ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 มกราคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
อารมณ์และความรู้สึกของช่วงเวลาหนึ่งๆ ในประวัติศาสตร์ มีบอกเป็นนัยจากวรรณกรรมคำบอกเล่าเก่าแก่ที่เรียกตำนานและนิทาน ซึ่งบางเรื่องสนุกสนาน บางเรื่องตื่นเต้นโลดโผน เช่น พระร่วงทำชู้เมียพญางำเมือง
พญาร่วง (พระร่วง) เมืองสุโขทัย ทำชู้เมียพญางำเมืองแห่งเมืองพะเยา จนต้องเชิญพญามังราย เจ้าเมืองเชียงราย ไปชำระคดีที่เมืองพะเยา แล้วสาบานเป็นญาติสหายกันต่อไป สะท้อนความสัมพันธ์ ดังนี้
(1.) อำนาจการเมืองของภาษาและวัฒนธรรมไต-ไท ขยายพื้นที่จากลุ่มน้ำกก-อิง-โขง ลงลุ่มน้ำน่าน-ยม แล้วขยายไปลุ่มน้ำปิง-วัง
และ (2.) ลุ่มน้ำอิงเป็นพื้นที่สำคัญ เสมือนแกนของการขยายอำนาจไปทิศทางต่างๆ เพราะเป็นชุมทางเส้นคมนาคมการค้าหลายทิศทาง ทั้งเหนือ-ใต้ และตะวันตก-ตะวันออก
พระร่วงทำชู้
นางอั้วเชียงแสนมีรูปโฉมงามเลื่องลือที่รู้กัน เป็นเมียพญางำเมือง เจ้าเมืองพะเยา อยู่มาคราวหนึ่งนางอั้วสู่ขวัญพญางำเมืองโดยทำกับข้าวให้กินเป็นแกงอ่อม
พญางำเมืองกินอิ่มแล้วชมว่าแกงอ่อมอร่อยมาก เสียแต่ว่ามีน้ำแกงมากไป
นางอั้วเชียงแสนน้อยใจจนโกรธ เพราะเข้าใจว่าถูกตำหนิรุนแรง เลยแยกไปอยู่ต่างหากที่เวียงเชียงสุม นอกเมืองพะเยา แล้วไม่ปรนนิบัติพญางำเมืองเหมือนแต่ก่อน และมีใจปันให้พญาร่วงผู้เป็นญาติสหายพญางำเมือง
พญาร่วง เจ้าเมืองสุโขทัยขณะนั้นไปเยี่ยมยามอยู่เมืองพะเยา จึงรู้ว่านางอั้วเชียงแสนขัดใจพญางำเมืองแล้วมีใจปันให้กับตน ก็ไปมาหาสู่แล้วสังวาสกัน
พญางำเมืองต่อมารู้ว่าพญาร่วงลักลอบสมสู่สังวาสกับเมียตน ก็ทำอุบายจับได้คาหนังคาเขา แต่เกรงมีปัญหาถ้าจะเอาโทษ จึงขอให้พญามังรายญาติสหายผู้มากบารมีอำนาจช่วยชำระคดีความ
พญามังรายก็รับชำระโดยกล่าวโทษพญาร่วงต้องเสียค่าปรับไหม แล้วให้หันหลังอิงกันที่ริมแม่น้ำสาบานว่าจะไม่ทำผิดคิดร้ายต่อกัน
[ต่อจากนั้นเป็นเรื่องพญามังรายวางแผนยึดเมืองหริภุญไชย (ลำพูน) แล้วสร้างเมืองเวียงกุมกามกับสร้างเมืองเชียงใหม่]
ความหมาย
ร่วง (ในชื่อ พญาร่วง) แปลว่า รุ่งเรือง, รุ่งโรจน์
งำเมือง (ในชื่อ พญางำเมือง) หมายถึง ร่มเย็น มีบอกในตำนานว่าแดดไม่ร้อน ฝนไม่รั่ว
มังราย (ในชื่อ พญามังราย) มีผู้รู้อธิบายว่า เป็นภาษาลัวะ แปลว่า ผู้เป็นใหญ่ ตรงกับคำไทยว่า ขุน
อั้ว (ในชื่อ นางอั้วเชียงแสน) เป็นคำเรียกนำหน้าลูกหญิงคนที่ 5 ของครอบครัว (ลูกหญิงคนแรก เรียก เอื้อย) ส่วนคำว่า เชียงแสน บอกที่มาว่าเชื้อสายเจ้านายเมืองเชียงแสน (อยู่ริมแม่น้ำโขง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย)
ความเปรียบ
นางอั้วเชียงแสนทำแกงอ่อม พญางำเมืองชมว่าอร่อยดี แล้วตำหนิจนนางอั้วน้อยใจจนโกรธมาก มีข้อความในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่เป็นสำนวนล้านนา ว่า “แกงอ่อมลำดี เท่าว่าถ้วยกว้าง น้ำแกงมากไปหน้อย 1”
มีเชิงอรรถอธิบายถ้อยคำตรงนี้ว่า “นางไม่น่าจะโกรธ และไม่พอใจมาก ถ้าคำกล่าวข้างต้นไม่มีนัยที่ลึกซึ้งกว่านั้น” และ “เรื่องนี้อาจมีนัยเชิงเสียดสี หรือมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งในทางลบ” [ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ โดย อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และ เดวิด เค. วัยอาจ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2543 หน้า 23]
ผู้รู้ประเพณีล้านนาเล่าว่าสำนวนที่ยกมาเป็นความเปรียบถึงอวัยวะเพศของหญิงที่มีช่องคลอดกว้าง และมีน้ำหล่อลื่นมาก
ถ้าโดยปกติเป็นอารมณ์ขันในวงสนทนาหน้าข้าวหน้าเหล้าของชายวัยฉกรรจ์ แต่นี่ถือว่าพูดต่อหน้าฝ่ายหญิง และเข้าใจว่าไม่สองต่อสอง หากมีแวดล้อมด้วยคนอื่นทั้งผู้มีศักดิ์และทั้งบ่าวไพร่ นางอั้วจึงโกรธมาก เพราะเท่ากับประจานเมียต่อที่ชุมนุมคนไม่น้อย
คำอธิบายอย่างนี้เป็นพฤติกรรมทั่วไปสมัยไม่นานนี้ หรือสมัยนี้ แต่สมัยโน้นจะมีหรือไม่? น่าสงสัย
บทอัศจรรย์
ความเปรียบการร่วมเพศในวรรณกรรมของไทย ซึ่งเรียกกันว่า “บทอัศจรรย์” มีหลายอย่าง กวีแต่ละคนมีจินตนาการไปต่างๆ เช่น
ขุนแผน สมสู่นางพิมพิลาไลย เป็นสาวน้อยไม่ชำนาญการโลกีย์ เหมือนเรือแล่นเข้าริมแม่น้ำตื้นไม่ค่อยสะดวก แต่สมสู่นางสายทอง (อายุมากกว่านางพิม ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงนางพิม) เป็นสาวใหญ่มีกลเม็ดเด็ดพราย เหมือนเรือออกปากอ่าว มีคลื่นลมเป็นพายุบุแคมจนเรือล่ม มีพรรณนาในกลอนเสภา ดังนี้
สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น
ไม่มีคลื่นแต่ระลอกกระฉอกฉาว
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว
พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป
พระอภัยมณีเป็นมนุษย์ จำต้องสมสู่นางผีเสื้อสมุทรซึ่งเป็นยักษ์ สุนทรภู่แต่งพรรณนาลีลาและขนาดของยักษ์กับมนุษย์ เทียบว่าวกุลาตัวใหญ่กับว่าวปักเป้าตัวน้อย ดังนี้
เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด
กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง
ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
กุลาโคลงไม่สู้คล่องกะพร่องกะแพร่ง
ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด
ประกบติดตกผางลงกลางดิน
สมพาสยักษ์รักร่วมภิรมย์สม
เหมือนเด็ดดอกหญ้าดมพอได้กลิ่น
เป็นวิสัยในภพธรณินทร์
ไม่สุดสิ้นสิ่งเสน่ห์ประเวณี