (Zambia) ประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา อดีตเมืองอาณานิคมอังกฤษที่ร่ำรวยไปด้วยสินแร่ทองแดงและโคบอลต์ (cobalt)
แซมเบียเขากำลังใช้เงินประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐลงทุนทางด้านโทรคมนาคมที่สร้างโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน บรอดคาสต์ (broadcasting) และอุปกรณ์การตรวจจับทางเทคโนโลยี (surveillance technology)
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “Digital Silk Road” อันเป็นซับเซ็ต (subset) ของ Belt and Road Initiative-BRI อันก่อให้เกิดโครงการต่างๆ ที่มีมูลค่าประมาณ 79 พันล้านเหรียญสหรัฐ
การลงทุนเหล่านี้ก่อให้เกิดการพัฒนาในแซมเบียและที่อื่นๆ อีกหลายประเทศ เราควรเจาะลึกลงไปหน่อย
ที่แซมเบีย
โครงการต่างๆ เกือบทั้งหมดของโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอล (Digital infrastructure) ซึ่งมองเห็นได้มากกว่าคือโครงการ Terminal ของท่าอากาศยานและถนนไฮเวย์กำลังลงมือสร้างและสนับสนุนทางการเงินโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในมุมมองของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund-IMF) มองว่าแซมเบียอยู่ในความเสี่ยงที่สูงมากของหนี้สิน
อีกทั้งยังก่อให้เกิดความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบพหุพรรค (multiparty Democracy) ที่มีเสถียรภาพและเจริญงอกงามมายาวนานของแซมเบียจะหันไปสู่ระบบการสกัดกั้นและปราบปราม
“…ทุกวันนี้ เสรีภาพทางความคิด เสรีภาพของการพูดของประชาชนกำลังหดตัวลง…” (1)
นี่เป็นข้อสังเกตของ Gregory Chifire อดีตผู้อำนวยการองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นที่เคยถูกจับติดคุกนาน 6 ปีที่วิจารณ์รัฐบาลแซมเบียกับความสัมพันธ์ต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน
“…รัฐบาลมีความรับผิดชอบในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน…” (2)
นี่เป็นความเห็นของ Dora Siliya รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารของแซมเบีย ซึ่งเธอยังขยายความต่อไปอีกว่า รูปแบบของแซมเบียพัฒนาไม่เหมือนทั้งตะวันตกและแบบสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่แซมเบียพยายามใช้ส่วนที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่าย
การครอบงำทางเทคโนโลยีระดับโลก
มีคำถามว่า แซมเบียกำลังอยู่ส่วนไหนที่ใหญ่โตของการแข่งขันกันทางด้านเทคโนโลยี และการมีอิทธิพลในระดับโลกของทั้งสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน
จริงๆ แล้ว บริษัทต่างๆ จากทั้ง 2 ประเทศต่างขายผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีไปทั่วโลก
และบริษัทจีนกำลังเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่กว้างกว่าและถูกกว่าในประเทศต่างๆ นับจากแซมเบียในแอฟริกาถึงสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทพวกนี้ได้เปรียบตรงที่ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างเช่นแซมเบียกำลังหาวิธีพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีของตน
การแข่งขันระหว่าง 2 ฝ่ายมีความเสี่ยงให้เกิดการแบ่งแยกเป็น 2 ด้านของกำแพงเหล็กดิจิตอล
แนวโน้มการแบ่งออกเป็น 2 ด้านสังเกตเห็นได้แล้ว ส่วนที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์สั่งห้ามบริษัทหัวเว่ย (Huawei) และบริษัท ZTE ในการจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับระบบไร้สาย 5G ด้วยพื้นฐานของความมั่นคงแห่งชาติ
และประเทศแคนาดาจับกุมประธานเจ้าหน้าที่ทางการเงินของบริษัทหัวเว่ย นาง Meng Wanzhou เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กล่าวหาว่าเธอได้โกงธนาคารเพื่อละเมิดการแซงก์ชั่นอิหร่าน
ถึงแม้เธอได้รับการประกันตัวและบิดาของเธอซึ่งเป็นประธานบริษัทหัวเว่ย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ลูกสาวของเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังกล่าวยกย่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนเรื่องนี้บางเบาไประดับหนึ่ง
จีนกำลังส่งออกเทคโนโลยีการตรวจจับที่สลับซับซ้อนไปยังอย่างน้อย 18 ประเทศ ระบบนี้มีความสามารถระบุ “ภัยคุกคามต่างๆ” ต่อคำสั่งของรัฐ และทำให้ง่ายขึ้นในการสกัดกั้นเสรีภาพของการพูดในอีก 36 ประเทศ
เป็นไปได้ว่า พวกเขากำลังผ่านระบบคุณค่าต่างๆ เพื่อทำอย่างไรให้เทคโนโลยีควรจะปกครองสังคม สาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ในกลุ่มที่มีอันดับในเรื่องเสรีภาพของอินเตอร์เน็ตระดับชาติและเสรีภาพของสื่อเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
หากมองจากบทเรียนในอดีตสำหรับแซมเบีย ในครั้งแรกที่ชาติตะวันตกเข้ามา ชาติตะวันตกได้ขูดรีดเราจากทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ แต่เมื่อการเข้ามาของจีน จีนมักมีคำพูดดีๆ แบบมิตร ดังนั้น ทางรัฐบาลแซมเบียจึงกล่าวปกป้องการพึ่งพิงจีนที่เพิ่มมากขึ้น โครงการต่างๆ ของจีนก่อหนี้กับแซมเบียเป็นจำนวน 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 1 ใน 3 ของหนี้ต่างประเทศทั้งหมดของแกมเบีย
ดิจิตอล เทคโนโลยีก่อกำไรแต่สร้างหนี้ พัฒนาแต่ครอบงำในระดับเศรษฐกิจการเมืองโลก ที่น่าสนใจ ดิจิตอล เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือควบคุมทางสังคม พลเมืองต่อระเบียบและคำสั่งของรัฐพร้อมกันไปด้วย นี่เป็นเพียงเริ่มต้น แต่จะพัฒนาไปรวดเร็วและทรงพลังอย่างที่คาดไปถึง
Big Brother ตัวจริง
————————————————————————————————————————
(1) Jeff Muska (ed.) “The Digital Iron Curtain” Bloomberg Businessweek 14 January 2019 : 19
(2) Ibid.,
(3) Ibif., P.20