ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 มกราคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (เล่มใหม่) |
ผู้เขียน | ฟ้า พูลวรลักษณ์ |
เผยแพร่ |
หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๒๒)
๑ชีวิตของเราทุกวันนี้ อยู่ในโลกนิยายวิทยาศาสตร์
ฉันพูดเช่นนี้ เพราะ Moore”s Law เป็นความจริง
๒ Moore”s Law เป็นข้อสังเกตของ Gordon E. Moore ที่เคยกล่าวไว้ในปี 1958 ว่า ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนวงจรรวมจะเพิ่มเป็นเท่าตัวในทุกปี และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกอย่างน้อยสิบปี
และต่อมาในปี 1975 เขาได้แก้ไขคำทำนายของเขาใหม่ ด้วยการบอกว่า ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนวงจรรวม จะเพิ่มเป็นเท่าตัวทุกๆ สองปี
๓ในช่วงแรก กฎข้อนี้ก็ไม่มีผลอะไรเท่าไรนัก แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป และเพราะมันยังเป็นจริงอยู่ มันเกิดผลกว้างใหญ่ มิน่าเล่า มันมีผลต่อชีวิตมนุษย์ทุกรูปทุกนาม มันมีผลกระทบไปหมด โดยเริ่มจาก
๑ ความเร็วประมวลผล
๒ ความจุของแรม
๓ จำนวนพิกเซลของกล้องดิจิตอล
๔ ราคาต่อหน่วย
๔ข้อสังเกตนี้ ไม่ใช่กฎทางฟิสิกส์ หรือกฎธรรมชาติ มันเป็นเพียงข้อสังเกตที่น่าแปลกใจ แต่กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นจริง อย่างน่าตื่นตะลึง มันจึงกลายเป็นกฎสำคัญ ที่มีผลต่อวงการธุรกิจ อุตสาหกรรม มันกลายเป็นโมเดลในการวางแผน มันมีผลต่อ
๑ ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม
๒ กำลังในการผลิต
๓ ความเติบโตทางเศรษฐกิจ
ที่จริงความเร็วนี้เป็นเพียงค่าประมาณ มันไม่ได้จริงแบบนั้นตายตัว แต่โดยรวมคือกฎข้อนี้ใช้ได้ เช่นบางช่วง แทนที่จะเพิ่มหนึ่งเท่าตัวในสองปี มันกลายเป็นเพิ่มหนึ่งเท่าตัวในสองปีครึ่ง หรือสามปี
แต่มันก็เพิ่มขึ้นจริงๆ อย่างเป็นเอ็กโพเนนเชียล หรือแบบทวีคูณ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับการเติบโตของสิ่งมีชีวิต
กฎข้อนี้จะต้องมีจุดสิ้นสุด เพราะไม่เช่นนั้นทั้งจักรวาลก็ล่มสลาย นักวิชาการคาดเดาว่า มันจะสิ้นสุดลงในช่วงกลางปีของทศวรรษ 2020 เหมือนแบคทีเรียที่แบ่งตัว ถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องหยุดแบ่งตัว ด้วยเพราะขาดน้ำและอาหาร ขนาดของทรานซิสเตอร์ เมื่อเข้าใกล้ขนาดของอtตอม มันจะเข้าสู่ขอบเขตพื้นฐาน เราจะโตกว่านี้ไปได้ยาก
ด่านนั้นยังมาไม่ถึง แต่ใกล้เข้ามาแล้ว และหากมาถึง มนุษย์ก็ยังอาจมีความสร้างสรรค์อื่นใดอีกในแขนเสื้อของเขา เรายังไม่รู้
แต่แค่ที่เรารู้แล้ววันนี้ ก็มหัศจรรย์ยิ่งนักแล้ว แปลกประหลาดเหลือเชื่อแล้ว
๕เพื่อให้เห็นจริง เราควรเขียนให้เห็นภาพ โดยเอาปี 1958 เป็นตัวตั้ง และสมมุติค่าของมันคือ 1 เรามาดูว่า Moore”s Law หากเป็นจริงจะเกิดอะไรขึ้น
1958 1
1960 2
1962 4
1964 8
1966 16
1968 32
1970 64
1972 128
1974 256
1976 512
1978 1,024
1980 2,048
1982 4,096
1984 8,192
1986 16,384
1988 32,768
1990 65,536
1992 131,072
1994 262,144
1996 524,288
1998 1,048,576
2000 2,097,152
2002 4,194,304
2004 8,388,608
2006 16,777,216
2008 33,554,432
2010 67,108,864
2012 134,217,728
2014 268,435,456
2016 536,870,912
2018 1,073,741,824
2020 2,147,483,648
2022 4,294,967,296
2024 8,589,934,592
2026 17,179,869,184
การที่ฉันเขียนลงมาหมด เพราะภาพที่เห็นเหนือกว่าคำพูด มันทำให้เราเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้ ยิ่งตัวเลขขวามือขึ้นสูงเท่าไร เราก็ยิ่งตกอยู่ในโลกของนิยายวิทยาศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น ด้วยเพราะมันมหัศจรรย์ขึ้น แปลกประหลาดขึ้น และสังคมของเรายิ่งเปราะบางลง ฉันยิ่งเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าทุกวันนี้ฉันอยู่ที่ไหน ทำไมฉันเหงา ทำไมฉันจนมุม
ฉันเกิดในปี 1953 ดังนั้น ฉันจึงสามารถสมมุติให้ปี 1958 ที่ Moore เสนอข้อสังเกตนี้เป็นตัวตั้งได้ ว่าค่าของปริมาณของทรานซิสเตอร์ในวันนั้นคือ 1 และเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหว จนมันกลายมาเป็นพันล้านเท่าในวันนี้ แรงกดดันของมันมหาศาล
แต่สมมุติเด็กคนหนึ่งเกิดมาในปี 2010 ล่ะ เท่ากับวันนี้เขามีอายุ ๘ ขวบเท่านั้น โดยสมม6ติว่าค่าของปริมาณของทรานซิสเตอร์ในปีที่เขาเกิดคือ 1 ด้วยเขาเกิดมาในยุคดิจิตอล เขาจะคุ้นเคยกับโลกแบบนี้
2010 1
2012 2
2014 4
2016 8
2018 16
2020 32
2022 64
2024 128
2026 256
จะเห็นว่า เขายังมีศักยภาพในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยเพราะแม้ถึงวันที่ Moore”s Law หยุดทำงานแล้ว เขาก็ยังพบว่าโลกนี้เปลี่ยนแปลงไม่มากนัก มันเป็นโชคดี ที่เขาเกิดมาในโลกนี้ ในวันที่ทุกอย่างเหมือนเนรมิตให้เขาแล้ว แต่ทว่ายังมีอะไรอีกมากรอคอยพวกเขาอยู่ สิ่งซึ่งฉันก็ไม่รู้ แต่เด็กเหล่านี้เกิดมาพร้อมกับมีไอโฟนในมือ
คุณเป็นคนรุ่นไหน อาจเป็นรุ่น X หรือ Y หรือ Z คุณสามารถเข้าไปแทนที่ ในปีเกิดของคุณ โดยเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ในปีนั้น แล้วคุณจะเข้าใจว่า ความเหนื่อยยากในโลกนี้เกิดขึ้นจากอะไร และทำไม มันจึงกดดันรุนแรงปานนี้
๖ฉันอยู่ในยุคสมัยก่อนรุ่น X เสียอีก ดังนั้นไม่น่าแปลกใจ หากฉันเศร้า หรือฉันเหงา
ฉันเคยหนีโรงเรียน เคยใช้ชีวิตทั้งวัน ไม่ทำอะไรเลย นอกจากเดินเล่น นั่งเล่น
แต่ในวันนี้ ด้วย Moore”s Law ฉันรู้แล้วว่า ฉันกำลังเดินเล่นอยู่ที่ไหน นั่งเล่นอยู่ที่ไหน