“ปชต.”ให้อะไรมากกว่าคิด โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

—————-

“ปชต.”ให้อะไรมากกว่าคิด

—————–

ถ้าจะให้ทาย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตอบรับคำสู่ขอ ของ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เมื่อใด

ดูตาม “วัตรปฏิบัติ”

ที่ แม้แต่สถานที่ “สู่ขอ” ยังอุตส่าห์ ใช้ ห้องสีม่วง ทำเนียบรัฐบาลแม้จะมีวงเล็บ (นอกเวลาราชการ)

แต่แสดงว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ เก็บทุกเม็ด

ดังนั้นจึงทายได้ไม่ยาก ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะให้คำตอบพรรคพปชร.เมื่อใด

ฟันธงไปเลยไม่ 7หรือก็ 8 กุมภาพันธ์ โน่นแหละ

เพราะ หลังจากคำสู่ขอ วันที่ 2-7 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีเวลาใช้เวลาอันมีค่านั้น “หาเสียง”

ว่าที่จริงจะใช้คำว่า หาเสียงไม่ได้สิ เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ มีการย้ำนักย้ำหนาว่าการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไม่ใช่การหาเสียง

เอาเป็นว่า เป็นการบริหารราชการเพื่อความนิยมก็แล้วกัน

จึง เชื่อว่า ระหว่าง 2-7 กุมภาพันธ์ คงบริหารราชการเพื่อความนิยม กันอุตลุด

ส่วนหลังจากวันที่ 8 กุมภาพันธ์ แล้ว จะเป็นอย่างไร

ไม่ยาก ให้ตัดความเห็น รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาน นายวิษณุ เครืองาม แปะข้างฝาไว้

” หากพล.อ.ประยุทธ์ ยอมให้ใส่ชื่อในบัญชีนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถหาเสียงได้ทั้งในและนอกเวลาราชการ”

ซึ่งก็ชัดเจนนะ

แต่อย่างที่ว่านั่นแหละอาจมีการอ้าง “หมวกนายกรัฐมนตรี” ที่จะสามารถปฏิบัติภาระกิจเพื่อประชาชนได้อยู่

จึงอาจใช้ รู นี้ เลื้อยไปเก็บคะแนนนิยม

แต่ก็คงทำบุ่มบ่าม หรือทำตามใจตัวเอง ไม่ได้

เราถึงได้ยินคำสั่ง ให้นายวิษณุ รวมถึงหน่วยงานกฎหมายของรัฐ ทั้งหลายไปดูข้อกฎหมายว่าอันไหนทำได้ ไม่ได้บ้าง

รวมถึง ให้นายวิษณุ เชิญ คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต) มาช่วยให้คำชี้แนะและตีกรอบหน่อยว่าสิ่งไหนทำได้-ไม่ได้

ซึ่งก็ต้องชม จุดยืนของ นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการกกต. ที่ให้สัมภาษณ์ ภายหลังหารือกับนายวิษณุว่า

“ผมได้ปฏิเสธแล้ว กกต.ไม่รับหารือ เนื่องจากการกระทำผิดบางเรื่องอยู่ในอำนาจกกต. แต่บางเรื่องอยู่ในอำนาจศาลจะพิจารณา หากมีผู้ร้องต่อศาล ศาลจะวินิจฉัย ดังนั้น กกต.จะไม่วินิจฉัยก่อนจนมีการร้องขึ้นมา เมื่อเคสยังไม่เกิด กติกามันหยุมหยิมมาก รอให้เคสเกิดขึ้นมาค่อยว่ากัน ซึ่งกกต.มีแนวทางการทำงานแบบนี้”

ถือเป็นหลักเป็นการดี

เพราะเกิดไปกำหนดกรอบ แล้วมีใครไปหาประโยชน์ตรงนั้น รับรอง กกต.พัง

รอให้เกิดปัญหาก่อนค่อนว่ากันดีที่สุด

ส่วนประชาชนตาดำๆ จะมีท่าทีอย่างไร

ควรตะโกน บอก นายกฯเป็นกลางหน่อยๆๆ ให้เสียงแหบเสียงแห้งหรือไม่

แนะนำให้ ยึดหลัก อาจารย์สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ให้ความเห็นไว้ในข่าวสด ฉบับวันที่ 25 มกราคม ก็ไม่เลว

คือ

“ปล่อยเขาไปเถอะ ประชาชนตัดสินเองว่าเป็นการเอาเปรียบหรือไม่เอาเปรียบ

…คนในรัฐบาลก็อายุขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องไปสอนอะไรแล้ว

…สังคมจะสั่งสอนเอง ตอนไปเลือกตั้ง ถ้าประชาชนเห็นว่าเอาเปรียบก็จะเสื่อมความนิยมไปเอง ประชาชนก็ไม่เลือก แต่ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องปกติเขาก็เทคะแนนให้”

ง่ายๆงามๆ

คำอธิบาย(ผสมอารมณ์ปูดๆ)เรื่องไม่ลาออกจากนายกฯ เรื่อง 4 รมต. และคำแก้ต่าง ต่างๆ นานานั้น

ให้เชื่ออย่างอาจารย์สุขุมบอกคือ ประชาชนเขาฟังออก และสั่งสอนเองได้

เราถึงเห็นการออกมา”ขอโทษ”และคง”ขอโทษ”กันอีกหลายครั้ง

จึงขอให้เชื่อเถิด การเมือง(ประชาธิปไตย) ให้อะไรมากกว่าที่(ทหาร)คิด