กองปราบปรามยุคกู้ชื่อ-รักษาดีกรีเกรด A มิชชั่นท้าทายผู้การหนุ่ม “พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช”

มิชชั่นท้าทายผู้การหนุ่ม “พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช” ผบก.ป.ยุคกู้ชื่อ-รักษาดีกรีเกรดเอ

“เป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่หมายพึ่ง” เป็นสโลแกนของ “ตำรวจกองปราบฯ” ม็อตโต้ประจำหน่วยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นเสมือนพันธสัญญาจากกองบัญชาการเกรดเอบวกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับประชาชน

กองปราบฯ ยุควันนี้ก้าวผ่านยุคเงียบเหงาที่คนลืมมาไกล หากเรียกว่ากู้ศักดิ์ศรีกองปราบปรามคืนมาก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

ย้อนไปยุคก่อน ย้อนไปไกลมากกว่า 10 ปี ก่อนนี้กองปราบปรามคือหน่วยเบอร์ 1 ระดับสารวัตรในกองปราบฯ นี่คือสารวัตรประเทศไทย ใครๆ ก็เกรงขาม ใครอยู่ในตำแหน่งนี้ได้แลกมาด้วยฝีมือ ผลงานทั้งนั้น เส้นสายเอาเป็นว่าระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ มีมาแต่ไหนแต่ไร แต่ใครมาอยู่กองปราบฯ เส้นดีอย่างเดียวไม่ได้ ฝีมือต้องเป็นที่ยอมรับด้วย

สมัยก่อนใครอยู่สังกัดกองปราบฯ ติดอาร์มสวยที่ข้างบ่า ต้องสร้างผลงานเฉียบ อยู่หน่วยนี้ได้ชื่อชั้นต้องไม่ธรรมดา

เช็กสายไล่ชื่อจะเห็นชัดนายตำรวจเบอร์ท็อปในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล้วนผ่านกองปราบปรามมาทั้งนั้น

ดูง่ายๆ ยุคนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นี่ก็ลูกหม้อกองปราบปราม ผลงานการสืบสวนเป็นที่ยอมรับ พื้นที่ปลายด้ามขวานที่กำลังร้อนระอุชายแดนภาคใต้สมัยอยู่กองปราบฯ “บิ๊กแป๊ะ” ผบ.ตร.ย่ำมาทุกพื้นที่

อีกคนคู่หู ผบ.ตร. “บิ๊กช้าง” พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.หมาดๆ คนนี้ในวงการสีกากีกำลังแซงมาแรง มีโอกาสเป็น ผบ.ตร. หากเพื่อนรักมีเก้าอี้ใหม่ เปิดทางตำแหน่งว่าง ชื่อเดอะช้าง มีสิทธิคั่ว โปรไฟล์ยี่ห้อกองปราบปราม ประสบการณ์โชกโชน

หรือแม้แต่แม่ทัพกองบัญชาการสำคัญในปัจจุบัน “เดอะบัว” พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “เดอะแหมว” พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แม่ทัพสีกากีแก้ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ชื่อชั้นนักสืบไม่ต้องพูดถึง ได้รับการยอมรับอย่างสูง เรื่องสปิริตความตั้งใจต้องยกนิ้ว เยี่ยม ชื่นชม คุมภาค 9 หลายจังหวัดแต่เลือกปักหลักทำงาน 4 จังหวัดชายแดนใต้เป็นหัวหอกนำทัพแก้ปัญหา

นี่คือตัวอย่างดีนายตำรวจดีกรีศิษย์เก่ากองปราบปราม จัดว่าเฉียบทั้งนั้น!!

เล่าวกไปไกล กลับมายุคก่อนหน้านี้ไม่นาน ผลงานกองปราบปรามในห้วงหนึ่งเงียบเชียบ ว่ากันว่าไม่ใช่เพราะโจรขโมยหยุดงาน แต่เพราะตำรวจเข้าเกียร์สแตนด์บาย ผลงานเชิงรุกในบางช่วงเวลาของกองปราบฯ จึงไม่ค่อยมี

ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเวลาผ่าน วัฒนธรรมองค์กรสีกากีเริ่มแปรแปลี่ยน ระบบการคัดเลือกคน แต่งตั้งโยกย้ายคนไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม

ตำแหน่งไม่ได้แลกด้วยผลงานและความเหมาะสม แต่มีปัจจัยมาเจือปน

ชื่อชั้นความเกรียงไกรของตำรวจกองปราบปรามในบางยุคก็เปลี่ยนไป หัวไม่ส่าย หางนิ่งสนิท

ภาพลักษณ์ไม่ถึงกับติดลบ แต่ไม่บวกอย่างที่ควรจะเป็นสมดังชื่อกองปราบปราม!!

แต่มาวันนี้ ภาพลักษณ์ แอ๊กชั่นของกองปราบปรามกู้คืน คดีไหนจบไม่ได้ ไม่คลี่คลาย นิ่งเงียบในชั้นโรงพักท้องที่

ประชาชนตบเท้าบุกเข้ากองปราบปรามหวังเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่ง

หลายคดีผ่านมากองปราบปรามไม่ทำให้ผิดหวัง ติดตามข่าวสารในสื่อสารมวลชนทุกกองกำกับการในกองปราบปราม มีผู้กำกับหนุ่มสุดฟิต งานออกทุกกอง วันละหลายงาน คดีเก่าหมายจับเก่าเก็บโจร คนร้ายหนีมาครึ่งชีวิต ตำรวจกองปราบปรามตามล่าจับตัว

ยุคที่เงียบเหงาหมดไป สถานการณ์งานออก ตำรวจกองปราบฯ ขยันเป็นอย่างนี้มาสักพัก ช่วง 3-4 ปีหลังนี้เองจนในปัจจุบัน

ลูกน้องทำงาน ต้องให้เครดิตนายขับเคลื่อนดี ไพร่พลขยันเพราะแม่ทัพสั่งบุก!!

กองบังคับการปราบปราม พ.ศ.นี้ มีนายพลหนุ่มกุมบังเหียน

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช หรือ “ผู้การก้อง” เป็นผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามคนปัจจุบัน

แม้จะขึ้นสู่เก้าอี้ ผบก.ป.มาแบบฟาสต์แทร็ก เร่งโตมาคุมกองบังคับการใหญ่ แต่หากเช็กโปรไฟล์แล้วพบว่าไม่ธรรมดา ส่วนฝีมือมีผลงานเก่าพอการันตี

ตั้งแต่รักษาการเก้าอี้ ผบก.ป. จนเต็มตัวไม่ถึง 3 เดือน แม้อายุน้อยเป็นรุ่นน้องผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนด้วยซ้ำ

แต่เรื่องการบริหารบัญชา ผู้การหนุ่มคนนี้ได้รับการยอมรับ พอวัดได้จากวันนี้ทุกกองกำกับการในกองปราบปรามขยันทำงานจับสืบผู้ร้าย ทำหน้าที่ตำรวจที่แท้จริง แต่อย่างว่าช่วงนี้ยังใหม่ ต้องมองกันไกลๆ

จากนี้ต่อไปผู้การหนุ่มจะกุมบังเหียนกองปราบฯ กู้ชื่อเสียงเรียกศักดิ์ศรี

พล.ต.ต.จิรภพ ชื่อเล่น “ก้อง” เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2515 อายุ 46 ปี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 34 นักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 50

จบปริญญาโท คณะ Management Information System (การบริหารข้อมูลสารสนเทศ) Central Michigan University สหรัฐอเมริกา

จบปริญญาเอกวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จบหลักสูตรเอฟบีไอรุ่นที่ 271 จากสหรัฐอเมริกา หลักสูตรวิเคราะห์ข่าวกรองอาชญากรรม ฯลฯ

เริ่มรับราชการตำแหน่งแรกเป็นรองสารวัตรฝ่ายปฏิบัติการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) เป็นรองสารวัตร แผนก 2 กก.1 บก.ป. ก่อนติดยศ พ.ต.ต. เป็นสารวัตรตำรวจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต

จากนั้นก็ขึ้นเป็นรอง ผกก.ท่องเที่ยวภูเก็ต และได้ขึ้นเป็น ผกก.ท่องเที่ยวภูเก็ต ต่อมาได้ย้ายกลับถิ่นเก่ามาเป็น ผกก.1 บก.ป. เมื่อปี 2557 ขึ้นเป็นรอง ผบก.ป.เมื่อเดือนมิถุนายน 2560 กระทั่งล่าสุดขึ้นเป็น ผบก.ป. คนที่ 36

“ผมขอให้คำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าธงประจำกองปราบฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่าผมจะนำพากองปราบฯ ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่ศรัทธาของประชาชนให้สมกับความว่าที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่งอย่างแท้จริง รวมถึงจะดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้ทำงานที่นี่อย่างมีความสุข ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานและประชาชน” พล.ต.ต.จิรภพกล่าวในวันรับมอบตำแหน่ง

เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้การกองปราบฯ สั่งผ่านรอง ผบก.ป. ลุยสถานบันเทิงผิดกฎหมายทั่วประเทศ เน้นเด็ก-ยา-อิทธิพล ปราบให้เหี้ยน เพราะเชื่อเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมรุนแรงและกระทำผิดทางเพศ ขู่หากตำรวจท้องที่ไม่จับ-กองปราบฯ ลุยแน่

นี่คือท่าดีมาดดุดันเชิงรุกของผู้บังคับการกองปราบฯ คนใหม่

ยุคนี้วันนี้ตำรวจกองปราบฯ ทำงานจริงสมชื่อชั้นหน่วยเกรดเอ ทุกกองกำกับการปล่อยหมัด เต้นฟุตเวิร์ก ส่งหมัดน็อก ภายใต้โปรโมเตอร์ผู้การหนุ่ม แต่อย่างว่าช่วงนี้ยังใหม่ต้องมองกันไกล ระยะเวลาเท่านั้นพิสูจน์ของจริงของเทียม

จากนี้ต่อไปต้องจับตาผลงานบังคับบัญชานำหน่วยของ “ผู้การกองปราบฯ” ที่ชื่อ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ว่าจะกุมบังเหียนกองปราบฯ กู้ชื่อเสียงที่เคยสูญหาย รักษาศักดิ์ศรี ดีกรีกองปราบฯ กองบังคับการประเทศไทย เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้หรือไม่?

เป็นภารกิจที่ท้าทายผู้การหนุ่มโปรไฟล์ดี!!