ด้วยภาระหน้าที่หัวหน้าข่าว “รถยนต์” หรือ “ยานยนต์” หนังสือพิมพ์ข่าวสด และคอลัมน์นิสต์ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ทำให้ผมมีโอกาสเดินทางไปร่วมทดสอบรถหรือเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ของค่ายรถยนต์ในหลายประเทศ

“ญี่ปุ่น” ถือเป็นประเทศที่ไปบ่อยถึงบ่อยมาก เรียกว่าแทบทุกปีล่ะครับ

แต่เนื่องจากควบตำแหน่งหัวหน้าข่าว “เศรษฐกิจ” หนังสือพิมพ์ข่าวสด ด้วย ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศหลายๆ วัน ไม่สะดวกมากนัก

ผมจึงเลือกที่จะเดินทางไปเพียงปีละครั้ง หรือบางปีก็ไม่ได้ไป

ที่ไปประจำคืองาน “โตเกียว มอเตอร์โชว์” ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี เพื่ออัพเดตนวัตกรรมใหม่ๆ ในวงการรถยนต์ระดับโลก และมองแนวโน้มรถจากค่ายต่างๆ ที่จะมาบ้านเราในอนาคต

ส่วนปีที่ไม่มีงาน “โตเกียว มอเตอร์โชว์” อาจไปทดสอบรถยนต์ หรือชมงานคาร์โชว์ในประเทศอื่น

ปีนี้ไม่มีงาน “โตเกียว มอเตอร์โชว์” ก่อนหน้านี้คิดว่าคงไม่ได้ไปไหนแล้ว

จนช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้รับเชิญจาก “โตโยต้า” ประเทศไทย ไปร่วมชมและเชียร์ 2 นักแข่งไทย “สุพงศ์ ขำต้นวงษ์” และ “นิวัฒน์ กลิ่นจำปา” นักแข่งรายการ “โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2016” ซึ่งทำคะแนนสูงสุดในรุ่น “โคโรลล่า อัลติส วันเมคเรซ” คว้าสิทธิ์ไปแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “TOYOTA Gazoo Racing Netz Cup Vitz Race 2016”

ปีนี้ถือว่าแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา เนื่องจากปกติแล้วนักแข่งไทยจะไปร่วมชิงชัยในนัดชิงชนะเลิศที่ “ฟูจิ สปีดเวย์” สนามแข่งเลื่องชื่อของญี่ปุ่น ร่วมกับตัวแทนระดับภาคของญี่ปุ่นที่แข่งเก็บคะแนนมาก่อนหน้านี้

แต่เนื่องจากปีนี้เลื่อนการแข่งขัน “โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2016” สนามสุดท้าย ที่บางแสน ไปเป็นต้นปีหน้า เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์

ทำให้จังหวะเวลาไปชนกับนัดชิงชนะเลิศที่ “ฟูจิ สปีดเวย์” พอดี กอปรกับการแข่งขันเก็บคะแนน “โตโยต้า มอเตอร์สปอร์ต 2016” ที่ผ่านมา “สุพงศ์ ขำต้นวงษ์” และ “นิวัฒน์ กลิ่นจำปา” มีคะแนนนำคู่แข่งขาดลอย จึงคว้าสิทธิ์ไปก่อนจบสนามสุดท้าย

โตโยต้า ส่ง 2 นักแข่งไทยไปร่วมชิงชัยในการแข่งขันระดับภูมิภาคที่ญี่ปุ่นแทน เรียกว่าขอ “แจม” เพื่อหาประสบการณ์

“TOYOTA Gazoo Racing Netz Cup Vitz Race 2016” รอบคัดเลือกระดับภูมิภาค ที่ 2 นักแข่งไทยลงสนามด้วยนี้จัดขึ้นที่สนามออโตโปลิส อินเตอร์เนชั่นแนล จังหวัดโออิตะ เกาะคิวชู ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น

 

กการเดินทางไปครั้งนี้มีรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างเยอะ จึงขอแบ่งออกเป็น 2 ตอน

ทริปนี้ไปกันกว่า 30 ชีวิต ทีมประชาสัมพันธ์โตโยต้า ไปกันหลายคน

คณะทั้งหมดบินจากเมืองไทยตอนกลางคืนถึงสนามบินเมืองฟุกุโอกะ ตอนเช้า

ที่ไปฟุกุโอกะ เนื่องจากเป็นเมืองหลักของเกาะคิวชู ใกล้กับสถานที่แข่งขันนั่นเอง

ถือเป็นครั้งแรกของผมที่มาเมืองนี้ เพราะที่ผ่านมาเวลาไปญี่ปุ่น หลักๆ ไม่พ้นโตเกียว โอซาก้า หรือนาโกย่า จ.ไอจิ

เมืองฟุกุโอกะ มีเรื่องก่อนที่คณะของโตโยต้าจะบินไป คือถนนถล่มเป็นหลุมขนาดใหญ่กลางเมือง เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก รวมทั้งเมืองไทย

ที่น่าทึ่งกว่าคือหลุมที่ลึกกว่า 10 เมตร กว้างหลายสิบเมตร ญี่ปุ่นซ่อมเสร็จในเวลาแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น

ช่วงที่ผมไปเมืองฟุกุโอกะ มีโอกาสไปดูจุดเกิดเหตุด้วย มีเรื่องราวน่าสนใจหลายอย่าง ขอติดเอาไว้เล่าให้ฟังตอนจบสัปดาห์หน้านะครับ

ตอนแรกนี้ขอเน้นไปที่บรรยากาศการแข่งขันเป็นหลัก

สนามออโตโปลิส อินเตอร์เนชั่นแนล ที่จัดการแข่งขันรอบคัดเลือก “TOYOTA Gazoo Racing Netz Cup Vitz Race 2016” เป็นสนามสวยเอาเรื่องเพราะตั้งอยู่บนภูเขา ความยาว 4.76 กิโลเมตร มีมากถึง 18 โค้ง

การขับขี่ไม่ง่ายเพราะเป็นทางขึ้น-ลงเขาตลอด

แม้จะมีทางตรงให้ซัดกันยาวๆ แต่ด้วยการแข่งขันที่ใช้รถยนต์ “โตโยต้า วิทช์” หรือ “ยาริส” ชื่อที่เรียกในบ้านเรา เป็นรถซิตี้คาร์ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เท่ากันทุกคัน จึงยากที่จะแซงกันได้ในทางตรง ต้องไปใช้ฝีมือชิงจังหวะในทางโค้งมากกว่า

ตามกำหนดเดิมจะแข่งรอบควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับการออกสตาร์ตในช่วงเช้า และแข่งจริงตอนเที่ยง

แต่เกิดปัญหาเนื่องจากหมอกลงจัดจึงเลื่อนรอบควอลิฟาย มาเรื่อยๆ ซัดเข้าไปราวๆ เที่ยงนั่นแหละกว่าจะได้ลงสนาม และแข่งจริงในตอนเย็น

ก่อนแข่งขัน “สุทธิพงษ์ สมิตชาติ” นักแข่งระดับปรมาจารย์ที่คว่ำหวอดในวงการแข่งรถที่ญี่ปุ่น และเป็นผู้จัดการทีม “Toyota Team Thailand” แนะทริกการแข่งขันให้ 2 นักแข่งของไทย

แต่ย้ำว่าการแข่งนัดนี้ไทยมาในฐานะ “เข้าร่วม” เพื่อหาประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีผลในการเก็บคะแนนใดๆ และตกลงกับฝ่ายจัดการแข่งว่านักขับของไทยจะไม่เสี่ยงเกินไป เพราะไม่ต้องการให้กระทบกับการจัดอันดับของนักแข่งญี่ปุ่น

ก่อนแข่งรอบควอลิฟาย ให้นักแข่งแต่ละคนทดลองซ้อมขับบนสนามจริงก่อน นักแข่งไทยทำเวลาได้เยี่ยมยอด

“สุพงศ์ ขำต้นวงษ์” ในรถหมายเลข 122 ทำเวลาเข้ามาเป็นอันดับ 2 ขณะที่ “นิวัฒน์ กลิ่นจำปา” ควบรถหมายเลข 222 เข้ามาอันดับ 9 จากรถที่เข้าแข่งทั้งหมด 17 คัน

แต่หลังจากรอบซ้อม หมอกก็มารบกวนอีกจนต้องพักอีกครู่ใหญ่ๆ ก่อนจะแข่งรอบควอลิฟาย

“สุพงศ์ ขำต้นวงษ์” ได้อันดับที่ 6 ขณะที่คู่บัดดี้ได้อันดับ 11

จากนั้นพักเตรียมความพร้อมอีกหลายชั่วโมง

ระหว่างนั้น 2 นักแข่งมาเปิดใจกับสื่อมวลชนไทยในห้องรับรอง

“สุพงศ์ ขำต้นวงษ์” เปิดใจว่าผลควอลิฟายออกมาเป็นที่น่าพอใจ แม้จะอยู่ในอันดับที่หก แต่หากดูจากเวลาไม่หนีจากผู้นำในอันดับหนึ่งมากนัก

ส่วน “นิวัฒน์ กลิ่นจำปา” ยอมรับว่าทำเวลาได้ไม่ดีเพราะสภาพสนามที่ค่อนข้างยาก บวกกับหมอกลงจัด แต่หากดูเวลาแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ

ระหว่างรอการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ หมอกลงมาเป็นพักๆ สลับกับฟ้าเปิด

ทีมผู้จัดการแข่งขันส่งรถออกวิ่งหลายรอบเพื่อตรวจความพร้อม

ในที่สุดก็ไฟเขียวให้เริ่มการแข่งขันได้ โดยวิ่งทั้งหมด 9 รอบสนาม

การแข่งขันถือว่าสนุกทีเดียว โดยเฉพาะ “สุพงศ์ ขำต้นวงษ์” ทำได้ดีเพราะผ่านไปไม่กี่รอบก็บดบี้ขยับจากอันดับ 6 มาอันดับ 5 และเร่งเครื่องสู้กับอันดับ 4 อย่างสนุก กลายเป็นคู่ที่กล้องถ่ายทอดสดจับภาพมากที่สุด เนื่องจากอันดับ 1-2-3 ทิ้งไปค่อนข้างห่าง

“สุพงศ์ ขำต้นวงษ์” ฉวยจังหวะเข้าในทางโค้งแซงเบียดขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ได้สำเร็จ แต่ผ่านไปไม่กี่โค้งก็โดนคู่แข่งขับรถกระแทกจนกันชนหลังแทบหลุด หล่นไปอยู่อันดับ 5

และเพราะความไม่สมบูรณ์ของรถทำให้โดนแซงไปอีก

กระทั่งวิ่งผ่านธงตราหมากรุกเป็นอันดับ 6 ตามตำแหน่งควอลิฟาย ส่วน “นิวัฒน์ กลิ่นจำปา” เข้ามาเป็นอันดับ 11

สัปดาห์หน้ายังอยู่ที่ฟุกุโอกะ และอีกหลายเมืองของเกาะคิวชู