โดยปรัชญา นงนุช

วันนี้ประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ หลังประมุข 3 ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่ายตุลาการ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เพื่อทูลเชิญขึ้นทรงราชย์ พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์

ทำให้บทบาทของกองทัพ มีภารกิจที่สำคัญ คือ การถวายความปลอดภัย และ ถวายพระเกียรติ แด่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ เป็นส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม

โดยมีหน่วยงานในสังกัดออกเป็น 4 ส่วนงาน ประกอบด้วย ส่วนบัญชาการ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

โดยที่อยู่ในระว่างการดำเนินการ คือ การนำหน่วยระดับกองพลที่มีกำลังพลระดับกรม มาปฏิบัติราชการอยู่กับกรมราชองครักษ์ เข้ามาอยู่ในสังกัดด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย

ซึ่งในวันราชวัลลภ ปี2559 วันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการแสดงทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” หรือ “Hop to the bodies slams” จากกำลังพลกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์, และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ หรือที่เรียกว่า “หน่วยเฉพาะกิจ 904” รวม 9 กองพัน จำนวน 857 นาย

ซึ่งเป็นการฝึกที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานพระราโชบาย โดยมีความมุ่งหวังในการเสริมสร้างความเข็งแกร่งทางร่างกาย ความพร้อมเพรียงสง่างาม มีจิตใจรุกรบมีการปฏิบัติเป็นหน่วย ทั้งผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชาทุกชั้นยศ

พระองค์ทรงเป็นนายทหาร ที่ให้ความสำคัญกับการทหารเป็นอย่างมาก ทั้งการจัดหน่วยทหาร การฝึกระเบียบวินัย เช่น การแสดงทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” ถือเป็นท่าทางทหารที่ใช้ผ่อนคลายจากฝึก จึงทำให้เห็นว่ากองทัพของพระองค์นั้น เป็นกองทัพที่สง่างาม

ส่วนภายหลังประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทำให้ ‘ป๋าเปรม’พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และกลับไปดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี โดยอัตโนมัติ หลัง นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นประธานองคนมนตรี ชั่วคราว

“ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พล.อ.เปรม ก็ยังเป็นประธานองคมนตรีอยู่ด้วย เพียงแต่ทำหน้าที่ประธานองคมนตรีไม่ได้”นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เผย

ตลอดระยะเวลา 50 วัน ที่ นายธานินทร์ เป็นประธานองคมนตรี ยังคงประชุมมีการประชุมและดำเนินงานตามปกติ กับคณะองคมนตรีทั้ง 15 คน จาก 16 คน ด้วย พล.อ.เปรม ต้องไปดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนฯ

“ทุกท่านทำงานตามปกติ มีการประชุมองคมนตรีทุกวันอังคาร ที่ทำเนียบองคมนตรี วังสราญรมย์ ส่วนวาระการประชุมไม่ได้มีการเปิดเผยให้ทราบ และไม่ทราบว่ามีวาระอะไรสำคัญหรือไม่” ผู้ติดตามคณะองคมนตรี เผย

ส่วนบทบาทขององคนมนตรี ที่นำโดย พล.อ.เปรม ในห้วงการเปลี่ยนผ่านประเทศครั้งสำคัญนี้ จะดำรงอยู่ในสถานะใดต่อไป โดยตาม รัฐธรรมนูญ ปี2550 โดยองคมนตรีจะพ้นจากตำแหน่งก็ต่อเมื่อ 1.เสียชีวิต 2.ลาออกจากตำแหน่ง 3.พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะองคมนตรีไม่มีวาระการดำรงตำแหน่ง

“เป็นเรื่องของอนาคต” ผู้ติดตามคณะองคมนตรี เผย

โดยระหว่างที่ พล.อ.เปรม เป็นผู้สำเร็จราชการ ก็ปฏิบัติภารกิจในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ไม่ได้มีการออกงานใดๆตลอด 50 วันที่ผ่านมา มีเพียงร่วมงานพระราชพิธีที่พระบรมมหาราชวังเท่านั้น

ทั้งนี้ พล.อ.เปรม เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ มูลนิธิ รัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่ยังมีโครงการต้องดำเนินงานอยู่ตามห้วงเวลา เช่น โครงการสานใจ ไทยสู่ใจใต้ และเป็นประธานมูลนิธิรักเมืองไทย ที่ทำโครงการจิตสาธารณะในพื้นที่ต่างๆ เช่น การแจกผ้าห่มกันหนาว การสร้างอาคารสาธารณประโยชน์ มอบทุนการศึกษา

ด้วย ‘บารมี’ ที่ พล.อ.เปรม ครั้งเป็นนายทหาร อดีตผบ.ทบ. อดีตนายกรัฐมนตรี ปธ.องคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นเวลาราว 40 ปี ที่ได้ทำงานรับใช้บ้านเมืองมายาวนาน เป็น”ผู้ใหญ่”ที่คนในสังคมให้ความเคารพนับถือ เห็นได้จากวันปีใหม่ วันสงกรานต์ และวันเกิดของ ‘ป่าเปรม’ ที่คณะรัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ และหน่วยงานรัฐ เอกชน มูลนิธิต่างๆ เข้าขอพรและอวยพร ไม่ขาดสาย

ภารกิจของ พล.อ.เปรม นับจากวันนี้ไป ที่ยังไม่สิ้นสุด คือ “การตอบแทนคุณแผ่นดิน” เพราะเป็นม็อตโต้ประจำตัวของ ‘ป่าเปรม’ ว่า “เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน” สะท้อนว่าไม่ว่าบทบาท พล.อ.เปรม จะเป็นอย่างไรในอนาคต ก็จะยังคงทำงานต่อไป

ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องของอนาคต