ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์/ MARY POPPINS RETURNS

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

MARY POPPINS RETURNS

‘ฟื้นความหลัง’

กำกับการแสดง Rob Marshall

นำแสดง Emily Blunt Ben Wishaw Emily Mortimer Lin-Manuel Miranda Julie Walters Meryl Streep Colin Firth Dick Van Dyke Angela Lansbury

 

หลายคนคงทราบกันแล้วว่า แมรี่ ป๊อปปินส์ เป็นพี่เลี้ยงเด็กสุดวิเศษผู้ถือร่มลอยตามลมตะวันออกที่พัดพามาสู่บ้านเลขที่ 7 ถนนเชอร์รี่ทรีเลนในกรุงลอนดอน ในยามที่ครอบครัวแบงส์ที่มีลูกเล็กๆ ห้าคนกำลังฝ่าฟันมรสุมชีวิต มีปัญหาทางการเงิน และขาดแคลนคนดูแลเด็กๆ

พี.แอล. เทรเวิร์ส เขียนหนังสือชุดแมรี่ ป๊อปปินส์ รวมแปดเล่ม เป็นหนังสือสำหรับเด็กที่เล่าถึงความสนุกสนานของการผจญภัยในวัยเด็กที่มีแมร์รี่ ป๊อปปินส์ มาเป็นพี่เลี้ยงท่ามกลางยุคเศรษฐกิจตกต่ำของลอนดอนในช่วงทศวรรษ 1930

เรื่องราวกลายมาเป็นภาพยนตร์ของวอลต์ ดิสนีย์ในปี 1964 ที่มีจูลี่ แอนดรูส์ และดิก แวน ไดก์ นำแสดง และได้รับความชื่นชมมากมาย ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 13 ตัว รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

แต่ปีนั้นมีคู่แข่งที่ชนะไปในสาขานี้คือ My Fair Lady ส่วน Mary Poppins ได้รับรางวัลไป 5 รางวัล รวมทั้งนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

กลายเป็นละครเวทีมิวสิเคิลยอดฮิตยาวนานที่บรอดเวย์ และกลายเป็นที่มาของหนังเรื่อง Saving Mr. Banks ในปี 2013 ที่มีทอม แฮงส์ เล่นเป็นวอลต์ ดิสนีย์ ผู้พยายามขอลิขสิทธิ์อย่างยากเย็นจากผู้ประพันธ์หนังสือมาทำเป็นภาพยนตร์ และเอ็มมา ทอมป์สัน เล่นเป็นพี.แอล. เทรเวิร์ส สาวแก่ชาวอังกฤษผู้เคร่งครัด

และไม่อยากเห็นบทประพันธ์แสนรักของเธอมาทำปู้ยี่ปู้ยำโดยวงการมายาของฮอลลีวู้ด

 

และแล้วแมรี่ ป๊อปปินส์ ก็ถือร่มลอยละลิ่วร่อนตามกระแสลมลงมาจากฟากฟ้าอีกครั้งในปีนี้ กลายเป็นหนังชื่อ Mary Poppins Returns กล่าวคือ พี่เลี้ยงเด็กคนเดิมนั่นแหละ (ซึ่งใครๆ บอกว่าหน้าตาไม่ได้ดูอายุมากขึ้นสักวันเดียว) กลับมาพร้อมกระแสลมตะวันออก เพื่อช่วยกอบกู้สถานการณ์อันยากลำบากของครอบครัวแบงส์อีกครั้ง

ทว่าคราวนี้ไมเคิลและเจน แบงส์ เติบใหญ่วัยฉกรรจ์แล้ว โดยไมเคิล (เบน วิชอว์) มีลูกสามคน และเพิ่งสูญเสียภรรยาไป ส่วนเจน (เอมิลี มอร์ทิเมอร์) เป็นสาวใหญ่ที่คอยให้ความช่วยเหลือยามยาก

ดอกเชอร์รี่สีชมพูบานสะพรั่งด้วยสีสันสดสวยอยู่ริมถนนหน้าบ้านเลขที่ 7 ตรงตามชื่อถนน “เชอร์รี่ทรีเลน” ตัดกับความเป็นจริงแสนเศร้าของครอบครัวที่เพิ่งสูญเสียภรรยาและแม่ไป อีกทั้งบ้านยังกำลังจะถูกธนาคารยึดจากการพลาดชำระหนี้ไปสามเดือน

ผู้จัดการธนาคารคนใหม่ มิสเตอร์วิลกินส์ (คอลิน เฟิร์ธ ซึ่งเล่นบท “หมาป่า” ในจินตนาการของเด็กด้วย) พร้อมด้วยสมุนเป็นทนายความสองคน ทำทุกอย่างเพื่อยึดบ้านของลูกหนี้ แม้ว่าไมเคิลกับเจนจะบอกว่าพ่อมีหุ้นจำนวนหนึ่งเป็นหลักประกันอยู่ในธนาคาร

แต่มิสเตอร์วิลกินส์ก็แสดงการโอนอ่อนเพียงอย่างเดียวคือ การยืดเวลาให้ครอบครัวแบงส์นำหลักฐานใบหุ้นมาแสดงให้จนถึงเที่ยงคืนตรงในวันศุกร์ที่จะถึง

Emily Blunt is Mary Poppins in Dinsey’s original musica MARY. POPPINS RETURNS, a sequel to the 1964 MARY POPPINS which takes audiences on an entirely new adventure with the practically perfect nanny and the Banks family.

 

ระหว่างที่ครอบครัวแบงส์กำลังค้นหาใบหุ้นเก่าแก่อย่างจ้าละหวั่นทุกซอกทุกมุมบ้านเพื่อรักษาบ้านเก่าแก่ของตระกูลไว้นั้น เด็กๆ คือแอนาเบล (พิกซี่ เดวีส์) จอห์น (นาธาเนียล ซาเลห์) และจอร์จี้ (โจเอล ดอว์สัน) ก็มีพี่เลี้ยงแสนวิเศษคอยดูแลและเนรมิตความมหัศจรรย์นานัปการให้เกิดขึ้นในโลกจินตนาการของเด็กๆ

อาทิ ใครๆ ก็รู้ว่าเด็กเล็กๆ เล่นจนตัวสกปรกแล้วไม่ชอบอาบน้ำ แมรี่สั่งให้ไปอ่าบน้ำโดยเปิดน้ำเต็มอ่าง ใส่ฟองสบู่ให้เต็ม โยนของเล่นลงไว้ ให้เด็กๆ ลงอ่างและตัวเองตามลงไปดำดิ่งลึกลงไปในโลกใต้น้ำอันสวยงามชวนสำราญบานใจ

เมื่อจอร์จี้คิดจะช่วยสถานการณ์ทางการเงินโดยนำแจกันกระเบื้องของแม่ไปขาย แต่เผอิญทำแตก และแมรี่ช่วยกอบกู้สถานการณ์โดยนำไปให้ลูกพี่ลูกน้องชื่อท็อปซี่ (เมอริล สตรีป) ซ่อม เราก็ได้มีฉากมหัศจรรย์และเพลงสนุกจากเมอริลในบทท็อปซี่ ผู้อยู่ในบ้านอันหกคะเมนตีลังกาเป็นบางวัน

สนุกสนานแปลกๆ ไปอีกแบบ

รวมทั้งการเข้าไปในโลกของลวดลายเส้นสีบนแจกันกระเบื้อง ก็ทำให้เราได้ดูแอนิเมชั่นตามแบบหนังการ์ตูนดั้งเดิมอีกครั้ง หลังจากมีคอมพิวเตอร์มาแทนที่ในการทำหนังแอนิเมชั่นไปแล้วสมัยนี้

 

เนื้อหาหลายตอนเป็นการโยงกลับไปถึงเรื่องราวในหนังปี 1964 เช่นมิสเตอร์แบงส์ผู้พ่อเคยให้ไมเคิลนำเงินสองเพนนีไปลงทุนในธนาคาร มิสเตอร์ดอว์สผู้สูงวัย เจ้าของธนาคาร ก็บอกว่าเงินสองเพนนีที่ลงทุนไว้นั้นตอนนี้งอกเงยออกดอกออกผลจนนำมาใช้หนี้ได้แล้ว

นอกจากนั้น ตอนท้ายใกล้จบ เรายังได้เห็นตัวจริงเสียงจริงของดิก แวน ไดก์ ผู้เคยแสดงเป็นคนกวาดปล่องไฟ และดูจะมีสายสัมพันธ์เป็นพิเศษกับแมรี่ ป๊อปปินส์ มาปรากฏตัวในบทของมิสเตอร์ดอว์ส

ทำให้เกิดคำถามกระหึ่มไปทั่วว่าทำไมไม่เอาจูลี่ แอนดรูส์ กลับมาฟื้นความหลังกันบ้าง

แต่เหตุผลของจูลี่ แอนดรูส์ ที่ไม่อยากกลับมาปรากฏตัว คืออยากให้บทบาทเป็นของเอมิลี่ บลันต์ เต็มที่โดยคนดูไม่ต้องถูกเตือนว่านี่เคยเป็นบทของแอนดรูส์อันชนะใจคนดูทั่วโลกเมื่อห้าทศวรรษมาแล้ว

ถ้าพูดด้วยสำนวนฝรั่งก็ต้องบอกว่าเอมิลี่ บลันต์ “สวมรองเท้าคู่โตของจูลี่ แอนดรูส์ ในบทแมรี่ ป๊อปปินส์ ได้อย่างพอดิบพอดี” ถึงขั้นที่เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักแสดงนำหญิงของลูกโลกทองปีนี้

เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีฝีไม้ลายมือหาตัวจับยากคนหนึ่ง และเปลี่ยนตัวเองไปตามบทบาทตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม

ไม่ว่าจะเป็นในบทตลกของเลขานุการผู้ตะกายดาวใน The Devil Wears Prada

หรือบทหญิงห้าวและแกร่งใน Scicario หรือบทโรแมนติกใน Salmon Fishing in the Yemen

Emily Blunt is Mary Poppins, Joel Dawson is Georgie, Pixie Davies is Annabel and Nathanael Saleh is John in Disney’s MARY POPPINS RETURNS, a sequel to the 1964 MARY POPPINS, which takes audiences on an entirely new adventure with the practically perfect nanny and the Banks family.

 

ความน่าจดจำของหนังแมรี่ ป๊อปปินส์ ดั้งเดิมคือเพลง โดยเฉพาะเพลง Chim Chim Cheree ซึ่งดิก แวน ไดก์ ร้องในบทของ “คนกวาดปล่องไฟ”

อีกเพลงที่ผู้เขียนไม่ลืมเลย เพราะเป็นคำที่ยืดยาวมากในภาษาอังกฤษ ที่ไม่ใช่คำจริงๆ หรอกค่ะ แต่เป็นความรู้สึก “แสนวิเศษสุดบรรยาย” ที่ออกจากปากของแมรี่ ป๊อปปินส์ และร้องออกมาเป็นเพลง ที่ชื่อว่า Supercalifragilisticexpialidocious! สมัยนั้นยังไม่รู้ภาษาอังกฤษมากเท่าไร ต้องท่องกันเลยเชียวค่ะกว่าจะเปล่งเสียงได้ถูกต้องสมบูรณ์ครบทั้งคำ

แล้วก็เหลือเชื่อที่ยังจำได้อยู่จนบัดนี้

ตอนดูหนัง Saving Mr. Banks เห็นขั้นตอนการทำงานของผู้แต่งเพลงคือพี่น้องตระกูลเชอร์แมน ที่ทำงานร่วมกับผู้ประพันธ์เรื่องแล้ว ตื่นตาตื่นใจมากที่ได้เห็นเบื้องหลังที่มาของเพลงที่เคยร้องได้ในสมัยเด็กๆ รวมทั้งเพลง A Spoonful of Sugar ที่ช่วยให้กลืนยาลงคอได้ และ Let’s Go Fly a Kite ซึ่งนักภาษาศาสตร์ผู้เคร่งครัดต้องบอกว่าไม่ถูกต้องตามไวยากรณ์ เพราะเอาคำกริยาสองตัวมาเรียงต่อกันเฉยๆ ไม่ได้

แต่ผู้แต่งเพลงบอกว่าเนื้อร้องลงตัวตามจังหวะและทำนองแล้ว

 

ดูการกลับมาของแมรี่ ป๊อปปินส์ แล้ว ไม่รู้สึกว่ามีเพลงอะไรติดหูหลงเหลืออยู่ในความทรงจำมากนัก อาจจะมีบ้างจากเพลงแรกที่มีเนื้อร้องว่า Underneath the lovely London sky

และเพลงสุดท้ายที่แอนเจล่า แลนส์เบอรี่ ในบทหญิงขายลูกโป่งร้องว่า Nowhere to go but up

แต่นอกนั้นเลือนๆ ไปหมดแล้ว แม้จะยังจำความหมายของเพลงได้จาก A Cover is not a Book และ Turning Turtle แต่ขอสารภาพว่าทำนองไม่ติดหูเลย

โดยสรุปแล้ว นี่เป็นหนังมิวสิเคิลของยุคกลางศตวรรษที่ยี่สิบ ที่ปัจจุบันเลิกทำกันไปแล้ว ยกเว้น La La Land ที่ประสบความสำเร็จของปีที่แล้ว  ดูแล้วเหมือนย้อนกลับไปเดินบนถนนแห่งความทรงจำ ณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

คนดูที่อายุไม่มากพอจะมีความทรงจำร่วมกันแบบนี้ อาจเห็นเป็นของแปลกแปร่งและหลุดโลกอยู่บ้างค่ะ