“เซซาเร บัตติสติ” กับมหากาพย์ 40 ปีแห่งการหลบหนี

“เซซาเร บัตติสติ” ชาวอิตาเลียนวัย 64 ปีได้สิ้นสุดมหากาพย์การหลบหนีคดีที่กินเวลายาวนานเกือบ 40 ปีลงแล้ว

บัตติสติเป็นอดีตผู้นำกลุ่มติดอาวุธซ้ายจัดในอิตาลี ถูกศาลอิตาลีตัดสินให้ต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาฆาตกรรม 4 คดีในช่วงทศวรรษที่ 70

บัตติสติเกิดในตอนใต้ของกรุงโรมเมื่อปี 1954 ในครอบครัวคาทอลิกที่มีแนวคิดทางการเมืองลัทธิคอมมิวนิสต์

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 หลังต้องเข้าออกคุกจากการทำความผิดเล็กๆ น้อยๆ บัตติสติตัดสินใจเข้าร่วมกับกลุ่มแรงงานติดอาวุธเพื่อคอมมิวนิสต์ (แพ็ก) กลุ่มกองกำลังซึ่งมีแนวคิดทางการเมืองซ้ายจัดก่อเหตุปล้นและโจมตีในอิตาลีอย่างต่อเนื่อง

บัตติสติถูกจับกุมในเมืองมิลานในปี 1979 และถูกตัดสินให้มีความผิดฐานเข้าร่วมแก๊งติดอาวุธ อย่างไรก็ตาม สองปีต่อมา บัตติสติก็แหกคุกหนีออกมา ก่อนมุ่งหน้าไปประเทศฝรั่งเศส

และข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศเม็กซิโกในปี 1982

 

นักโทษหลบหนีเดินทางกลับฝรั่งเศสในปี 1990 และเริ่มต้นอาชีพ “นักเขียนนิยาย” หลังจากรัฐบาลปีกซ้ายของฝรั่งเศสนำโดยประธานาธิบดี “ฟรองซัวส์ มิตเตอรองด์” ในเวลานั้นให้คำมั่นว่าจะไม่ส่งตัวบัตติสติกลับไปรับโทษที่ประเทศอิตาลี

3 ปีต่อมา ศาลในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ตัดสินความผิดลับหลังให้บัตติสติต้องโทษในข้อหา “ฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย มีส่วนร่วมในการฆ่าคนขายเนื้อ และวางแผนในการโจมตีคนขายอัญมณี ผู้ที่เสียชีวิตในการยิงต่อสู้ ข้อกล่าวหาซึ่งบัตติสติปฏิเสธมาโดยตลอด

บัตติสติเริ่มต้นชีวิตใหม่ในกรุงปารีส ใช้ชีวิตอยู่ด้วยงานรับจ้าง ก่อนจะเริ่มเขียนนิยายเขย่าขวัญนับสิบเล่ม โดยมีเนื้อเรื่องที่ดัดแปลงมาจากเรื่องราวการหลบหนี้ลี้ภัยของตนเองในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

ปี 2004 รัฐบาลฝรั่งเศสนำโดยประธานาธิบดี “ฌากส์ ชีรัก” ติดสินใจเปลี่ยนนโยบายและเตรียมส่งตัวบัตติสติกลับคืนให้กับรัฐบาลอิตาลี

แม้ว่าบัตติสติผู้หันหลังให้อดีตและผันตัวเป็นนักเขียนเต็มตัวแล้ว จะได้รับแรงสนับสนุนจากคนดังในวงการหนังสือหลายๆ คน ทว่าคำร้องขออุทธรณ์ในการส่งตัวกลับประเทศนั้นก็ถูกศาลในฝรั่งเศสปัดตกไป

นั่นทำให้ไฟในการหลบหนีลุกโชนอีกครั้ง บัตติสติใช้ตัวตนปลอมที่บัตติสติอ้างภายหลังว่าได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยสืบราชการลับฝรั่งเศส หลบหนีไปยังประเทศบราซิล

ทว่าก็ต้องถูกจับกุมที่นครริโอเดจาเนโร เมื่อปี 2007 อีกครั้ง

ระหว่างที่บัตติสติใช้ชีวิตภายใต้การควบคุมตัวเป็นเวลา 4 ปีนั้น การส่งตัวบัตติสติกลับอิตาลี กลายเป็นประเด็นโต้เถียงกันในหมู่นักการเมืองและวงการยุติธรรมบราซิล โดยบัตติสติเองช่วงเวลาหนึ่งถึงขั้นยอมอดอาหารประท้วง

ในที่สุด ในเดือนมกราคม 2010 “ลูอิส อินาซิโอ ลุลา ดาซิลวา” ประธานาธิบดีปีกซ้ายของบราซิลได้ตัดสินใจปฏิเสธข้อเรียกร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนของทางการอิตาลีลง เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ “ดาซิลวา” จะออกจากตำแหน่ง

และในอีก 18 เดือนต่อมา บราซิลให้สิทธิพลเมืองถาวรแก่บัตติสติ สร้างความไม่พอใจกับทางการอิตาลีอย่างมาก

โดยบัตติสติได้ย้ายไปอยู่ในเมืองเล็กๆ บริเวณชายฝั่งและเริ่มต้นเขียนนิยายต่อไป

 

ชีวิตอันโลดโผนเหมือนจะจบลงด้วยดี เมื่อบัตติสติได้แต่งงานกับ “พริสซิลา” ภรรยาในปี 2011 โดยทั้งคู่มีลูกชายวัย 5 ขวบที่มีชื่อว่า “ราอุล”

อย่างไรก็ตาม “ศาลบราซิล” กลับคำตัดสินอีกครั้งและมีคำสั่งให้ส่งตัวบัตติสติให้กับรัฐบาลอิตาลีในปี 2015 และอีก 2 ปีต่อมาบัตติสติก็ถูกควบคุมตัวเอาไว้อีกครั้งขณะพยายามข้ามแดนไปยังประเทศโบลิเวีย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บัตติสติสิ้นอิสรภาพ

ล่าสุดระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลเมื่อปีก่อน “ชาอีร์ โบลโซนาโร” ผู้สมัครขวาจัดซึ่งสุดท้ายคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุดได้ประกาศชัดเจนว่าจะส่งตัวบัตติสติให้กับทางการอิตาลีทันทีที่ได้รับเลือกตั้ง

และนั่นก็ทำให้บัตติสติหายตัวไปอีกครั้งหนึ่ง

สุดท้ายชีวิตนักเขียนอดีตผู้นำกลุ่มติดอาวุธอิตาลีผู้นี้คงต้องสิ้นสุดลงในเรือนจำของอิตาลี เมื่อประเทศโบลิเวียตัดสินใจส่งตัวบัตติสติให้กับทางการอิตาลีในทันที เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากถูกจับกุมได้ที่เมืองซานตาครูซ 2 วันก่อนหน้านั้น

ทิ้งชีวิตอันโลดโผนให้เหลือไว้เพียงเรื่องราวในนิยายเท่านั้นเอง