วัชระ แวววุฒินันท์ : 70 ปี กับ 814,660 ก.ม.

วัชระ แวววุฒินันท์

ตอนที่เครื่องเคียงข้างจอฉบับนี้ตีพิมพ์ งานพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ดำเนินมาเกือบจะ 2 เดือนแล้ว

แต่ความอาลัยของประชาชนยังคงมีต่อเนื่องไม่เสื่อมคลาย ดูได้จากการต่อแถวเพื่อเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศในพระบรมมหาราชวังที่ยังคงหนาแน่นเช่นเดิม

ตลอดเวลาเกือบ 2 เดือนนี้ ในข่าวคราวต่างๆ เรายังคงได้เห็นการถวายความอาลัยจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ มากมาย รวมทั้งในรายบุคคลที่มีเรื่องราวให้ได้ติดตามและรู้สึกร่วมไปด้วย อาทิ การเดินทางไกลจากบ้านเกิดเพื่อมาถวายสักการะพระบรมศพ เป็นต้น

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเครื่องมือในการสื่อสารทำให้เกิดคอนเทนต์ในรูปแบบใหม่ๆ เสมอ ที่เห็นได้ชัดในเหตุการณ์นี้คือ เมื่อโลกเรารู้จัก “โดรน” (อุปกรณ์ในการถ่ายทำที่ลอยตัวขึ้นสูงได้เองโดยการบังคับผ่านคลื่นวิทยุ) เป็นการเปิดภาพในมุมสูงและกว้างแบบที่เราไม่คุ้นตา จึงเป็นมุมมองใหม่ของการชม และเปิดโอกาสให้เกิดการแสดงความอาลัยในรูปแบบแปรขบวนขึ้นมา

104

ลองคิดดูว่า การแปรแถวขบวนเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์หรืออักษรใดๆ จะเห็นได้ไม่ชัดและรู้เรื่องได้เลย หากไม่มีเจ้าอุปกรณ์โดรนนี้ เราจึงได้เห็นความสวยงามในมุมสูงที่มาพร้อมกับความอาลัยในรูปแบบต่างๆ ในช่วงขณะที่ผ่านมา

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมการถวายความอาลัยที่ทำตามกันมาจนสามารถรวบรวมเป็นคลิปเฉพาะได้เลย ในคลิปที่ส่งแชร์กันมานั้นมีแม้กระทั่งพระที่มาแปรแถวเป็นเลข ๙ กับฆราวาสเขาด้วย (หากคลิปนั้นเป็นของจริงนะ)

เดี๋ยวนี้ต้องมีวงเล็บไว้อย่างนี้ เพราะสมัยนี้จะเชื่ออะไรมากก็ไม่ได้เสียด้วย

Thai people and nurses from a hospital light candles in formation showing Thai script showing numbers representing the late Thai King Bhumibol Adulyadej (L) at a park in Bangkok on November 30, 2016. Thailand's cabinet on November 29 submitted the name of Crown Prince Maha Vajiralongkorn to the nation's rubber-stamp parliament, paving the way for his endorsement as king several weeks after his father's death. / AFP PHOTO / TANG CHHIN SOTHY
AFP PHOTO / TANG CHHIN SOTHY

อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ คือ การสร้างสรรค์บทเพลงเพื่อพระองค์ท่าน ที่กลั่นมาจากความรู้สึกของนักแต่งเพลง นักร้อง นักดนตรีมากมาย รวมๆ แล้วน่าจะมากกว่า 20 เพลง เป็นการแสดงออกในความรู้สึกออกมาผ่านโน้ตดนตรีและคำร้อง ที่จับประเด็นของพระองค์ท่านแตกต่างกันไป แต่เพื่อจุดหมายเดียวกันคือ เทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 และเพื่อแสดงความรัก ความอาลัย ความคิดถึงในพระองค์นั่นเอง

เราได้เห็น ได้อ่าน การแสดงความรู้สึกของคนมากมายที่บอกว่า ต่อไปนี้จะตั้งใจนำคำสอนของพระองค์มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่น่าชื่นชม

แต่ก็มีผู้ห่วงใยว่า อย่าให้เป็นเพียงไฟไหม้ฟางเลย ที่คิดได้ รู้สึก สำนึก เฉพาะในช่วงที่เหตุการณ์และอารมณ์ยังกรุ่นอยู่เช่นนี้ เกรงว่าด้วยนิสัย ลืมง่าย ไม่มุ่งมั่น ตามแบบฉบับคนไทยจะทำให้พอเวลาคล้อยไปก็ชักจะลืม…เลือน และสุดท้ายก็เละเหมือนที่ผ่านมา

บางคนก็ตั้งข้อสงสัยกันเองว่า ความจริงพระองค์ท่านก็ทรงทำให้เห็นมานานแล้ว ทำไมจึงไม่คิด ไม่รู้สึก ไม่สำนึก กันบ้างเลยหรือ จึงต้องรอให้ถึงวันที่พระองค์จากเราไปแล้ว ถึงได้เห็น ได้คิด

นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระองค์ท่านจึงได้ตรัสกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ว่า “…งานยังไม่เสร็จ”

ก็จะเสร็จอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเราคนไทยหลายล้านคน

รักเคารพพระองค์ท่านแต่ไม่ได้ทำให้ดีเพียงพอ

ถ้าเราช่วยพระองค์ท่านทำงานกันอย่างเต็มที่มานานแล้ว พระองค์ท่านอาจจะไม่ทรงเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ พระเสโทอาจจะหยดน้อยกว่านี้

อย่างน้อยถ้าเรารักกัน เข้าใจกัน สามัคคีกัน พระองค์ท่านคงจะทรงมีความสุขมากกว่านี้

วันก่อนได้ดูข่าวจากช่องไทยรัฐทีวี ที่ได้พูดถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านเป็นสถิติที่น่าสนใจว่า ตลอดการทรงงาน 70 ปีนั้น พระองค์เสด็จฯ เพื่อช่วยเหลือประชาชนของพระองค์เป็นระยะทาง 1.35 ก.ม./ช.ม. หรือ 32 ก.ม./วัน หรือ 11,638 ก.ม./ปี 70 ปีก็รวมเป็นระยะทาง 814,660 ก.ม.

มาคิดว่า พระองค์ท่านเดินทางมากเกินไปไหม เราคนไทยไม่ได้ช่วยพระองค์เพียงพอล่ะกระมัง

ตัวเลขที่ว่า เดินทางวันละ 32 ก.ม. นั้น แค่คิดว่าเป็นการเดินทางสบายๆ ชิลด์ๆ แบบเดินทางไปเที่ยวขำๆ เรายังทำไม่ได้เลย แต่นี่พระองค์ท่านเสด็จฯ เพื่อทรงงาน ทรงงานเพื่อหาทางช่วยให้คนไทยมีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

แม้กระนั้นพระองค์ท่านก็ยังตรัสว่า…งานยังไม่เสร็จ

โอ้โฮ ลองคิดว่าถ้าเป็นคนธรรมดา คนหนึ่งคนทำงานติดต่อกันตลอด 70 ปีแล้วงานยังไม่แล้วเสร็จ ต้องเป็นงานที่ยากมาก มีความซับซ้อนแน่นอน

แต่ในคนคนนั้น ที่เป็นพระองค์ท่าน พระองค์กลับไม่ทรงท้อถอยเลย กลับทรงมีความเพียรต่อสู้กับปัญหาตรงหน้ามาตลอด 70 ปี

nzc5816pcxrtgyfagjo-oหากย้อนดูการครองราชย์ของรัชกาลที่ 5 จนมาถึงรัชกาลที่ 9 จะเห็นว่าในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์เป็นเวลาไม่น้อยเช่นกันคือ 42 ปี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์เป็นเวลา 15 ปี

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นสั้นนักเพียง 9 ปีก่อนจะทรงสละราชสมบัติ

ส่วนพระเชษฐาธิราชของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ก็ทรงครองราชย์เพียง 12 ปี ซึ่งเวลาส่วนหนึ่งใช้ไปกับการเสด็จศึกษาต่อในต่างประเทศด้วย

4 รัชสมัยที่กล่าวถึงนั้นรวมกันได้ 78 ปี

แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทรงงานในสมัยเดียวของพระองค์ถึง 70 ปี

ญาติมิตรหรือคนในครอบครัวเราบางคน ยังมีอายุสั้นกว่า 70 ปีด้วยซ้ำ

ประเทศไทยโชคดีที่ 70 ปีที่ผ่านมานั้น เราได้รับพระเมตตาจากพระองค์ท่านที่ได้พระราชทานความเจริญ ความอยู่ดีกินดี ความมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามสมควร ทำให้เรายิ้มได้ หัวเราะได้ มีความสุขได้

nzc57udu7jpd0thmh6e-o

70 ปีในรัชสมัยของพระองค์ท่านผ่านไปแล้ว ต่อจากนี้เราคงจะต้องช่วยกันทำอย่างที่เรารู้สึกกันตอนนี้ พูดกันตอนนี้ ที่ว่าเราจะทำตามคำที่พระองค์ท่านได้สอนไว้ ยึดเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต

ทำอย่างตั้งใจ มุ่งมั่น ต่อเนื่อง อย่าให้เป็นเพียงลมที่วูบผ่านมาเลย

ไม่อย่างนั้น 70 ปีที่พระองค์ท่านทรงทำไว้ให้กับแผ่นดินไทย จะเสียประโยชน์ไปอย่างน่าเสียดาย

ปาดคราบน้ำตา และลุกขึ้นมาด้วยพลังใจที่เข้มแข็ง มีความเพียร มีคุณธรรม ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดกันเถิดครับ

เชื่อว่าถ้าเราทำได้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 คงจะแย้มพระสรวลมาจากบนฟากฟ้าแน่นอน