หน้า 8 : “อำนาจ” ไร้กรอบ

เพราะมี “อำนาจ” จึงมี “ส่วย”

เห็นข่าว พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.41 ประกาศกวาดล้าง “ข้าราชการ” ที่เรียกรับส่วยจากผู้ประกอบการในจังหวัดภูเก็ตและนครศรีธรรมราชแล้ว

นึกถึงภาษิตโบราณที่ว่า “ไม่มีไฟ ไม่มีควัน”

พล.ต.อาคม ถึงขั้นเตรียมทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันว่าจะไม่มี “ทหาร” เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์

“ถ้าใครทำจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด”

เหตุที่ พล.ต.อาคม เล่นแรง เพราะมีข่าวว่าข้าราชการหน่วยงานรัฐ ทหาร ตำรวจ มีส่วนในการเรียกเก็บ “ส่วย”

“จากเดิมผู้ประกอบการเคยจ่ายอยู่ไม่กี่หน่วย ปัจจุบันต้องจ่ายเพิ่มขึ้น”

“หน่วยงาน” ที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นคือใคร

ถ้าดูจากพัฒนาการของโครงสร้างอำนาจจะเห็นชัดว่าใครที่เคยไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษผู้ประกอบการได้

แต่วันนี้กลับมีอำนาจ

“ตำรวจ” เคยมี และปัจจุบันก็มี

“ข้าราชการฝ่ายปกครอง” เคยมี และปัจจุบันก็มี

ส่วน “ทหาร” ที่เคยทำหน้าที่ปกป้องประเทศอย่างเดียว

แต่วันนี้ต้องมารับภาระหนักในการบริหารประเทศ

ร่วมกับตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อย

“อำนาจ” ใน “ปัจจุบัน” กับ “อดีต”

แตกต่างกันชัดเจน

เมื่อเจอ “ข่าวลือ” เช่นนี้ จึงต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด

เป็นที่รู้กันว่าในอดีต สถานบันเทิงทั้งหลายนอกเหนือจากจ่ายเงินนอกระบบให้กับ “สีกากี” แล้ว

เป็นที่รู้กันว่าเขาต้องจ่ายให้กับ “เสธ.” ต่างๆ อีกด้วย

“เสธ.” เหล่านี้คือ “ผู้มีอิทธิพล” นอกระบบ

ถ้าไม่จ่าย จะเจออำนาจนอกระบบจัดการ

แต่วันนี้รูปแบบการจ่ายเปลี่ยนไป

ทุกอย่างจ่ายผ่านคน “ในระบบ”

ทั้งสีกากีและสีอื่นๆ

เพราะหลังการรัฐประหาร มีการกระจายอำนาจไปสู่สีอื่นในทุกระดับ

มีอำนาจและหน้าที่ตามกติกาใหม่

เหมือนเป็น “ตำรวจสีเขียว”

“ข่าวลือ” เรื่องการจ่ายเงินกับหน่วยงานอื่นเพิ่มขึ้นจึงสะพัดไปทั่ว

แบบที่ พล.ต.อาคม ได้ยิน

ที่สำคัญ “ข่าวลือ” เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ภูเก็ตและนครศรีธรรมราช

ไม่มีไฟ ไม่มีควัน

 

สัจธรรมแห่ง “อำนาจ” นั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

การยื่น “ดาบ” หรือ “อำนาจ” ให้กับคนที่ไม่เคยมีจึงเป็นเรื่องน่ากลัว

เพราะ “อำนาจ” ทำให้คนเปลี่ยน

“อำนาจ” ทำให้คนหลงระเริง

แม้ “หัว” อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ส่าย

แต่ไม่มีใครยืนยันได้ว่า “หาง” ที่ห่างไกลจะไม่กระดิก

เรื่องแบบนี้พิสูจน์ไม่ยาก

แค่ “ผู้มีอำนาจ” ส่งคนใกล้ชิดไปหาข้อมูลจากร้านอาหารและสถานบริการทั้งหลาย

ก็จะรู้ว่า “ความจริง” เป็นอย่างไร

“ไฟ” มีจริงหรือไม่