อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ชีวิตาในโลกใหม่ (6) เทศะแห่งอาณานิคมและกาละของผู้ปกครอง

นอกเหนือจากสตรีเพศที่เป็นกำลังสำคัญในโลกใหม่แล้ว เพศแห่งนักพรตเป็นอีกเพศหนึ่งที่มีกำลังสำคัญในการสร้างอาณานิคม

ว่าไปแล้ววัตถุประสงค์สำคัญของการออกเดินทางสู่โลกใหม่ข้อหนึ่งจากราชสำนักสเปนของพระนางเจ้าอิซาเบลล่านั่นคือการเผยแผ่ศาสนาและการขยายอาณาจักรของพระเป็นเจ้านั่นเอง

ในการเดินทางของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส บาทหลวง ลาส คาซาส-Las Casas คือผู้ที่บันทึกเหตุการณ์จำนวนมากที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นอย่างน่าสนใจ

และดูเหมือนบาทหลวงทั้งหลายจะทำหน้าที่ดังว่าเป็นเวลาอีกหลายร้อยปีต่อมา

มีหลายเหตุการณ์ที่เหล่านักบวชผู้เดินทางมาสู่โลกใหม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับพัฒนาการของอาณานิคมในดินแดนเหล่านั้น ทั้งในแง่ของการเป็นเครื่องมือในการกำจัดบุคคลไม่พึงประสงค์ด้วยการตั้งข้อหาไม่เคารพพระผู้เป็นเจ้าและเผาทั้งเป็นเพื่อสังเวยข้อหานั้น

หรือในแง่ที่หันหลักการทางศาสนาเข้าปกป้องคนอินเดียนพื้นถิ่นให้รอดพ้นจากการถูกสังหารล้างเผ่าพันธุ์

 

ภาพยนตร์เรื่อง The Mission ที่นำออกฉายใน 1986 ได้หยิบยกเหตุการณ์สำคัญดังว่าเหตุการณ์หนึ่งในศตวรรษที่ 18 เมื่อบาทหลวงเยซูอิตนามกาเบรียลได้เดินทางถึงรอยต่อระหว่างทางตอนเหนือของอาร์เจนตินาและทางตอนใต้ของปารากวัย

โดยเขามีภารกิจสร้างอารามเพื่อหาทางเปลี่ยนแปลงชนพื้นเมืองเผ่ากูอารานี่-Guaran ให้กลายเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่ดี

ชนเผ่านี้มีความพยายามต่อต้านคนนอกศาสนามาโดยตลอด

ดังฉากแรกของภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นภาพของนักบวชที่ถูกผูกเข้ากับท่อนไม้และปล่อยให้หล่นลงไปในน้ำตกอิกัวซูอันสูงชัน

หากแต่ความน่าสะพรึงกลัวที่ว่า หาได้ทำให้บาทหลวงกาเบรียลมีความย่อท้อ เขาดั้นด้นไปจนถึงดินแดนของพวกกูอารานี่ และเล่นเครื่องดนตรีโอโบะที่เขานำติดตัวมา

พวกชนเผ่ากูอารานี่ชื่นชอบเสียงจากโอโบะและท่าทีของเขา จนในที่สุดพวกเขายินยอมให้บาทหลวงกาเบรียลพำนักอยู่ในดินแดนนั้นได้

ช่วงเวลานั้นเอง กิจการค้าทาสที่เกิดจากการไล่ล่าพวกชนเผ่าที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และจับส่งกลับไปที่สเปนและดินแดนอื่นที่กำลังต้องการแรงงานได้รุ่งเรืองขึ้น

นักค้าทาสคนหนึ่งนาม โรดริโก้ เมนโดซ่า ผู้ซึ่งจับชนพื้นเมืองไม่เว้นแม้แต่ชาวกูอารานี่ ได้พลาดพลั้งสังหารน้องชายของเขาจากการดวลดาบ เขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิต

หากแต่บาทหลวงกาเบรียลผู้ผ่านไปพบเห็นเหตุการณ์นี้ได้ร้องขอการอภัยโทษเขาและขอโอกาสให้เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการไปทำงานเผยแผ่ศาสนาในป่าลึกแทน

เมนโดซ่าออกติดตามบาทหลวงกาเบรียลไป เขาถูกสั่งให้ไถ่โทษด้วยการต้องลากอาวุธประจำกายจำนวนมากอันหนักอึ้งไปตลอดทาง

และเมื่อเข้าเขตของพวกกูอารานี่ เขาก็ถูกจดจำได้ ชนเผ่ากูอารานี่จะทำร้ายเขา หากแต่ท่าทีอันสำนึกผิดทำให้พวกนั้นเปลี่ยนใจและยินยอมให้เขาอาศัยร่วมกับบาทหลวงกาเบรียล

เมนโดซ่าออกบวชเป็นบาทหลวงเยซูอิต และเริ่มต้นงานเผยแผ่ศาสนาอย่างจริงจัง

 

ทว่า กิจการเผยแผ่ศาสนาของคณะเยซูอิตนั้นต้องดำเนินไปได้ภายใต้กฎบัตรแห่งแมดริดที่ประกาศในปี 1750 ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างกษัตริย์เฟอร์ดินันด์ที่หกแห่งสเปนกับกษัตริย์จอห์นที่ห้าแห่งโปรตุเกสเพื่อยุติการกระทำสงครามระหว่างสองประเทศเพื่อแย่งดินแดนในโลกใหม่ในเขตแม่น้ำอุรุกวัย (ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศบราซิลที่ใช้ภาษาโปรตุเกส)

และผลของสนธิสัญญานี้ก่อให้เกิดปัญหาอย่างมาก เขตแดนใหม่ของอารามและพวกกูราอานี่ตกอยู่ภายใต้พื้นที่ปกครองของพวกโปรตุเกสซึ่งอนุญาตให้จับชนพื้นเมืองเป็นสินค้าทาสได้โดยเสรี และอารามของพวกเยซูอิตต้องออกจากดินแดนนี้ไป

หากแต่บาทหลวงกาเบรียลผู้เห็นว่าชนเผ่าเหล่านี้ได้รับความเชื่อเป็นชาวคริสเตียนที่ดีแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องอพยพออกจากดินแดนอันเป็นบ้านเกิดของเขา

ความขัดแย้งที่ว่านี้ได้รับการล่วงรู้ไปถึงนครวาติกันและทำให้ทางวาติกันต้องส่งพระคาร์ดินัลอัลตร้ามิราโน่จากคณะเยซูอิตให้เดินทางมาระงับข้อพิพาทนี้เสีย

 

เมื่อเดินทางมาถึง พระคาร์ดินัลอัลตร้ามิราโน่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการตัดสินใจ หากต้องการให้อาณานิคมในโลกใหม่มีการเจริญสืบเนื่องต่อไป เขาจำต้องเลือกเอาการอพยพอารามและนักบวชชาวเยซูอิตทั้งหมดออกจากพื้นที่ ซึ่งนั่นหมายความว่าจะต้องปล่อยให้เหล่าชนพื้นเมืองชาวกูอารานี่กลายเป็นทาส

แต่หากเขายืนกรานที่จะธำรงอารามแห่งนี้ไว้เพื่อพิทักษณ์ชาวกูอารานี่ นั่นหมายถึงการที่เขาประกาศความแข็งขืนต่อการปกครองของพวกโปรตุเกสและจะส่งผลต่อแผนการการเผยแผ่ศาสนาในดินแดนโลกใหม่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากราชสำนักสเปนด้วย

สิ่งหนึ่งที่คาร์ดินัลอัลตร้ามิราโน่ให้ความสนใจคืออารามแห่งนี้สามารถจัดระเบียบชนเผ่ากูอารานี่ได้อย่างน่าทึ่ง พวกเขาเพาะปลูกพืชผลของตนเอง และเป็นศาสนิกที่แข็งขัน

ในที่สุดคาร์ดินัลยอมรับข้อเสนอบาทหลวงกาเบรียลที่จะดำรงอยู่ในพื้นที่ต่อไป

หากแต่ว่าพวกเขาต้องปกป้องหรือแก้ปัญหาข้อนี้ด้วยตนเองโดยปราศจากการแทรกแซงจากศาสนจักร

 

บาทหลวงกาเบรียลเลือกวิถีทางแห่งสันติ ท่านเริ่มต้นการเกลี้ยกล่อมพวกกูอารานี่ให้อพยพออกจากพื้นที่โดยอ้างว่าเป็นพระประสงค์แห่งพระจ้า หากแต่พวกกูอารานี่กลับอ้างว่าหากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าจริง พระเจ้าย่อมต้องการให้พวกเขาเติบโตในดินแดนที่ศาสนายังเดินทางมาไม่ถึงมากกว่า

ในขณะที่บาทหลวง โรดริโก้ เมนโดซ่า เชื่อว่าสันติวิธีไม่ใช่หนทางแก้ไขหรือเอาตัวรอดจากการโจมตีของกองทัพโปรตุเกสที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนัก เขาตัดสินใจวางพระคัมภีร์ หยิบอาวุธและเริ่มต้นสอนการใช้อาวุธทันสมัยและการป้องกันตัวแก่พวกกูอารานี่

เมื่อการโจมตีมาถึง การป้องกันตัวของบาทหลวงเมนโดซ่าไม่อาจต้านทานได้ เขาถูกสังหารพร้อมกับพวกนักรบกูอารานี่

กองทหารบุกเข้าไปถึงอารามและลังเลที่จะเผาโบสถ์แห่งนั้นทิ้งเสีย

ชั่วเวลานั้นเอง บาทหลวงกาเบรียลนำเด็กและผู้หญิงเดินมุ่งหน้าสู่กองทหารพร้อมกับขับร้องเพลงบูชาพระผู้เป็นเจ้าไปด้วย

ผู้นำกองทัพตัดสินใจลั่นกระสุนใส่บาทหลวงกาเบรียลและคนที่เหลืออยู่เป็นการปิดฉากภารกิจเผยแผ่ศาสนาในดินแดนแห่งนี้

คำพูดสำคัญที่ผู้ปกครองอาณานิคมโปรตุเกสคือ ดอน ฮอนต้าร์ พูดกับพระคาร์ดินัลอัลตร้ามิราโน่คือ

“หากเราหวังจะสร้างโลกใหม่ เราต้องจัดการโลกตามความเป็นจริง”

 

เหตุการณ์ในภาพยนตร์สร้างจากเรื่องจริงว่าด้วยประวัติศาสตร์การเผยแผ่ศาสนาของบาทหลวงคณะเยซูอิต ที่เริ่มต้นขึ้นในดินแดนบริเวณนี้นับแต่ต้นศตวรรษที่สิบเจ็ดโดยคาตัลดิโน่และมาร์เชลาต้า บาทหลวงเยซูอิตสองคนที่เดินทางเข้าไปพบพวกกูอารานี่ในปี 1610 และเริ่มต้นการสร้างอารามในดินแดนเหล่านั้น

หลังจากนั้นอารามของคณะเยซูอิตคือสถานที่ปลอดภัยจากการถูกจับไปเป็นทาสของชาวกูอารานี่ การโจมตีเพื่อขับไล่บาทหลวงเยซูอิตและจับกุมพวกกูอารานี่มีอยู่เสมอจากกองกำลังของผู้ตั้งอาณานิคม หากแต่สงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 1756 หลังสนธิสัญญาแมดริดมีผลบังคับใช้

เช้าวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1756 กองกำลังโปรตุเกสและสเปนที่ผสมกันกว่าสามพันนายบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของพวกกูอารานี่ที่ไคโบเต้-Caiboat?

สงครามครั้งนี้เรียกว่าสงครามกูอารานี่ ว่ากันว่ามีชาวกูอารานี่เสียชีวิตไปถึง 1,500 คน และมีบาทหลวงที่คอยปกป้องเขาเสียชีวิตไปสี่คน

สงครามครั้งนี้ส่งผลให้ราชสำนักสเปนตัดสินใจไม่สนับสนุนการเผยแผ่ศาสนาของคณะเยซูอิตอีกต่อไป

ปี 1767 บาทหลวงคณะเยซูอิตถูกสั่งให้กลับประเทศ คำสั่งที่ว่านี้เกรงจะมีการขัดขืน ทางผู้สำเร็จราชการสเปนจึงสั่งกองกำลังกว่าห้าร้อยนายเข้าบังคับการอพยพของเหล่าบาทหลวงเยซูอิต หากแต่ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

บาทหลวงเยซูอิตกว่า 14,000 นายในโลกใหม่ยอมออกจากดินแดนโดยดี

 

คณะเผยแผ่ศาสนาที่ถูกคัดเลือกให้เผยแผ่ศาสนาแทนคือคณะฟรานซิสกัน แต่แม้จะดำเนินการตามแบบแผนที่เคยมีมาของคณะเยซูอิต การเผยแผ่ศาสนาของคณะฟรานซิสกันกลับประสบผลสำเร็จน้อยลงจนในที่สุดชนเผ่ากูอารานี่แทบไม่มีการเข้ารีตเพิ่มขึ้นเลย

โบสถ์และอารามจำนวนมากถูกทิ้งร้าง และในที่สุดกิจการด้านพระศาสนาเพื่อเผยแผ่ศาสนจักรในดินแดนเหล่านี้ก็จบสิ้นลง

บาทหลวงคณะเยซูอิตนั้นก่อตั้งขึ้นในปี 1540 โดยนักบุญ อิกนาทิอุส แห่ง โลโยล่า-Ignatius of Loyola หลังจากที่ท่านได้รับความบาดเจ็บจากสงครามที่แพมโพน่ากับพวกฝรั่งเศส นักบุญอิกนาทิอุสนั้นเป็นนักรบชาวสเปนที่ฝักใฝ่ในการสงครามอย่างมาก

หากแต่ความบาดเจ็บครั้งนั้นทำให้ท่านได้พบกับกระแสเรียกของพระเจ้าและเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นนักบวชในที่สุด

หลักการในการเผยแผ่ศาสนาของท่านคือ Ad Maiorem Dei Gloriam ที่แปลความได้ว่าเพื่อพระหรรษทานของพระผู้เป็นเจ้า

อันมีความหมายว่ากิจการใดๆ ที่ไม่เป็นเรื่องเลวร้ายและทำให้จิตวิญญาณของผู้ได้รับการสมาทานหลักธรรมเจริญงอกงามขึ้น

กิจการนั้นสมควรกระทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากกิจการนั้นต้องอาศัยความทุ่มเทอย่างยิ่งยวดแล้ว กิจการนั้นยิ่งควรค่าแก่การส่งเสริม ในช่วงสมัยแห่งการสำรวจโลกใหม่

คณะเยซูอิตที่ก่อตั้งขึ้นราวห้าสิบปีหลังการเดินทางของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส อาศัยความยึดมั่นในหลักการนี้ออกผจญภัยไปกับเหล่านักรบและพ่อค้าที่เดินทางไปสู่ดินแดนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในทวีปอเมริกา หรือแม้แต่ในทวีปเอเชียก็ตาม

ช่วงเวลาเพียงสองร้อยปีก่อนที่คณะเยซูอิตจักถูกขับออกจากโลกใหม่

บาทหลวงเหล่านี้สามารถสร้างผู้ศรัทธาได้มากกว่าแสนคน