กาละแมร์ พัชรศรี : ต่างกันที่ใจ

คนเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น มีความต่างกันนิดเดียว

ตรงไหนรู้ไหม…

ตรงที่ “ใจ” ใครเป็นอย่างไร แค่นั้นเอง

บ่อยครั้งที่ฉันเขียนข้อความเป็นข้อคิด ข้อความให้กำลังใจและส่งพลังดีไปให้ผู้คนที่ติดตามฉันผ่านทางโซเชียลมีเดีย

ฉันจะได้เห็นปฏิกิริยาตอบกลับแบบที่สะท้อนตัว9นของคนที่เขียนมาอย่างชัดเจน

ส่วนใหญ่ที่ตอบกลับมาคือ “ขอบคุณ” “รู้ทางออกแล้ว” “จะเอาไปทำ” “มีกำลังใจขึ้นมาเลย”

แต่ก็มีบางส่วนที่บอกว่า “ชีวิตเกิดมาแย่” “ต้นทุoชีวิตต่ำ” “หนี้สินมากมาย” “ต้องเลี้ยงลูกลำพัง สามีหนีหาย” “พ่อแม่ตายอยู่อย่างลำบาก” “หน้าตาไม่สวยใช้ชีวิตยาก” แล้วแต่จะหามาบอก

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจว่าทำไมชีวิตคนที่บ่นแบบอย่างหลัง เป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

เพราะเขามัวแต่พร่ำบ่นและโทษคนอื่น

ถ้าเขาได้ลองหยุดนิ่ง ตั้งสติ อยู่กับตัวเอง และใช้ปัญญาวิเคราะห์ว่า แล้วเราจะต้องทำอย่างไรดี มันมีทางไหนบ้างนะ มีใครบ้างนะ เราทำอะไรได้บ้างนะ ศักยภาพ ความสามารถที่เรามีอยู่ ของรอบตัวที่เรามีอยู่ อะไรที่เอามาใช้ได้บ้างนะ

 

มีอยู่ภาพหนึ่งฉันโพสต์ลงแล้วบอกว่า “เป็นวันเจรจาธุรกิจ เราจะเป็นอะไรก็ได้เท่าที่ใจเราอยากเป็น อย่าจำกัดว่าเราทำอะไรได้อย่างเดียว ลองหรือยัง ทำเต็มที่หรือยัง ถ้ายัง อย่าเพิ่งหยุดง่ายๆ!”

ฉันบอกในฐานะที่เคยเป็นคนหนึ่งที่จำกัดตัวเองว่าเราเกิดมาเพื่อทำอะไรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แล้วฉันก็บล๊อกตัวเองไม่ให้ทำอะไรอย่างอื่นเพราะคิดว่าเราคงทำไม่ได้หรอก ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลองเลยด้วยซ้ำ แต่เกิดจากการบอกตัวเองว่า “เราทำไม่ได้ เราไม่เหมาะ เราไม่ใช่”

ดูเอาเถิดว่าเรายังไม่ต้องต่อสู้กับใครเลย ยังไม่มีคู่แข่งหน้าไหนจะมาสู้กับเราเลย

เราก็พ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ออกตัวด้วยซ้ำ และคนที่ตัดขาเราก็ไม่ใช่ใคร

ตัวเราเองทั้งสิ้น…

จากที่เราจะบอกตัวเองในแง่ลบ เช่น ทำไม่ได้หรอก ทำไม่เก่งหรอก ไม่เคยเรียนมาจะทำได้ไง ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำอย่างนี้ (ถามหน่อยตอนเกิดมา ใครรู้บ้างว่าต้องทำอะไรฟระ)

ถ้าเราจะเปลี่ยนว่า เราเก่งเรื่องนี้ เราทำได้ ถ้าวันนี้เรายังไม่เก่ง ไม่ชำนาญ เราจะทำมันบ่อย ทำมันให้เยอะ อะไรที่เรายังไม่รู้ เราจะศึกษามันให้มากขึ้น อ่าน ดู ถาม ฟัง ลงมือทำๆๆ อันไหนยังไม่เวิร์ก ก็ลองทำอีกแบบ มันต้องได้สักวันสิ

และที่สำคัญคือ เราพยายามมากพอแล้วหรือยัง

 

คล้ายๆ คนอยากลดความอ้วน ออกกำลังได้ 1 อาทิตย์ ควบคุมอาหารมา 7 วันบอกน้ำหนักไม่เห็นจะลงเลย หรือลงก็ลงมาแค่ 1 ขีด ไม่ทำแล้วนะ ไม่เห็นผลเลย

เดี๋ยวๆๆ ที่กินพัง ใช้ชีวิตผิดมากี่สิบปี พอจะมาหวังผลเลิศให้เวลาแค่นี้

มันไม่มากไปหน่อยเหรอ

การลงมือทำอะไรให้สำเร็จก็เหมือนกัน

ฉันรู้เลยมันเป็นแพตเทิร์นเดียวกัน ตั้งแต่ฉันทำงานแรกของชีวิต งานหาบทความสั้นเพื่อพี่ดีเจวิทยุจุฬาฯ ได้อ่าน ฉันอ่านทุกอย่าง ทุกเล่มอย่างบ้าคลั่ง อ่านเพื่อประมวลผลว่าข้อความไหนน่าสนใจ เป็นประโยชน์ และไม่ซ้ำกับที่หามาก่อนหน้านี้

ต่อมาทำงานประสานงานก็ต้องโทรศัพท์หาผู้หลักผู้ใหญ่ ฉันก็เพียรโทร.ๆๆๆ โทร.จนละเมอรับโทรศัพท์บ้านแล้วพูดเหมือนโทร.ติดต่อแขกมาออกรายการ

หรือการเป็นผู้สื่อข่าว ก็รายงานๆๆๆๆ มันเข้าไป เขียนเป็นร้อยๆ ข่าว พูดมันเข้าไป

ฝึกเป็นผู้ประกาศข่าว ก็ฝึกอ่านๆๆๆ มันเข้าไป

อยากเป็นพิธีกร ก็ขึ้นเวทีมันทุกแบบ รับหมด งานเล็กงานน้อยเพราะต้องการฝึกๆๆ เอาประสบการณ์เยอะๆ

อยากเป็นนักเขียน ก็เขียนๆๆๆๆ มันเข้าไป เขียนมันทุกวัน

อยากเป็นนักพูด ก็ฝึกพูดๆๆๆ คนเดียวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ โดยไม่ต้องมีคนอยู่ด้วย

อยากขายเป็น ก็ฝึกขายๆๆๆๆๆ รักในของที่เราอยากขาย ชอบมันอย่างแท้จริง มันดีจริงถึงอยากขายให้คนได้กินด้วย ใช้ด้วย

อยากเจรจาธุรกิจเป็น ก็ฝึกเจอคนที่ต่างไปจากเรา หาความรู้ ขอข้อแนะนำ ฝึกฝน

อยากร่างกายแข็งแรง หุ่นสวย ก็ออกกำลังกาย มีวินัยในการกินเข้าไว้ ทำอย่างไร มันได้ผลอย่างนั้นจริงๆ

ทุกอย่างผ่านการฝึกฝนทั้งนั้น

ใช่ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันไม่ยากเกินกว่า “ใจ” ที่เราอยากให้มันเป็น

คุณเลือกได้ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน สำเร็จ หรือไม่สำเร็จ

คุณลงมือทำมันด้วยตัวเอง