โลกหมุนเร็ว /เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง /ต้นข้าว

โลกหมุนเร็ว /เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

ต้นข้าว

ต้นข้าวจากคุณพ่อคุณแม่ไปเรียนที่เยอรมนีได้ครึ่งปีแล้ว เธอเป็นเด็กมีพรสวรรค์ด้านศิลปะ และได้ทุนจากเกอเธ่ไปเรียน เราเห็นต้นข้าวตั้งแต่ยังเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ใช่เด็กที่อ่อนน้อมไหว้กระชดกระช้อยเมื่อเจอผู้ใหญ่ แต่จะอยู่เฉยๆ เหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง เก็บพลังงานไว้ ไม่ปล่อยออกมาใช้พูดคุยเรื่องหยุมหยิม

เราซึ่งเป็นเพื่อนของคุณแม่ต้นข้าวคอยฟังข่าวคราวของต้นข้าวมาเรื่อยๆ บางทีคุณแม่ก็เอาผลงานมาให้ดู ซึ่งเราดูด้วยความทึ่ง ต้นข้าวไม่ได้ไปเรียนศิลปะกับครูที่ไหน เธอวาดภาพต่างๆ อย่างอิสระ

ก่อนไปเยอรมนี คุณแม่ก็ให้ต้นข้าววาดรูปไว้ให้คุณน้าคุณป้าเป็นที่ระลึก เป็นรูปดอกกุหลาบที่สดใสมีชีวิตชีวา คุณป้าคุณน้าก็เอาใส่กรอบไว้ดู

จากไปไม่กี่เดือน คุณแม่ก็ส่งผลงานล่าสุดมาอัพเดตคุณป้าคุณน้า เราก็อดทึ่งไม่ได้อีกครั้งว่าผลงานของต้นข้าวมีพัฒนาการ เติบโตขึ้น และต้นข้าวค้นพบสไตล์ของการวาดภาพใหม่ ออกมาเป็นแนว abstract

นั่นย่อมเป็นสิ่งที่งอกงามจากการได้ไปศึกษาที่เยอรมนีแน่นอน

 

คุณพ่อคุณแม่ของต้นข้าวย่อมดีใจที่คิดไม่ผิดส่งลูกไปเรียนที่เยอรมนี คงเป็นเพราะโลกทัศน์ที่กว้างใหญ่ขึ้นที่ทำให้ต้นข้าวมีมุมมองศิลปะต่างไปจากเดิม ลุ่มลึกขึ้น

ในโลกทุกวันนี้ เมื่อเทคโนโลยีทำอะไรๆ ก็ได้ คนที่มีความสามารถพิเศษอย่างต้นข้าวคือคนที่โดดเด่น และมีโอกาสมากกว่าคนอื่น

ความพิเศษคือโอกาส

การได้เห็นโลกกว้างและโลกทัศน์มีส่วนอย่างมากในการพัฒนาโอกาส

สังเกตไหมคะว่าเทคโนโลยีทำให้คนเก่งเท่าๆ กันหมด กดหน้าจอก็โอนเงินได้ กดหน้าจอก็สั่งอาหารมากินที่บ้านได้ กดหน้าจอแท็กซี่ก็มาจอดหน้าบ้านส่งเราไปไหนต่อไหน กด google translate ก็รู้ศัพท์ต่างๆ กด google search ก็มีสรรพวิชาความรู้ทั่วโลกทั้งอดีต-ปัจจุบันมาอยู่ตรงหน้า

อยากทำอาหารแปลกๆ ยูทูบยังมีสอน อยากวาด perspective เปิดยูทูบก็มีคลิปสอนอีกเหมือนกัน

พลังสร้างสรรค์เท่านั้นที่เทคโนโลยีไม่มีให้ แต่พลังสร้างสรรค์ก็ยังต้องได้รับประสบการณ์เพื่อมาสร้างมุมมองใหม่ๆ

 

ในขณะที่ทุกวันนี้ใครๆ บอกว่ามันเป็นยุคแห่งเทคโนโลยี แต่ผู้เขียนกลับคิดว่าเทคโนโลยีนั้นธรรมดาไปแล้ว ผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ต่างหากที่เป็นสิ่งน่าทึ่งและน่าเสพ มันสร้างความสุข ความมีชีวิตชีวา สร้างปีติในใจผู้สรรค์สร้าง และผู้ที่ชื่นชมงาน

ผลงานสร้างสรรค์มีคุณค่าในตัวของมัน ไม่ต้องพูดถึงมูลค่าของมันด้วยซ้ำ ที่เมื่อถึงระดับหนึ่งมันจะมีมูลค่ามหาศาล

สักวันหนึ่งผลงานของต้นข้าวจะมีมูลค่ามหาศาล หลังจากที่ผู้คนได้เข้ามาชื่นชม

ก่อนจะถึงเวลานั้น สิ่งที่มีค่าคือความสุขของต้นข้าวที่ได้ทำงานศิลปะ

สิ่งที่น่าเสียดายคือ มีคนหลายคนที่มีพรสวรรค์ทางศิลปะ ปล่อยเวลาให้หมดไปกับธุระต่างๆ โดยไม่ได้เกื้อกูลตนเองให้ใช้เวลาปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์ที่สร้างความสดชื่นให้จิตใจ

มันอาจไม่ได้หมายถึงการวาดภาพเพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายถึงการทำอาหาร จัดดอกไม้ จัดบ้าน จัดสวน เล่นดนตรี เขียนกวีนิพนธ์ ออกแบบแฟชั่น ออกแบบผ้า หรือแม้แต่การออกแบบเค้กแต่งงานของศิลปินหญิงอีกคนหนึ่ง ที่ชื่อภาศน์โสภา

จิตของผู้สร้างสรรค์งานศิลปะน่าจะเป็นจิตที่มีสติและสมาธิ ทำให้ศิลปินไม่ง่วงเหงาหาวนอน แต่สดชื่นอยู่เสมอ

ผู้เขียนยังนึกแปลกใจที่วันใดที่รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน เบื่อหน่ายกับภารกิจประจำวัน แต่พอลุกขึ้นมาหาไอเดียจัดบ้าน หรือหัดทำอาหารใหม่ๆ ที่ท้าทาย ความง่วงเพลียก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง

ไม่รู้พลังและความสดชื่นมาจากไหน

 

คนไทยเรามีดีเอ็นเอของการสร้างสรรค์เหมือนอีกหลายชาติ เช่น อังกฤษ อิตาเลียน ฝรั่งเศส แต่ยังไม่ช่ำชองเรื่องการสร้างแบรนด์และการตลาดเหมือนอเมริกันซึ่งมีเกาหลีและจีนที่ไล่ตามมาติดๆ จีนขยันปล่อยคลิปทางไลน์ไปเรื่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่การรับรู้ของชาติเอเชียด้วยกัน ข้อมูลจึงมาจากจีนมากมาย

ส่วนเรื่องกวีนิพนธ์ ขอยกงานแปลของบัญชา สุวรรณานนท์ ที่แปลบทกวีจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ที่ผู้เขียนเพิ่งได้รับจากเจ้าตัวเมื่อสักครู่นี้

Gather ye rosebuds while ye may,

Old Time is still a-flying :

And this same flower that smiles to-day

To-morrow will be dying.

จงเด็ดดมกุหลาบงามยามทำได้

ด้วยเวลารุดผ่านไปไม่คอยท่า

วันนี้ดอกบานเบ่งตระการตา

พรุ่งนี้พากันสิ้นไปไม่ยืนยง

The glorious lamp of heaven, the sun,

The higher he’s a-getting,

The sooner will his race be run,

And nearer he’s to setting.

ตะเกียงแห่งสวรรค์คือตะวันฉาย

ยิ่งลอยผ้ายขึ้นยอดฟ้าน่าพิศวง

ยิ่งเร่งรุดสู่จุดหมายปลายทางลง

จนอัสดงสิ้นแสงอันเรืองรอง

อยากจะคิดว่า แม้สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองดูไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ แต่เราก็ยังมีความงามรอบๆ ตัวจากพลังสร้างสรรค์ของคนไทยเราเองที่จรรโลงหัวใจเราได้ตลอดเวลา