ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 25-31 มกราคม 2562

ขอแสดงความนับถือ

 

แม้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 ออกมาแล้ว

เลือกตั้งมีแน่

แต่การเมืองก็ยังไม่รู้หัว-รู้ก้อย

คงทำให้เราอ่าน

“คนอยากเลือกตั้งก็มี / ไม่อยากเลือกก็มี / สันติวิธี-ทางออก-ทางร่วมมีหรือไม่? / วังวนความขัดแย้งในไทย อะไรคือทางออก?” ในเซ็กชั่น (S)election หน้า 16

ที่ “พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์” จับเข่าคุย โคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ได้อย่างมีรสชาติขึ้น

แล้วกลับมาอ่านจดหมายจาก “หนูนุ้ย”

ที่ส่งมาร่วมแสดงความคิดเห็น

คงทำให้เรามีภูมิคุ้มกันเผชิญฝุ่น (พิษ?) การเมือง ที่คละคลุ้งอยู่ตอนนี้ได้ดีขึ้น

โปรดพิจารณา

 

ในบรรยากาศที่บรรดานักการเมืองเรียกร้องประชาธิปไตย

เราได้เห็นปรากฏการณ์ของนักการเมืองหลายประเภท หลายแง่ หลายมุม

เช่น

1) นักการเมืองที่กลัวภัยการเมืองจะส่งผลกระทบถึงตน

เรื่องปีนต้นงิ้ว ลงกระทะทองแดง เป็นเรื่องชาติหน้า ขออำลาพระอาจารย์ไปสร้างอำนาจ อิทธิพลและผลประโยชน์ทางการเมือง ปกป้องภัยที่จะมาถึงตัวในชาตินี้ไปก่อน

2) นักการเมืองประเภทวัวสันหลังหวะ

เช่น การถูกข้อกล่าวหาต่างๆ เช่น การโกงกิน การปลอมปริญญาบัตร จนเป็นเหตุให้มหาวิทยาลัยบางแห่งถูกเผาทำลายหลักฐานการเรียนการสอบ และถูกปิดในเวลาต่อมา

3) นักการเมืองที่สนองคุณบุพการีที่ต้องคดี

นักการเมืองตาม 2 และ 3 จัดอยู่ในประเภทแบล๊กเมล์ จึงต้องไปต่อแถวไอ้เณร

4) นักการเมืองที่แทงกั๊ก ว่าไม่เห็นด้วยกับเผด็จการ และคอยดูทิศทาง ค่อยหาเหตุผลให้ตนเองในภายหลังว่าเป็นมติที่ประชุมพรรค

หรืออ้างว่าที่ต้องเข้าต่อแถวไอ้เณร เพราะความต้องการของประชาชน หรือแนวนโยบายกับพรรคการเมืองหลักไปด้วยกันได้ ชนิดที่เห็นรอยน้ำขุ่นๆ

ท่านลืมไปหรือเปล่าว่า

เดี๋ยวนี้ประชาชนคนไทยไม่ได้เป็นควาย

แต่ที่เขายอมอยู่เงียบๆ ไม่แสดงออก

เพราะอำนาจการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัด

ยิ่งเห็นการลดแลกแจกแถมหรือหาแพะมาดำเนินคดี ให้ประชาชนเห็นดีเห็นงามใกล้เวลาเลือกตั้ง ไม่มีผลหรอกครับ

เพราะให้คำตอบให้ตนเองได้อยู่แล้ว

เว้นแต่ไม้สุดท้าย ที่จะงัดขึ้นมาใช้ในการเลือกตั้ง หรือหลังเลือกตั้ง

เหตุผลก็คือ เมื่อชิพถูกนักการเมืองฝังหัวไว้ให้อยู่ฝ่ายใด ไม่มีทางที่จะใช้กลเกมใดๆ มาเปลี่ยนจุดยืนได้

ต่อให้เป็นคนจน กรรมกร หรือชาวไร่ชาวนา เชื่อผมเถิดครับ

มิฉะนั้น พรรคใหญ่บางพรรค จะไม่เป็นพรรคถูกสาป จนเป็นเหตุประชาชน และท้องถิ่น ที่นิยมชมชอบพลอยถูกสาปไปด้วย

ทำให้การครองชีพอยู่ในภาวะยากแค้นแสนสาหัส ดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้

เชื่อว่า นโยบายแทงกั๊ก คงจะบังเกิดเป็นรูปธรรมในเร็ววัน แต่พรรคที่ว่านี้จะถูกสาปต่อไปอย่างไม่มีวันได้ผุดได้เกิด

เตสังวูปสโมสุโข

นายหนูนุ้ย

 

“นักการเมือง” ในจดหมายของหนูนุ้ย น่าสนใจ

โดยเฉพาะข้อที่ 4

นักการเมืองที่แทงกั๊ก

ที่ต้องยอมรับกันว่า ท่าทีที่พลิกแพลงไปมาเพื่อ “ประโยชน์” ของตนและพวก ได้ตลอดนั้นได้บั่นเซาะความเป็น “ประชาธิปไตย” ให้อ่อนแอลง

และกลายเป็นเชื้อที่เชิญให้เผด็จการในรูปแบบต่างๆ บุกเข้ามาทลาย

โดยที่เราประชาชนได้แต่ยืนตาปริบๆ

เพราะนักการเมืองแทงกั๊ก ได้ปูพรมเชื้อเชิญเขาเข้ามาเอง

 

ก็ได้แต่หวัง อย่างที่นายหนูนุ้ยบอกไว้

นั่นคือ เดี๋ยวนี้ประชาชนคนไทยไม่ได้เป็นควาย อีกแล้ว (ขออภัย ควาย ที่ถูกดึงมาเป็นข้อเปรียบเปรย)

เมื่อไม่ได้โง่ โปรดทำให้ผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

พลิกแผ่นดินให้เห็นสักที ประชาชนเอ๋ย