ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยแผนสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 100 วันแรก เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงแนวทางที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผู้อพยพ ข้อตกลงการค้าและนโยบายด้านกลาโหม
ทรัมป์ให้สัญญาว่าจะถอนตัวจากการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี
ยกเลิกข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่บังคับใช้ในสมัยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา
ขอให้ทีมงานฝ่ายความมั่นคงเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อรับมือต่อการถูกโจมตีสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐาน
ให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบวีซ่าคนงานของรัฐบาลกลาง
และกำหนดข้อห้ามใหม่ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานด้านการล็อบบี้
นโยบาย 6 เรื่องที่ทรัมป์เปิดเผยครั้งนี้เป็นเรื่องที่นำไปปฏิบัติได้ง่ายมากในวอชิงตัน เนื่องจากสามารถบังคับใช้ได้ทันทีเพียงแค่ทรัมป์เซ็นชื่อลงไปและไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรส
แต่ทรัมป์ยังคงละไว้เรื่องคำมั่นสัญญาในการหาเสียงที่เป็นประเด็นใหญ่หลายๆ เรื่อง ซึ่งรวมถึงการประกาศว่าจะสร้างกำแพงกั้นยาวตลอดแนวชายแดนสหรัฐอเมริกาติดกับเม็กซิโก จัดตั้งกองกำลังเพื่อการเนรเทศผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย กำหนดข้อห้ามใหม่ในการเข้าเมืองจากประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามบางแห่ง เพิกถอนรัฐบัญญัติประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือกฎหมาย “โอบามาแคร์” และลงทุนในสาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งหมดที่ทรัมป์หาเสียงไว้ไม่เหมือนกับนโยบายข้างต้น โดยมาตรการเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
และเห็นได้ชัดว่าต้องทำงานหนักมากขึ้นอีกในการปรับเปลี่ยนขัดเกลาในรายละเอียดของนโยบายต่างๆ
ทั้งเวลาและความรวดเร็วมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญจากการที่ประธานาธิบดีคนใหม่ตั้งเป้าที่จะได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางตั้งแต่ปีแรกที่เข้ารับตำแหน่ง
ซึ่งมีโอกาสอยู่ไม่น้อยจากการที่พรรคครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภารวมถึงทำเนียบขาว เรียกได้ว่าสถานการณ์ดีกว่าสมัยของโอบามาเมื่อ 8 ปีที่แล้วมาก
อย่างไรก็ตาม แม้รีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังอาจประสบความยากลำบากในวุฒิสภาได้ จากการที่เดโมแครตจะมี 48 ที่นั่งในปีหน้า น้อยกว่ารีพับลิกันที่มี 51 ที่นั่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่หมายถึงเดโมแครตยังมีเสียงมากเพียงพอที่จะสกัดกั้นมาตรการบางอย่างของทรัมป์ได้
ทรัมป์ระบุว่ามาตรการของเขามุ่งเน้นให้ความสำคัญไปที่คนงานชาวอเมริกันโดยเฉพาะ
“ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเหล็ก สร้างรถยนต์ หรือรักษาโรค ผมต้องการให้ผลผลิตและนวัตกรรมของเจเนอเรชั่นต่อไปเกิดขึ้นที่นี่ ในมาตุภูมิที่ยิ่งใหญ่ของเรา อเมริกาเป็นที่สร้างความมั่งคั่งและสร้างงานเพื่อคนงานชาวอเมริกัน” ทรัมป์กล่าวไว้ในวิดีโอความยาว 2 นาทีครึ่ง
และว่า “ในส่วนหนึ่งของแผนการนี้ ผมได้ขอให้ทีมรับช่วงต่ออำนาจ คิดถึงคำสั่งทางด้านบริหารที่เราสามารถทำได้เลยในวันแรกเพื่อฟื้นกฎหมายและนำตำแหน่งงานกลับคืนมา”
หนึ่งในเรื่องแรกๆ ที่ประธานาธิบดีคนใหม่จากพรรครีพับลิกันบอกว่าจะทำคือ การแจ้งถึงความความตั้งใจที่จะถอนตัวจากทีพีพี และแทนที่ด้วยการเจรจา “ข้อตกลงการค้าทวิภาคที่เป็นธรรม”
ทรัมป์หาเสียงด้วยการให้สัญญาว่าจะยุติการเจรจาทีพีพี ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา หวังว่าจะเป็นหนึ่งในมรดกตกทอดด้านนโยบายของเขา
หนึ่งในปฏิกิริยาแรกๆ จากต่างประเทศต่อเรื่องนี้มาจากนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น ที่ระบุว่า “ทีพีพีที่ไม่มีสหรัฐนั้นไร้ความหมาย”
อาเบะกล่าวระหว่างการแถลงข่าวในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่เปรูวันเดียวกันว่า “การเจรจาใหม่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากทีพีพีที่ไม่มีสหรัฐอเมริกาจะทำให้ผลประโยชน์ไม่สมดุล”
ขณะที่ในเรื่องผู้อพยพ ทรัมป์ให้สัญญาว่า จะ “สอบสวนการกระทำผิดในโครงการออกวีซ่าที่ตัดลดโอกาสของคนงานชาวอเมริกัน” แต่ไม่ได้กล่าวถึงคำมั่นสัญญาที่เป็นนโยบายหลักสำคัญในการหาเสียงของเขาที่จะสร้างกำแพงกั้นตลอดแนวชายแดนเม็กซิโก
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้แสดงออกถึงการประนีประนอมในนโยบายบางอย่างที่เคยประกาศไว้ อาทิ ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 มินิตส์ ทรัมป์เผยว่าจะยังคงเนื้อหาสำคัญของกฎหมายโอบามาแคร์เอาไว้
นอกจากนี้ หลังจากชนะการเลือกตั้งไม่นาน ทีมงานหาเสียงของทรัมป์ได้นำข้อความที่ให้สัญญาว่าจะห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศออกไปจากหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ล่าสุดทรัมป์ยังเปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์สเป็นเวลา 75 นาทีเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ว่า จะไม่ทำตามคำมั่นสัญญาตอนหาเสียงว่าจะเอาผิด ฮิลลารี คลินตัน กรณีการใช้เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวในการรับส่งอี-เมลสมัยที่เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการสร้างความแตกแยก
คงต้องรอดูกันว่า ประธานาธิบดีที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลงานเป็นอย่างไรบ้างในช่วง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่ง และจะทำอย่างที่หาเสียงไว้ได้มากน้อยแต่ไหน
หรือจะมีการกลับลำในอีกหลายๆ เรื่องตามมาหลังจากนี้