เสถียร จันทิมาธร : ลมปราณ คางคก (9)

เสถียร จันทิมาธร

ไม่ว่าจะเรียกการต่อสู้ระหว่างเอี้ยก่วยกับพี่น้องตระกูลบู๊ว่าเป็นการวิวาท หรือจะเลี่ยงไปใช้คำว่า “ประกระบวนท่า ซักซ้อมมือ”

แต่ความเป็นจริงก็คือ การปะทะ การขัดแย้ง

พลันที่คำว่า “ท่านกล้าหรือไม่” ออกมาจากปากได้รับการย้ำเป็นคำรบ 2 ที่ใบหน้าก็บังเกิดความมืดวูบวาบ ดวงตาข้างซ้ายถูกเอี้ยก่วยต่อยใส่หมัดหนึ่ง บู๊ซิวบุ้นถึงกับซวนเซเสียหลักแทบสะดุดล้มลง

“ท่านทำร้ายโดยไม่บอกกล่าว ช่างไร้ยางอายนัก” บู๊ตุงยู้กระชากเสียงเปิดโปง

พลางใช้หมัดที่ก๊วยเจ๋งถ่ายทอดให้ต่อยใส่หว่างเอว เอี้ยก่วยไม่รู้จักถลันหลบจึงถูกหมัดต่อยใส่ เห็นบู๊ตุงยู้เตะออกอีกเท้าหนึ่งห้วงสมองพลันบังเกิดปฏิภาณวูบนึกถึงกระบวนท่าพี่ก๊วยเจ๋งถ่ายทอดให้แก่ 2 พี่น้อง ดังนั้น งอเท้าขวาเล็กน้อยยื่นมือซ้ายดันใส่ข้อเท้าขวาที่บู๊ตุงยู้เตะกราดมา

เป็นกระบวนท่าในวิชาคว้าจับของผู้กล้าซ่อนกายในตลาดช้วนกิมฮวด นาม “ค้ำยืนชื่อผลัดเปลี่ยนเสา” (เทาะเนี่ยอั่วเถียว)

เป็นกระบวนท่าอันเอี้ยก่วยได้มาในลักษณะ “ลอบลัก”

ลอบลักระหว่างก๊วยเจ๋งให้ 2 เฮียตี๋ตระกูลบู๊ฝึกซ้อมทบทวน 2 เฮียตี๋ความจริงเรียนรู้แต่หากใช้ออกจริงกลับไม่คล่องแคล่วปราดเปรียวเช่นเอี้ยก่วย

ทั้งๆ ที่เอี้ยก่วย “ลอบลัก” แอบดูเพียงชั่วครู่ชั่วยาม

ความได้เปรียบของเอี้ยก่วยจำเพาะในตอนเริ่มต้น แต่เมื่อต่อยตีสัประยุทธ์กันนานเข้า ฝ่ายที่กระทำก็กลับกลายเป็น 2 เฮียตี๋ตระกูลบู๊

บู๊ซิวบุ้นยื่นแขนซ้ายปิดป้อง มือขวาตะปบคว้าปกเสื้อเอี้ยก่วยกระชากดึงโดยแรง

ขณะเดียวกัน หมัดทั้ง 2 ของบู๊ตุงยู้กระแทกใส่ชายโครงด้านหลัง เอี้ยก่วยไม่อาจทรงกายมั่น ล้มคว่ำไปเบื้องหน้า

บู๊ตุงยู้ใช้ 2 มือกดศีรษะถามว่า “ยอมรับนับถือแล้วหรือไม่”

“ผู้ใดยอมรับนับถือสุนัขบ้าเช่นท่าน” เอี้ยก่วยกระชากเสียงตอบ

บู๊ตุงยู้เดือดดาลเป็นการใหญ่ กดใบหน้าเอี้ยก่วยใส่พื้นทราย “ท่านไม่ยอมรับนับถือก็ปล่อยให้ท่านอึดอัดขาดใจตาย”

ในดวงตา จมูก ปาก เอี้ยก่วยเต็มไปด้วยเม็ดทราย

พริบตานั้นหายใจไม่ออก เพียงชั่วขณะตลอดทั้งร่างเบ่งพองแทบระเบิด 2 มือบู๊ตุงยู้กดศีรษะมันโดยแรง บู๊ซิวบุ้นก็ขื่ออยู่บนต้นคอ สุดที่จะดิ้นรนหลุดรอดได้

ขณะที่อัดอั้นสุดทนทานกำลังภายในอันสั่งสมจากการฝึกปรือตามแนวทางของอาวเอี้ยงฮงพลันแผ่ทะลักออก รู้สึกว่าจุดตังชังที่ท้องน้อยปรากฏพลังความร้อนสายหนึ่งพลุ่งขึ้นมา ตลอดทั้งร่างกระปรี้กระเปร่าเปี่ยมพลัง

พลันทะลึ่งปราดขึ้น ไม่ทันลืมตามองก็ผลักฝ่ามือทั้ง 2 ออก

คราครั้งนี้กระแทกถูกท้องน้อยของอีกฝ่าย บู๊ซิวบุ้นร้องโอยคำหนึ่ง ล้มหงายตึงลงกับพื้น สิ้นสติสมประดี

พลังฝ่ามือนี้เกิดจากลมปราณคางคก

ลมปราณคางคกอันเป็นยอดวิชาของอาวเอี้ยงฮง มาตรว่ามีอานุภาพไม่ถึงครึ่งส่วนของอาวเอี้ยงฮง กอปรกับเอี้ยก่วยไม่รู้จักใช้ออก แต่ยามร่อแร่คับขันใช้ออกไปตามสัญชาตญาณบู๊ซิวบุ้นกลับไม่อาจทนทานรับได้

บู๊ตุงยู้สะอึกปราดไปเห็นผู้น้องนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง 2 ตาเหลือกขึ้นกลับเข้าใจว่าถูกเอี้ยก่วยฟาดตายแล้ว ยามตื่นตระหนกร้องว่า

“ซือแป๋ ซือแป๋ ตีตี๋ข้าพเจ้าตายแล้ว ตีตี๋ข้าพเจ้าตายแล้ว”

เอี้ยก่วยถ่มดินทรายในปาก ขยี้เม็ดทรายในดวงตาออก รู้สึกตลอดทั้งร่างอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงคิดก้าวเท้าแม้สักก้าวเดียวยังลำบากยากเย็น เห็นบู๊ซิวบุ้นนอนหงายแน่นิ่ง ทั้งยังได้ยินบู๊ตุงยู้ร่ำร้องคำ “ตีตี๋ข้าพเจ้าตายแล้ว” จิตใจถึงกับเลอะเลือนเลื่อนลอย ไม่ทราบว่าที่แท้เกิดเรื่องราวใด แม้สำนึกแน่แก่ใจว่าผิดท่าจนใจที่ไม่มีเรี่ยวแรงหลบลี้หนีหน้า

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าใดเห็นก๊วยเจ๋ง อึ้งย้งรีบรุดมา

วินาทีเป็นตายนี่แหละนำเอี้ยก่วยพานพบอีกชะตากรรมหนึ่งของชีวิต ก๊วยเจ๋งโอบอุ้มร่างบู๊ซิวบุ้นขึ้น นวดเฟ้นทรวงอก ท้องน้อย อึ้งย้งเดินถึงข้างกายเอี้ยก่วยถามว่า “อาวเอี้ยงฮงเล่า เขาอยู่ที่ใด”

เอี้ยก่วยเลอะเลือนมึนงงหาได้ตอบคำไม่ อึ้งย้งถามย้ำอีกว่า “เขาถ่ายทอดวิชาลมปราณคางคกนี้ให้แก่เจ้าตั้งแต่เมื่อใด”

เอี้ยก่วยคล้ายได้ยิน คล้ายไม่ได้ยิน

2 ตาเบิกค้าง ซึมเซาราวสูญเสียวิญญาณ แต่ปิดปากสนิทกริ่งเกรงเปล่งวาจาออก