ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ในช่วงหลังๆ มานี้ค่ายรถจากยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี อย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” จะเทน้ำหนักในรถกลุ่ม “เอสยูวี” (SUV = Sport Utility Vehicle) หรือรถตรวจการณ์อเนกประสงค์ มากขึ้นเรื่อยๆ
แถมด้วยความเป็นคู่แข่งในตลาดเดียวกัน ทำให้ทั้งคู่ออกรถมาฟาดฟันกันบ่อยถึงบ่อยที่สุด
โดยบีเอ็มฯ จะมีรถจากตระกูล “เอ็กซ์” มาให้คนไทยให้ยลโฉมแทบทุกเซ็กเมนต์ และซอยยิบมากขึ้นเรื่อยๆ
จากสมัยก่อนคนไทยจะคุ้นเคยกับรถ “เอ็กซ์-3” หรือ “เอ็กซ์-5” รวมไปถึงรุ่นเล็กอย่าง “เอ็กซ์-1”
แต่ทั้ง 3 รุ่นเป็นเอสยูวีที่มีรูปลักษณ์บึกบึน
จนต่อมาบีเอ็มฯ สนใจเจาะตลาดสปอร์ตเอสยูวี ไม่ได้เน้นแนวลุยหนักๆ แต่เป็นลักษณะหล่อๆ ออกแนวสปอร์ตมากขึ้น
จึงออกรุ่นแนวสปอร์ต เช่น “เอ็กซ์ 6” และ “เอ็กซ์ 4”
“เอ็กซ์-4” เป็นรถเอสยูวีที่รูปร่างหน้าตากระเดียดไปทางเก๋งมากกว่าด้วยซ้ำ
ยิ่งเมื่อบีเอ็มฯ ส่งรุ่นพิเศษมาพร้อมชุดแต่ง “M Sport” ได้อารมณ์คล้ายๆ เก๋งยกสูงนิดๆ ถือเป็นรถในเซ็กเมนต์เอสยูวีที่ดูแปลกตาพอสมควร
ผมมีโอกาสสัมผัสกับเอ็กซ์ 4 เป็นครั้งแรกหลังจากเมียงๆ มองๆ และหาจังหวะเหมาะมาพักใหญ่ จนบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ส่งมาให้ลองของ
เป็นรถสีแดงสดสวยหยาดเยิ้มจริงๆ
รุ่นนี้มีชื่อเต็มๆ คือบีเอ็มดับเบิลยู “X4 xDrive20i M Sport”
ถือว่าเป็นรุ่นล่าสุดที่ออกจากสายการประกอบในประเทศของโรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จ.ระยอง ทำให้ราคาค่าตัวไม่สูงจนเกินไป เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่นำเข้าทั้งคัน
แรกที่เห็นค่อนข้างตกใจกับรูปทรงเพราะดูเหมือนเก๋งมากกว่ารถเอสยูวี โดยเฉพาะความสูงที่ไม่มากนักเรียกว่าสูงกว่าเก๋งขนาดกลางๆ เล็กน้อยเท่านั้นเอง
หลังคาด้านหลังลาดต่ำให้อารมณ์รถคูเป้
จุดเด่นสุดไม่พ้นกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ ตัดขอบด้วยโครเมียม เชื่อมกับไฟหน้าทรงเหลี่ยมๆ รีๆ อย่างลงตัว โดยไฟหน้าเป็นแบบ “ซีนอน” แบบ 4 ดวงตา (ฝั่งละ 2) ต่ำลงมาไฟตัดหมอกทรงกลมแบบ LED แม้ดูเหมือนจะดวงเล็กๆ แต่สว่างได้ใจเหลือเกิน
เส้นเหลี่ยมสันของฝากระโปรงเชื่อมไปถึงด้านข้างอย่างลงตัว
เสริมความหรูหราและโฉบเฉี่ยวในรุ่น M Sport ด้วยชุดแต่ง M Aerodynamic ขอบหน้าต่างแบบ High-Gloss Shadow Line และล้ออัลลอย M Sport ขนาด 19 นิ้ว แบบ Double-spoke รัดด้วยยาง Runflat โดยคู่หน้า 245/45 ด้านหลัง 275/40
รุ่นนี้จะมีมิติตัวถังและอุปกรณ์หลายส่วนที่ยืมมาจาก “เอ็กซ์ 3” เนื่องจากใช้พื้นฐานเดียวกัน
ภายในเน้นโทนดำตกแต่งอะลูมิเนียมลาย brushed lengthwise หลายจุด พวงมาลัยทรง 3 ก้านไฟฟ้าแบบ Servotronic แปรผันตามการหมุนและความเร็ว พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ด้านหลังมีแป้นเพิ่ม-ลดเกียร์ และแน่นอนพลาดไม่ได้กับสัญลักษณ์ “M Sport”
เรือนไมล์สไตล์สปอร์ตแบบ 4 วงกลม ใหญ่ 2 เล็ก 2
จอภาพขนาด 8.8 นิ้ว ระบบเสียงไฮไฟ ช่องเชื่อมต่อ AUX-in เชื่อมต่อโทรศัพท์ด้วย Bluetooth ช่อง USB และแท่นสำหรับอุปกรณ์เสริม และแสดงภาพจากกล้องมองหลังขณะถอยด้วย
ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส อยู่ใกล้คันเกียร์ขนาดเล็กๆ เบรกมือและระบบห้ามล้อแบบไฟฟ้า
เบาะนั่งหนังแท้ Nevada สีดำเดินด้ายขาว ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ เฉพาะฝั่งคนขับ
หลังคาภายในตกแต่งด้วยสี Anthracite
ขุมพลัง เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ความจุ 1,997 ซีซี ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ แบบ xDrive
ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 5,000-6,250 รอบต่อนาที แรงบิด 270 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,500 รอบต่อนาที
แรงบิดแม้ไม่สูงมากตามสไตล์รถเบนซิน แต่ถือว่ามาค่อนข้างเร็วในรอบต่ำ
ความเร็วสูงสุดทำได้ 212 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ภายในเวลา 8.1 วินาที
เทคโนโลยีความปลอดภัย มีตั้งแต่พนักพิงศีรษะตอนหน้ารองรับแรงกระแทกแบบแอ็กทีฟ ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ฯลฯ
ด้วยความที่เคยขับรถแบรนด์ใบพัดฟ้าขาวมาหลายรุ่น และไม่เคยผิดหวังแม้สักรุ่นเดียว มาถึงเอ็กซ์-4 จึงตั้งความหวังไว้อย่างสูง
และผมก็ไม่ผิดหวัง แถมยังถูกใจกับสีแดงจัดจ้านด้วย
แม้จะเป็นรถสไตล์เอสยูวี แต่อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าเป็นเอสยูวีอารมณ์สปอร์ต และความสูงก็ไม่มากนัก แม้น้ำหนักตัวจะดูเยอะไปสักหน่อย แต่ด้วยเครื่องยนต์ที่แรงจัด แถมแรงบิดมาที่รอบเครื่องแค่พันต้นๆ ทำให้การออกตัวจี๊ดเอาเรื่อง
อัตราเร่งช่วงต้นถึงกลางมาเร็วมาก ความเร็วระดับ 150-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แค่อึดใจเดียวเท่านั้น แต่หากเกิน 180 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไปอาจต้องการถนนทางยาวๆ และโล่งๆ สักหน่อย
นอกจากนี้ มิติตัวถังที่เรียกว่าทะมัดทะแมง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,881 x 4,671 x 1,624 ม.ม. บวกด้วยทัศนวิสัยที่สูงกว่ารถเก๋งทั่วไปเล็กน้อย ทำให้การซอกแซกเปลี่ยนเลนทำได้ง่าย
จุดที่ต้องระวังคือกระจกหลังที่มีพื้นที่ให้มองน้อยเหลือเกิน ทำให้การเปลี่ยนเลนที่ผมมักจะมองสลับระหว่างกระจกมองหลังและมองข้าง ต้องมีสมาธิพอสมควร
รวมไปถึงการถอยจอดที่แม้จะมีกล้องส่งภาพมาให้ดู แต่ผมก็ติดที่จะหันหน้ากลับไปมองด้านหลังด้วยตาตัวเองเพื่อความชัวร์มากขึ้น ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร
ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ แบบ xDrive เพิ่มความมั่นใจมากขึ้นแม้ตอนทดสอบจะเจอฝนถล่มลงมาก็ตาม
การเข้าโค้งและความหนึบแน่นของช่วงล่างหายห่วง
จริงๆ แล้วรถคันนี้มีระบบไฮเทคต่างๆ ค่อนข้างเยอะ แต่ด้วยเวลาที่ทดสอบไม่มากนักจึงเล่นได้ไม่หมด
แต่ที่น่าจะถูกใจคนชอปช็อปปิ้งคือประตูที่ 5 เปิดได้หลายรูปแบบทั้งใช้มือกด รีโมต และระบบเซ็นเซอร์ที่เพียงแหย่เท้าใต้กันชน ประตูจะเปิดให้อัตโนมัติ แต่นั่นหมายถึงเวลาที่คุณมีรีโมตติดตัวอยู่นะครับ
บีเอ็มดับเบิลยู “X4 xDrive20i M Sport” ถือว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเก๋ง “ซีรี่ส์ 3” และเอสยูวี “เอ็กซ์ 3”
แถมตอนนี้ราคาถือว่าน่าคบพอสมควรหากเทียบกันกับรุ่นนำเข้าที่ทำตลาดก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลิตจากโรงงานในเมืองไทยแล้ว
รถหล่อๆ ขับสนุกๆ แบบนี้ จัดไปกับราคา 3,699,000 บาท