เสถียร จันทิมาธร : ถวิลหา ลมปราณคางคก (8)

เสถียร จันทิมาธร

การมี “วิชา” และความสัมพันธ์อันมากด้วยเงื่อนปมของเอี้ยก่วยส่งผลทั้งในด้านอันเป็นคุณ และในด้านอันเป็นโทษ

1 วิชาเพลงมวยคางคกทำให้เอี้ยก่วยมี “ของ”

ขณะเดียวกัน 1 ของอันเอี้ยก่วยได้มาจากอาวเอี้ยงฮงกลับกลายเป็นพิษ กลับกลายเป็นอันตราย

ทำให้เกิดความคลางแคลงใจในตัวของเอี้ยก่วย

เป็นความคลางแคลงใจเสริมเติมจากสภาพความเป็นจริงที่เอี้ยก่วยเป็นบุตรของเอี้ยคังซึ่งมีโทษฐาน “นับถือโจรเป็นบิดา ทรยศต่อแผ่นดินซ้อง”

การดำรงอยู่ในวัยเยาว์ของเอี้ยก่วยจึงดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น

เห็นได้จากความหวาดระแวงของอึ้งย้งทำให้เส้นทางการศึกษาของเอี้ยก่วยดำเนินไปในวิถีของ “หนอนตำรา” มากกว่าจะเป็นในเรื่องวิชาฝีมือ

เป็นไปในทาง “บุ๋น” มากกว่าจะเป็นไปในทาง “บู๊”

อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกกีดกันในกระบวนการทางการศึกษา แต่เอี้ยก่วยก็ยอมรับแต่ก็มิได้ยอมจำนน

วิชาที่มันฝึกปรือด้วยตนเองกลับเป็นการเดินลมปราณอันอาวเอี้ยงฮงเคยสอน

นั่นก็คือการถ่ายทอดวิชาฝีมือจากอาวเอี้ยงฮงก่อนเดินทางมายังเกาะดอกท้อ อาวเอี้ยงฮงย่อกายลง ปากส่งเสียงร้อง กู กู กู 3 คราวผลักมือทั้ง 2 ออก

ได้ยินเสียงโครมกึกก้อง กำแพงดินเบื้องหน้าพังทลายลงตามพลังมือ

ก่อกวนจนดินโคลนคละคลุ้ง ผงคลีตลบอบอวล เอี้ยก่วยชมดูจนปากอ้าตาค้าง แลบลิ้นออกมา ในใจทั้งแตกตื่นทั้งยินดี

“นั่นเป็นวิชาฝีมืออันใด ข้าพเจ้าสามารถเรียนรู้หรือ”

“นี่เรียกว่าลมปราณคางคก (กับม้อกง) ขอเพียงเจ้ายอมพากเพียรพยายามย่อมต้องเรียนรู้ได้”

กิมย้งอธิบายว่า วิชาลมปราณคางคกนี้เป็นสุดยอดของวิชาฝีมือในแผ่นดิน มีเคล็ดความลึกล้ำพลิกแพลงกลับกลายไม่สิ้นสุด ขั้นตอนของการฝึกกำลังภายในยิ่งลำบากยากเย็น ขอเพียงฝึกผิดพลาดสักเล็กน้อยต้องรับบาดเจ็บสาหัส หาไม่ก็กระอักโลหิตเสียชีวิต

ครั้งกระโน้นแม้แต่อาวเอี้ยงโคกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอาวเอี้ยงฮงยังไม่ถ่ายทอดให้

เอี้ยก่วยไม่มีพื้นฐานพลังฝีมือมาตรแม้นท่องจำเคล็ดวิชาขั้นแรกเริ่มต้นไว้ แต่ไหนเลยเข้าใจความหมายที่เคลือบแคลง จนใจที่เอี้ยก่วยชาญฉลาดหลักแหลม ส่วนใดที่ไม่เข้าใจจะรบเร้าให้ผู้คนอธิบาย

เมื่อเดินทางไปยังเกาะดอกท้อ ถูกเหยียดหยามชิงชังจากพี่น้องตระกูลบู๊ รวมถึงก๊วยเซียง ทนไม่ได้ถึงกับวิวาทต่อยตีและหลบหนีเร้นหายอยู่ถึงครึ่งวัน 1 คืน

ค่ำคืนนั้นเอี้ยก่วยหลับใหลภายในถ้ำ เคลิ้มหลับไปครู่หนึ่ง

พลันเห็นอาวเอี้ยงฮงเข้าถ้ำมากล่าวว่า “เด็กเอย เรามาสอนวิชาฝีมือแก่เจ้าจะได้ต่อสู้กับปีศาจน้อยตระกูลบู๊ทั้ง 2”

เอี้ยก่วยยินดียิ่ง ติดตามอาวเอี้ยงฮงออกจากถ้ำ

เห็นอาวเอี้ยงฮงนั่งยองๆ กับพื้นส่งเสียงร้อง กู กู กู ผลักดัน 2 มือออก เอี้ยก่วยฝึกปรือตามนั้น รู้สึกว่าต่อยหมัดเตะเท้าได้อย่างเหมาะเจาะ อาวเอี้ยงฮงพลันต่อยหมัดมา เอี้ยก่วยหลบหลีกไม่ทัน

เสียงโครมเมื่อถูกต่อยใส่ขม่อม ศีรษะปวดแปลบอย่างรุนแรง ต้องส่งเสียงร้องคำหนึ่งกระโดดปราดขึ้นมา

เสียงโครมดังขึ้นที่ศีรษะอีกครา

ที่แท้เมื่อครู่หลับฝันไป เอี้ยก่วยยกมือลูบคลำศีรษะพบว่าบวมปูดขึ้นมาได้รับความเจ็บปวดยิ่งอดทอดถอนใจมิได้

พลางเดินออกจากถ้ำมองไปที่ขอบฟ้าเห็นดาวอ่อนจางหลายดวงประดับอยู่บนยอดไม้ หวนนึกทบทวนถึงวิชาฝีมือที่อาวเอี้ยงฮงถ่ายทอดให้ กลับนึกไม่ออกแม้แต่น้อย เอี้ยก่วยย่อกายลงปากส่งเสียงร้อง กู กู กู คิดใช้เคล็ดวิชาลมปราณคางคก ซึ่งอาวเอี้ยงฮงถ่ายทอดให้ที่เมืองเกียเฮงผ่านทางหมัดเท้า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจใช้ออก

เอี้ยก่วยครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดเหม่อมองท้องทะเลเวิ้งไพศาล ความรู้สึกอันอ้างว้างยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

ทั้งหมดเป็นความคับแค้นแน่นในอก ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นภาวะและความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างเอี้ยก่วยกับอาวเอี้ยงฮง

ยามคับแค้นกลับนึกถึงอาวเอี้ยงฮง แสดงว่านามนี้ทรงความหมาย

ขณะเดียวกัน แม้กระทั่งในความฝันก็บังเกิดนัยประหวัดถึงวิชาลมปราณคางคกอันเคยได้รับการถ่ายทอด สะท้อนถึงความโหยหาในวิชาและพลังฝีมือ

ต้องการ “วิชา” มาปกป้อง คุ้มครองตนเอง