ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 มกราคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | ท่าอากาศยานต่างความคิด |
เผยแพร่ |
รัก/หลง/เมือง (5)
ดวงตะวันนับคือราตรี ผ่านปี
ดาวและเดือนเคลื่อนหมุน ผ่านไป ผ่านมา
ใจเธอยังคงสับสนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง
คอยหมุนผ่านไป รอบกายฉัน
นั่งมองดูดวงดาวฉันมองเห็นเธอสุขสกาว
ส่องแสงเรืองรองนับกลางใจ
เธอเหมือนดวงดาวส่องแสง
วันดีคืนดีเธอหายลับไปจากดวงตาฉัน
มองไม่เห็นดวงใจเธอนั้น
เธอเหมือนดวงดาวที่คอยหนีห่าง…
หนีห่าง
บทเพลงโดย เขียนไขและวานิช
นับแต่นาทีแรกที่เห็นภาพ ร่างกายของเขาเย็นเฉียบ เขาลืมทุกสิ่งที่ท่องจำ เขาลืมบทสนทนาที่ตระเตรียมไว้
เขาอาจคิดถึงเธอในภาพที่แตกต่าง
เธอในชุดลำลอง
เธอในวัยเด็กภายใต้ชุดนักเรียนตัวน้อย
เธอในวัยรุ่นภายใต้เสื้อยืดและกางเกงยีนส์
เธอภายใต้ชุดที่บางเบา
แต่ภาพของเธอที่เกาะกุมแขนของผู้ชายอีกคนเป็นภาพที่เขาไม่เคยนึกถึง
ไม่เคยคิดคำนวณถึงและไม่เคยแม้แต่จะคิดว่ามันอาจมีอยู่จริง
ขาของเขาไม่เคลื่อนที่ ร่างกายของเขาไม่เคลื่อนที่ ลมหายใจของเขาแผ่วเบาและถูกขับออกจากปอดอย่างลำบากยากเย็น
ทั้งหมดนี้เป็นความจริงหรือ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องเผชิญหรือ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องยอมรับหรือ
หญิงสาวผู้ที่เขาใฝ่ฝันถึงเป็นหญิงสาวของบุคคลอื่น
หญิงสาวผู้ที่เขาใฝ่ฝันถึงเป็นหญิงสาวที่อยู่ภายใต้การครอบครองของใครบางคน
หญิงสาวผู้นั้นเดินเกาะกุมท่อนแขนของชายใกล้ตัวอย่างสนิทสนม
สีหน้าของเธอมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กระโปรงสีฟ้าเข้ม น่าจะชักชวนให้ใครก็ตามที่เห็นมันรู้สึกได้ถึงท้องฟ้าที่สว่างไสว อบอุ่น เปี่ยมด้วยแสงแดดและประกายเมฆ
แต่สำหรับเขาแล้ว สีฟ้าบนร่างกายของเธอกลับทำให้เขารู้สึกหม่นเศร้า
เขานึกถึงความทุกข์
เขานึกถึงความเจ็บปวด
เขานึกถึงความทรมานจำนวนมากมาย
นับจากนี้อย่างน้อยก็ในยามที่เขาคิดถึงเธอ
เขาเดินไปยังเสาต้นที่ใกล้ที่สุดบริเวณชานชาลา เอนหลังลงพิงกับเสา ทอดทิ้งร่างทั้งร่างที่บัดนี้เขารู้สึกเสมือนดังว่ามันถูกสร้างขึ้นจากเศษฟางบางเบา
เขากำลังจะปลิวลอย
เขากำลังจะสูญสลาย
เขากำลังจะหายไปจากโลกนี้
โลกที่เขามีเธอ
รถไฟใต้ดินขบวนถัดไปแล่นเข้าเทียบชานชาลา ผู้คนที่รอคอยการมาถึงของมันพากันเคลื่อนย้ายตนเองเข้าไปในตัวรถไฟ
ทุกคนรู้สึกปลอดภัย
ทุกคนรู้สึกอบอุ่นที่ประสบความสำเร็จในการเป็นส่วนหนึ่งของพาหนะเดินทางเช่นนี้
มีเพียงเขาที่ยืนแอบอิงกับเสาต้นเดิม
เขาจ้องมองดูเธอ รถไฟใต้ดินเคลื่อนขบวนอย่างช้าๆ
เขาจ้องมองดูเธออีกครั้ง เขาจ้องมองดูเธอจากไปพร้อมกับคนรักของเธอ
หลังสิ้นสูญภาพสุดท้ายของขบวนรถไฟใต้ดิน เขาเดินกลับขึ้นบันได ขึ้นไปยังทางออก
ออกจากสถานี กลับไปที่ร้านกาแฟ
เขาสั่งกาแฟแบบเดิมกับที่เขาได้ดื่มมันเมื่อเช้า
โทรศัพท์ไปลางาน เป็นการลางานครั้งแรกของเขา
เป็นการลางานจากอาการป่วยที่เขารู้ว่ามันไม่เป็นความจริง
ความป่วยไข้ทางใจอาจเป็นอาการป่วย แต่ไม่ใช่อาการป่วยที่จะเป็นข้ออ้างได้เลย
กระนั้นเขาก็รู้สึกว่าตนเองทำถูกต้องแล้ว
เขาไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไปสำหรับวันนี้
เขาไม่มีเรี่ยวแรงสำหรับการงาน
จนแม้การกลับคืนสู่บ้านของตนเอง เขาก็ยังไม่แน่ใจว่ามีเรี่ยวแรงเพียงพอหรือไม่สำหรับการเคลื่อนกาย
กระนั้นหลังหยดสุดท้ายของกาแฟ เขาก็พาตนเองกลับบ้าน
เขาขี่จักรยานผ่านความเปียกชื้นบนถนนจากฝนเมื่อคืน
เขาแน่ใจแล้วว่าฝนได้ตกลงมาเมื่อคืน
ถนนมีผิวน้ำฉาบทาบทา เงาของจักรยานที่สะท้อนในผิวน้ำบ่งบอกว่าจักรยานของเขาไม่มั่นคง มันสั่นไหว โอนเอน
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงทุกสิ่งรอบตัวเขาจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากมาย
โลกที่เคยจริงจังจับต้องได้
โลกที่เคยมั่นคงแน่วแน่
โลกที่เคยเปี่ยมด้วยความหวังจะกลับกลายเป็นโลกที่จับต้องไม่ได้
เป็นโลกที่เปราะบางและเป็นโลกที่ไร้ซึ่งความหวังถึงเพียงนี้
ตลอดวันนั้นเขาพบตนเองอยู่บนเตียง หลังกลับคืนสู่บ้านสถานที่เดียวที่เขาคิดว่าตนเองปลอดภัยที่สุดในเมืองแห่งนี้
เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียง พยายามหลับใหล
พยายามหลับเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาและคิดว่าทุกสิ่งที่เขาได้พบเจอเกี่ยวกับเธอเป็นฝันร้าย
แต่เขาไม่อาจหลับใหลลงได้ มันเป็นอากัปอาการแบบเดียวกับที่เขาประสบพบในคืนก่อน
ทว่าแก่นสารของมันกลับแตกต่างออกไป
ในคืนก่อนเขาไม่อาจหลับใหลได้ด้วยความคาดหวัง
แต่ในวันนี้เขาไม่อาจหลับใหลลงได้ด้วยความสิ้นหวัง
ความสิ้นหวังดังกล่าวชักนำเขาสู่การหลบหนี
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นบุคคลที่เปราะบางเช่นนี้
แต่สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นแล้วในที่สุด
เขารู้สึกหวาดกลัวเมืองหลวงแห่งนี้
เขารู้สึกไม่มั่นใจในมัน ไม่เป็นมิตร
เขาไม่รู้ว่าจะปฏิสัมพันธ์กับมันเยี่ยงไรดี
เขามาถึงเมืองแห่งนี้ในฐานะที่มั่นสุดท้าย แต่แล้วเขากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เมืองที่ปลอดภัยสำหรับเขาอีกต่อไป
แต่เขาจะไปไหนได้
เขามีที่นี่ ที่บ้านแห่งนี้เป็นที่พักพิง
เขาพยายามสร้างมันขึ้นใหม่จากซากปรักหักพัง หลังจากนั้นเขาหาญกล้าที่จะสร้างโลกอีกโลกที่มีใครสักคนเข้ามาอิงแอบอาศัยด้วย
ทว่าโลกใบนั้น ย่อยยับอัปราลงแล้ว โลกใบที่คาดหวังว่าจะมีใครสักคนทำให้มันสมบูรณ์
เขาจำต้องซ่อมแซมตนเอง ใช่สิ การซ่อมแซมเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอไม่ว่าในโลกแบบใดก็ตาม
เขาคิดถึงการหนีห่าง การหลบหนีจากที่ที่คุ้นเคยแม้ไม่ใช่ตลอดไป แต่เป็นเพียงเวลาชั่วคราวก็ตามที
เขาคิดถึงเมืองเล็กๆ สักเมืองที่เขาจะได้ฟื้นฟูจิตใจ
ด้วยตำแหน่งงานเช่นเขา การลาพักร้อนเพียงไม่กี่วันไม่ใช่ปัญหา
แต่เขากลับไม่แน่ใจว่าเขาต้องการเวลาเล็กน้อยเพียงเท่านั้นหรือ บางทีการซ่อมแซมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาอาจต้องการเวลามากกว่านั้น
เขาโทรศัพท์ไปยังสถานที่ทำงานแจ้งความประสงค์ที่จะลาออก
เสียงปลายสายจากฝ่ายบุคคลทำให้เขาตระหนกตกใจ ในตอนเช้าเขาขอลางานด้วยอาการป่วยไข้ แต่ในยามบ่ายเขากลับโบกมือลาสถานที่ที่เขาเคยคุ้นชินกับมันอย่างไม่ไยดี
เจ้านายของเขาเป็นผู้ส่งเสียงตามสายมาอีกคน “งานของเราวุ่นวายจริงๆ คุณจะพักงานสักระยะก็ได้ถ้ารู้สึกไม่สบาย แต่ขอให้กลับมา การหาคนทดแทนในตำแหน่งของคุณไม่ใช่เรื่องง่าย”
เขาฟังบทสนทนานั้นอย่างสงบและกล่าวสั้นๆ เพียงว่าเขาจะกลับไปในเวลาที่สมควร
แต่เมื่อเขาวางสายเขาก็รู้ดีว่าเขาไม่มีวันกลับไปยังสถานที่นั้นอีกแล้ว ไม่มีวัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาออกเดินทางไปสนามบิน เขาจองเที่ยวบินตั้งแต่กลางดึกของคืนก่อน
เขาใช้โอกาสที่ไม่อาจข่มตาหลับได้จัดการสะสางทุกอย่าง
เขาจัดการสมัครการชำระค่าสาธารณูปโภคผ่านธนาคาร
เขาเขียนใบคำสั่งงานที่จำเป็นทุกอย่างและส่งมันผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังเพื่อนร่วมงาน
เขาทำความสะอาดเสื้อผ้า ตระเตรียมชุดที่จำเป็น
เขาเลือกหนังสือ เขียนสิ่งที่อยากจะทำในช่วงเวลานับจากนี้ เวลานับจากนี้เป็นเวลาอันโดดเดี่ยว
เขารู้ตนดี เขาเลือกเมืองอันโดดเดี่ยวเล็กๆ เมืองหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศเป็นที่หลีกหนี
เมืองที่ใครกล่าวว่ามันเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน
เมืองที่เขาจะกลายเป็นคนแปลกหน้าอีกครั้ง เมืองที่เขาจะได้ใช้เวลาคิดถึงเธอไม่ต่างจากใครสักคนที่เฝ้าคิดถึงดวงดาวที่หายลับไปจากดวงตา
เครื่องบินพาเขามาถึงเมืองหลวงของดินแดนภาคเหนือในยามสาย
อากาศเย็นสบาย เขาขึ้นไปบนดอย สักการะพระธาตุศักดิ์สิทธิ์
เขาเคยมายังสถานที่แห่งนี้ในวัยเด็กกับลุงและป้า สีทองอร่ามของพระธาตุเตือนความทรงจำให้เขาตระหนักว่าเขาเป็นคนมีราก
เขาไม่ใช่คนไร้รากโดยสิ้นเชิง
ดินแดนทางเหนือแม้ว่าจะเป็นดินแดนที่เขาผละจากมาไปเนิ่นนาน
แต่เสียงพูดอันคุ้นเคย ถ้อยคำภาษาถิ่นที่เขาเข้าใจได้นับแต่แรกยินทำให้จิตใจของเขาสดชื่น
เป็นความสดชื่น อบอุ่น เป็นครั้งแรกนับแต่ความหนาวเย็นแห้งแล้งที่เกิดขึ้นนับแต่เช้าวันวาน หลังลงจากดอยเขาตรงไปที่สถานีรถโดยสาร
ซื้อตั๋วเที่ยวแรกที่จะไปยังเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง
รถตู้พาเขาลัดเลาะคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา ราวสามชั่วโมง ไม่นับเวลาพักรถ เขาก็ไปถึงเมืองแห่งนั้น
เมืองที่ไม่มีผู้คนมากมาย
เมืองที่ไม่มีการจราจรอันสับสน
เมืองที่ไม่มีรถไฟใต้ดินและเมืองที่ไม่มีเธอ
เธอผู้ที่เกาะกุมแขนของใครบางคนซึ่งไม่ใช่เขา