ย้อนเหตุการณ์- วิเคราะห์ “ปชป.” ปิดเกาะเสม็ดเคลียร์ใจ แค่พักยกขัดแย้ง หรือรอแตกหัก ?

พรรคเก่าแก่ 74 ปี อย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายใต้การนำของทีมอเวนเจอร์ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. และ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค ปชป.

ยกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในส่วนที่เป็น ส.ส. และ ส.ส.ทั้ง 52 เสียงของพรรคไปสัมมนา จับเข่าเคลียร์ปัญหา ล้างใจกัน ที่โรงแรมแกรนด์วิว รีสอร์ท บนเกาะเสม็ด จ.ระยอง ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยกันอย่างเปิดอกถึงปัญหาการนำของแกนนำพรรคตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตลอดจนความสัมพันธ์กับ ส.ส.ภายในพรรค

ตามธรรมเนียมของพรรค ปชป.ที่มีเอกภาพความเป็นพรรคสูง เมื่อมีเรื่องใดภายในพรรคหรือจะหามติข้อสรุปเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะต้องมาคุยกันภายในพรรค เมื่อมีมติพรรคออกมาแล้วทุกอย่างจะต้องจบ

แต่ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ ตลอดจนการสื่อสารระหว่างแกนนำพรรคกับ ส.ส. ค่อนข้างจะห่างกัน เสียงสะท้อนของ ส.ส.มักส่งไปไม่ถึงแกนนำและผู้บริหารของพรรค

ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ ส.ส.และสมาชิกพรรค ปชป.ไหลออกจากพรรค ไปตั้งพรรคใหม่ ส.ส.บางกลุ่มก็ดอดไปกินข้าวกับอดีตแกนนำพรรค ปชป.กันอย่างเปิดเผย

สัญญาณดังกล่าวทำให้ผู้บริหารพรรค ปชป.ต้องยกคณะกันไปสัมมนาเคลียร์ใจกันถึงเกาะเสม็ด

แม้ผลการพูดคุยทางฝั่งของแกนนำพรรคอย่าง “จุรินทร์” จะออกมายืนยันว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี เป็นการพูดคุยกันแบบสบายๆ และถือเป็นการมาชาร์จแบตร่วมกันด้วย

คิดว่าจะหาโอกาสจัดให้มีการพบปะกันแบบนี้บ่อยขึ้น และผลที่ปรากฏออกมาก็ถือว่าทุกคนช่วยกันระดมความคิดเห็นในการช่วยหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะช่วยกันพาพรรคไปข้างหน้า นำไปสู่การพัฒนาเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้นได้

ข้อสรุปที่เห็นตรงกันอย่างน้อยที่สุดก็คือ คิดว่าประชาชนและสมาชิกพรรคทั้งประเทศอยากเห็นผลงานของพรรคที่ปรากฏเป็นรูปธรรม รวมถึงความเป็นเอกภาพภายในพรรค

ทั้งสองข้อนี้เป็นประเด็นที่มีความสำคัญ ทุกคนพยายามร่วมมือร่วมใจกันเพื่อแสดงความคิดเห็น ให้เดินไปสู่เป้าหมายนี้

และจะทำอย่างไรให้ประชาธิปัตย์เข้าไปนั่งในหัวใจของประชาชนได้อีกครั้งหนึ่ง

ส่วนที่ กก.บห.บางคนรู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้มาร่วมสัมมนาด้วย เหมือนกับผู้บริหารพรรคไม่ให้ความสำคัญนั้น “หัวหน้าจุรินทร์” ยืนยันว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการสัมมนาระหว่าง ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรควงหนึ่งเท่านั้น

และในการประชุมใหญ่สามัญวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ คงได้พูดคุยอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง

ทุกคนเป็นเจ้าของพรรค มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น หากอะไรมีความไม่เข้าใจอยู่บ้าง ก็จะได้ชี้แจงให้เข้าใจ และคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ฟังเหตุผลกัน พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีผลงานจับต้องได้เป็นรูปธรรม บวกความเป็นเอกภาพ

ทุกคนทราบแล้วว่าอะไรเป็นอย่างไร

โดยผลการพูดคุยระหว่างแกนนำพรรคกับ ส.ส.ได้ข้อสรุปถึงทิศทางการเดินหน้าของพรรคไว้ 4 ข้อ คือ

1. จะมีการทำโพล สำรวจกระแสความนิยมของพรรคในทุกระดับภายใน 1 เดือน

2. จะมีการประเมินผลการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคทุกคนภายใน 2 สัปดาห์

3. จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบการสื่อสารของพรรคใหม่ในทันที โดยเฉพาะสื่อทางโซเชียลมีเดียทั้งหมด

4. จะสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ของ ส.ส.ทุกคนอย่างเต็มที่

ขณะที่แม่บ้านพรรคอย่าง “เฉลิมชัย” รับปากว่า การให้ ส.ส.เปิดใจถึงวิธีการที่จะทำให้ประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้า และเป็นการยุติสิ่งต่างๆ ที่เคยปรากฏในหน้าสื่อ ส่วนข้อเรียกร้องของ ส.ส.ที่อยากให้พรรคสำรวจความคิดเห็นคะแนนนิยมของพรรค จะมีการตั้งคณะทำงานและให้ ส.ส.มีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย โดยอีก 1-2 เดือนก็จะเห็นผล

รวมทั้ง ส.ส.อยากเห็นรัฐมนตรีของพรรคทำงานร่วมกับ ส.ส.ให้มากขึ้น

ซึ่ง “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราช สะท้อนความเห็นต่อแกนนำพรรคว่า ข้อเสนอในการทำพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และเป็นพรรคขั้วการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนก็ตาม แต่ถ้าหากเงื่อนไข 4 ข้อ ที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ยืนยันต่อที่ประชุมสามารถปฏิบัติได้เป็นจริงทุกข้อ โจทย์ของการกอบกู้พรรคให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมก็มีความเป็นไปได้สูง

ไม่ได้ติดใจในคำตอบต่อข้อเสนอ เรื่องการจะทำพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นพรรคขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ในที่ประชุมสัมมนาขอให้สมาชิกพรรค ผู้สนับสนุนพรรคได้มีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรค และแนวทางการต่อสู้ทางการเมืองของพรรคเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งพร้อมเป็นคนหนึ่งที่จะขอต่อสู้ทางการเมืองตามอุดมการณ์ของพรรค

และจะพิทักษ์ไว้ซึ่งอุดมการณ์ในการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบอย่างเคร่งครัดต่อไป

เช่นเดียวกับ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง ระบุถึงข้อเสนอผ่านไปยังแกนนำพรรคอย่างตรงไปตรงมาว่า การพูดมีหลายเรื่อง ทั้งการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในภาพรวม การเตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น

ประเด็นที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราคือเรื่องทิศทางและยุทธศาสตร์ของพรรคนับจากวันนี้ไปถึงอนาคตว่าจะต้องเป็นอย่างไร เพราะ ส.ส.และสมาชิกพรรคหลายคนมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ขับเคลื่อนไปอย่างไม่มียุทธศาสตร์ชัดเจน จึงต้องการให้ทุกคนที่มาร่วมสัมมนาช่วยกันคิดระดมสมองกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคที่ชัดเจน รวมทั้งการสะท้อนปัญหาการทำงานในพื้นที่ด้วย เพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งที่พรรคทำไปนั้นเข้าตาประชาชนหรือไม่

เพราะสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่าง พรรคพลังประชารัฐมีการปรับเปลี่ยนดุลอำนาจภายในของตัวเองอย่างรุนแรง มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาเป็นหัวหน้าพรรค สื่อให้เห็นว่าอำนาจฝ่ายรัฐมีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ ที่ร่วมรัฐบาลด้วยกัน ก็ยังเป็นคู่แข่งที่มีการรุกคืบพยายามยึดฐานเสียงของประชาธิปัตย์มากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องมาพูดคุยถึงประเด็นทั้งหมดนี้อย่างจริงจัง ทุกคนต้องเปลี่ยนแว่นตาในการมองการเมืองยุคใหม่ เลิกใช้ประสบการณ์เก่าๆ มามองการเมืองในตอนนี้ได้แล้ว

วงสัมมนาพรรค ปชป.ที่เกาะเสม็ด ที่ดูเหมือนเคลียร์ใจกันได้ส่วนหนึ่ง แต่ลึกๆ แล้วปัญหาภายในพรรค ปชป.คงยังไม่จบง่ายๆ

เพียงแค่รอบนี้ทางฝั่งแกนนำพรรคยอมรับเงื่อนไขขอไปปรับจูนพรรคให้ดีขึ้นภายใน 2 เดือนข้างหน้า

เมื่อถึงเวลา ครบตามเดดไลน์ หากเรตติ้งของพรรค ปชป.ยังไม่ฟื้น ศึกภายในพรรคสีฟ้าคงจะปะทุขึ้นอีกรอบ

คราวนี้อาจถึงขั้นแตกหัก